“ซุนเย่าหั่วอัดเพลงกับอาจารย์เซี่ยนอวี๋อีกแล้วเหรอ”
“อยู่ที่สตูดิโอหนึ่งนี่เอง ผมเห็นพวกเขาเดินไป”
“ชั้นอื่นๆ อย่างน้อยก็ต้องผลิตนักร้องแถวหน้าได้แล้วหนึ่งคน มีแค่แผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้านี่แหละที่ยังไม่ได้นักร้องแถวหน้าแม้แต่คนเดียว แต่เซี่ยนอวี๋ก็ยังไม่รีบ ยังเสียเวลากับซุนเย่าหั่วอยู่อีกนั่นแหละ”
“ใครจะไปรู้ว่าเซี่ยนอวี๋คิดอะไร ตั้งใจปั้นเจียงขุยไปก็ได้แล้ว เจียงขุยอยู่ใกล้กับการเป็นนักร้องแนวหน้ามากแล้ว”
“…”
บริษัทใหญ่อย่างสตาร์ไลท์ มากคนมากความ เรื่องซุบซิบนินทาลับหลังนับว่าคึกคักมากทีเดียว
โดยเฉพาะแต่ละชั้นของแผนกประพันธ์เพลง ซึ่งช่วงนี้พวกเขาล้วนเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อภารกิจปั้นนักร้องแถวหน้าที่บริษัทมอบหมายให้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ก็ย่อมติดตามสถานการณ์ผลงานของชั้นเก้า
การติดต่อสื่อสารของแต่ละชั้นนั้นไม่ได้ปิดกั้น
ทุกคนต่างรู้ว่า ระดับความสำเร็จของผลงานของชั้นเก้านั้นแย่ที่สุด
เมื่อเห็นว่าเวลาของปีนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่เดือนสุดท้ายแล้ว แผนกประพันธ์เพลงชั้นอื่นๆ ต่างก็คาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าสุดท้ายแล้วเซี่ยนอวี๋จะสามารถปั้นนักร้องแถวหน้าก่อนสิ้นปีนี้ได้หรือไม่
“ดูจากสถานการณ์แล้ว ปีนี้ชั้นเก้าคงปั้นนักร้องแถวหน้าไม่ได้เลยสักคน”
“ถ้าในไม่กี่เดือนสุดท้าย เซี่ยนอวี๋ปล่อยซุนเย่าหั่ว แล้วเลือกปั้นเจียงขุย ฉันว่ายังพอมีความหวัง”
“เดือนกันยาถึงเดือนธันวา ทั้งหมดสี่เดือน ในนั้นยังรวมไปถึงกลุ่มแห่งความตายในเดือนธันวาอีก ผมว่ายาก”
“ประเด็นคือ ตอนนี้บนชาร์ตเพลงใหม่ ไม่ใช่แค่บริษัทอื่นๆ พยายามออกแรง ยังมีการแข่งขันภายในบริษัทอีก ถึงอย่างไรแต่ละชั้นก็สู้กันเต็มที่”
“…”
และขณะที่ในบริษัทกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น
ในห้องพักผ่อนของศิลปินสตาร์ไลท์
จ้าวอิ๋งเก้อเบ้ปาก “ถ้าตอนนั้นอาจารย์เซี่ยนอวี๋เลือกฉันไปที่ชั้นเก้าก็สิ้นเรื่อง ทำเอาตอนนี้สถานการณ์เลยเถิดไปจนรับมือไม่ไหวแล้ว”
ผู้ช่วยแอบหัวเราะ “อาจารย์เซี่ยนอวี๋น่าจะกำลังเสียดายที่ตอนนั้นไม่เลือกคุณ”
เดิมทีจ้าวอิ๋งเก้อเป็นหนึ่งในนักร้องที่ได้รับความสนใจมากที่สุดของบริษัท การได้เป็นนักร้องแถวหน้านั้นแน่เสียยิ่งกว่าแช่แป้ง
เมื่อมีแรงผลักดันจากแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบ เรื่องก็ยิ่งง่ายดายขึ้น ตอนนี้จ้าวอิ๋งเก้อกลายเป็นนักร้องแถวหน้าอย่างสมศักดิ์ศรี
“เขาจะเสียดายไหมนะ?”
จู่ๆ จ้าวอิ๋งเก้อก็นึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย “ตอนนี้อาจารย์เซี่ยนอวี๋คงจะเห็นฉันอยู่ในสายตาแล้วสินะ ถ้าปีหน้าฉันขอเพลงจากเขา เขาจะตอบตกลงไหม?”
ผู้ช่วย “…”
คุณพยายามมากขนาดนี้ก็เพื่อทำให้อยู่ในสายตาเซี่ยนอวี๋เนี่ยนะ
“มีอะไร”
จ้าวอิ๋งเก้อมองไปทางผู้ช่วย
ผู้ช่วยกล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่กำลังคิดว่า ทางชั้นเก้าคงกดดันมากทีเดียว”
“หึ”
จ้าวอิ๋งเก้อมั่นเต็มเปี่ยม “ถ้าตอนนั้นเขาเลือกฉัน ฉันก็ช่วยเขาทำภารกิจสำเร็จไปง่ายๆ แล้ว หลังจากนี้บริษัทมีแผนสร้างราชาราชินีเพลงอีก ครั้งหน้าเขาจะต้องเลือกฉันแน่!”
ผู้ช่วยงุนงง “ทำไมต้องเป็นเซี่ยนอวี๋ล่ะคะ แผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบไม่ดีเหรอ”
จ้าวอิ๋งเก้อส่งเสียงขึ้นจมูก “แน่นอนว่าชั้นสิบก็ดี แต่ฉันชอบอาจารย์เซี่ยนอวี๋ที่สุดไง ฉันชอบความรู้สึกเวลาได้รับความสนใจจากเขา ฉันอยากร้องเพลงที่เขาเขียน”
ผู้ช่วยคลี่ยิ้ม “ทำไมคุณถึงชอบทำให้คนอื่นเข้าใจผิดล่ะคะ คงไม่ใช่เพราะคุณสนใจอาจารย์เซี่ยนอวี๋หรอกใช่ไหม”
“ไม่ๆๆ ไม่ได้เข้าใจผิด ฉันสนใจเขาจริงๆ”
จ้าวอิ๋งเก้อมองผู้ช่วยด้วยสายตาแปลกพิลึก “หรือว่าเธอไม่สนใจเซี่ยนอวี๋”
ผู้ช่วยชะงักไป “ถ้าคุณพูดแบบนี้ ผู้หญิงในบริษัท ยังไม่ต้องสนใจว่าพวกเขาโสดไหม จะมีสักกี่คนที่กล้าบอกว่าไม่อยากได้อาจารย์เซี่ยนอวี๋ แต่ปัญหาคือคนเขาชอบเราหรือเปล่า”
จ้าวอิ๋งเก้อกัดริมฝีปาก “เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ไง”
……
หลินเยวียนไม่ได้ส่วงรู้ถึงความคิดของจ้าวอิ๋งเก้อ
แน่นอนว่าต่อให้รู้ เขาก็คงไม่ได้ใส่ใจ
เรื่องบางเรื่อง เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นย่อมเคยชินขึ้นมา
ส่วนการอัดเพลงสิบปีและช่วงโพสต์โพรดักชันใช้เวลามากสักหน่อย
ครั้นเพลงนี้เสร็จสมบูรณ์ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงปลายเดือนแล้ว
และเนื่องจากช่วงเวลาในการผลิตนั้นเร่งรีบกว่าปกติ บริษัทจึงไม่โปรโมตมากมายนัก เพลงนี้จึงถูกปล่อยออกสู่โลกออนไลน์อย่างเงียบเชียบในเที่ยงคืนแรกของเดือนกันยายน
แรกเริ่มเดิมที ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นเพลงนี้
เดือนกันยายนไม่ใช่ฤดูกาลการแข่งขันอันดุเดือด แฟนเพลงที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนเพื่อรอเพลงใหม่นั้นมีไม่มาก
ส่วนทางสตาร์ไลท์ หลายคนในแผนกประพันธ์เพลงให้ความสนใจกับเพลงใหม่ของซุนเย่าหั่วมากทีเดียว บางคนโต้รุ่งรอคอยตามสัญชาตญาณ
ช่วงเที่ยงคืนมาถึง
ทันทีที่เพลงของซุนเย่าหั่วเปิดตัว ในกลุ่มแช็ตของนักประพันธ์เพลงหลายกลุ่มก็พลันคึกคักขึ้นมา
‘เที่ยงคืนแล้ว!’
‘เพลงใหม่ของซุนเย่าหั่วมาแล้ว’
‘ฮั่นแน่ ฉันมาดูว่าเขาจะทำเพลงอาจารย์เซี่ยนอวี๋เสียเปล่าอีกไหม’
‘คาดการณ์ว่าเพลงดังคนไม่ดังตามเคย’
‘เพลงน่าจะไม่มีปัญหา ถึงยังไงอาจารย์เซี่ยนอวี๋ก็เป็นคนเขียน ผมแค่สงสัยว่าซุนเย่าหั่วจะร้องออกมายังไง’
‘นี่คือคนที่เซี่ยนอวี๋เข็นไม่ขึ้น’
‘…’
ขณะเดียวกัน
จ้าวอิ๋งเก้อซึ่งอยู่ในห้องนอนที่บ้าน ก็รีบดึงมาส์กหน้าออก เอื้อมมือไปคว้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนเตียง
เปิดแอปพลิเคชันฟังเพลง พลางสวมหูฟังอย่างคล่องแคล่ว และแล้วจ้าวอิ๋งเก้อก็หาเพลงใหม่ของซุนเย่าหั่วเจอ
ชื่อเพลง: สิบปี
เนื้อร้อง: เซี่ยนอวี๋
ทำนอง: เซี่ยนอวี๋
ขับร้อง: ซุนเย่าหั่ว
จ้าวอิ๋งเก้อขยับเมาส์อย่างรวดเร็ว คลิกเล่นเพลง จากนั้นวางหมอนไว้ด้านหลังศีรษะ เอนกายหลับตาลงอย่างสบาย
สิ่งที่เธอตั้งตารอนั้นหาใช่เสียงของซุนเย่าหั่ว หากแต่เป็นท่วงทำนองของเซี่ยนอวี๋
ท่ามกลางความมืดมิดยามหลับตา เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มดังขึ้น ในน้ำเสียงระคนความขมขื่น
“หากไม่หวาดกลัวที่จะเอ่ยสองคำนั้น ฉันคงไม่รู้ว่าฉันก็เสียใจ จะให้พูดอย่างไร สุดท้ายก็แยกจากกัน”
ซุนเย่าหั่วร้องจริงเหรอเนี่ย?
เปลือกตาของจ้าวอิ๋งเก้อที่ปิดสนิทลืมขึ้นทันใด ส่วนลึกของดวงตาฉายแววประหลาดใจ
เสียงเพลงดังอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็นท่วงทำนองของท่อนเวิร์สอันเนิบช้า
“หากพรุ่งนี้ไม่มีสิ่งใดที่ต้องการ จับมือกันเหมือนออกเดินทาง มีบานประตูนับหมื่นพัน สุดท้ายคงมีสักคนจากไป”
ท่ามกลางความสับสน จ้าวอิ๋งเก้อคล้ายกับเห็นชายหญิงสองคนซึ่งเข้ากันไม่ได้ ยืนอยู่บนถนนกว้างไร้ที่สิ้นสุด
แสงสลัวจากไฟริมทางชวนเปล่าเปลี่ยว ส่องสะท้อนให้เงาของพวกเขาทอดยาว
“ในเมื่ออ้อมกอดไม่อาจรั้งไว้ ทำไมตอนจากกันเราถึงไม่ ตักตวงความสุข ร้องไห้ด้วยกัน…”
ทั้งสองคนไม่อยากแยกจากกัน แต่ก็ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้
แต่บางสิ่งแหลกสลายไปแล้ว จึงเหมือนกับสายลมยามเย็นที่พัดมาโดยไม่ทันตั้งตัว
พวกเขาแยกจากกัน
ผู้ชายไปทางซ้าย ผู้หญิงไปทางขวา ไม่มีใครหันหลังกลับมา
ทันใดนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นเป็นขั้นบันได เสียงเพลงซึ่งดังกังวานในโสตประสาทระคนไปด้วยความอ่อนโยนอันโหดร้าย
“สิบปีที่ผ่าน ฉันไม่รู้จักเธอ เธอไม่ใช่ของฉัน เราสองคนไม่ต่างกัน เคียงข้างคนแปลกหน้าเฉกเช่นทุกวัน ค่อยๆ เดินผ่านมุมถนนที่คุ้นเคย สิบปีที่ผ่าน เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
บนถนนยามค่ำคืน
เวลาล่วงเลย
มีบางสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง
มีบางสิ่งที่ดูคล้ายกับไม่เปลี่ยนแปลง
“สิบปีผ่านไป เราเป็นเพื่อนกัน ยังทักทายกันดังเคย แต่ความอ่อนโยนในวันวาน ไม่มีเหตุผลให้โอบกอดกันอีกแล้ว สุดท้ายคนรัก ต้องกลับไปเป็นเพื่อนกัน”
จ้าวอิ๋งเก้อค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
และในกลุ่มแช็ตของสตาร์ไลท์ บรรยากาศเงียบกริบไปสิบนาทีเต็มๆ ถึงจะมีคนเขียนว่า
‘เซี่ยนอวี๋ยังคงเป็นเซี่ยนอวี๋คนเดิม’
หลังจากนั้น เขาก็เอ่ยเสริมขึ้นมา ‘แต่ซุนเย่าหั่วเหมือนจะไม่ใช่ซุนเย่าหั่วคนเดิมแล้ว’
……………………………………….