ระหว่างที่พูดอยู่นั้น จู่ๆ แม่เฒ่าหวังก็ยื่นมือออกไปพร้อมกับกระโจนเข้าใส่เลี่ยวฉิงเทียน!
เลี่ยวฉิงเทียนตกใจเมื่อเขาเห็นแม่เฒ่าหวังพุ่งเข้ามา เขาต่อว่าบรรดาทหารของศาลาว่าการที่อยู่ข้างๆ ในทันทีว่า ”พวกเจ้าทำงานกันอย่างนี้หรือ ทำไมถึงปล่อยให้คนเสียสติเข้ามาในนี้ได้ พวกเจ้ารออะไรอยู่ รีบไล่นางออกไปสิ! ไล่นางออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” ทหารของศาลาว่าการกำลังจะเข้าถึงตัวแม่เฒ่าหวัง และด้วยเรี่ยวแรงที่พวกเขามี พวกเขาย่อมสามารถพาตัวนางออกไปได้อย่างง่ายดาย
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้พูดอะไร แต่กลับยกขาขึ้นถีบพวกเขาออกไป!
“ข้าอยากเห็นนักว่าใครจะกล้าเข้ามา!”
อาจเป็นเพราะบรรยากาศอันแข็งแกร่งเกินไปของนาง จึงทำให้คนอื่นๆ นอกจากบรรดาทหารของศาลาว่าการที่นอนกระจัดกระจายอยู่บนพื้นต่างพากันก้าวถอยหลังไปด้วยความหวาดหวั่น
เลี่ยวฉิงเทียนตะโกนว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ท่านกล้าก่อเรื่องวิวาทในศาลหรือ”
“ฝ่ายที่ลงมือก่อนคือท่านต่างหากล่ะ แม่ทัพเลี่ยว” สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
เลี่ยวฉิงเทียนเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยยืนกรานที่จะปกป้องแม่เฒ่าหวัง ดังนั้นเขาจึงละสายตาออกจากนาง แล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัยว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านใช้วิธีไร้ศีลธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านถึงกับจ่ายเงินหาพยานมาใส่ความข้าเชียวรึ!”
“เลี่ยวฉิงเทียน อย่าพูดจาไร้สาระ! เจ้ากล้าพูดหรือเปล่าล่ะว่าเจ้าไม่รู้จักข้า!” แม่เฒ่าหวังตัวสั่นด้วยความโกรธ!
เลี่ยวฉิงเทียนมองนางอย่างเย้ยหยัน ”ข้าไม่รู้ว่าท่านบ้าจริงหรือแกล้งเป็นบ้ากันแน่ แต่ทำไมคนเป็นแม่ทัพอย่างข้าถึงต้องรู้จักท่านด้วยหรือ”
“เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าไม่รู้จักข้าหรือ มือสังหารที่ถูกส่งมาฆ่าข้าที่ตรอกในวันนี้ก็ล้วนแต่ถูกเจ้าสั่งมาทั้งนั้น! หากไม่มีความช่วยเหลือจากใต้เท้าเว่ย ป่านนี้ข้าคงได้ตายไปแล้ว! แต่ทั้งที่เป็นเช่นนั้นเจ้ากลับยังกล้าบอกว่าเจ้าไม่รู้จักข้าอีกหรือ!” แม่เฒ่าหวังคิดว่าคำพูดของนางคงส่งผลกระทบต่อเลี่ยวฉิงเทียนหรืออย่างน้อยก็คงจะสามารถทำให้เขารู้สึกผิดได้บ้าง
แม้จะต้องเผชิญกับถ้อยคำประณามหยามเหยียดเช่นนั้น แต่เลี่ยวฉิงเทียนก็ไม่คิดที่จะยอมรับความผิดของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ”มีคนอยากทำร้ายท่าน แต่ท่านกลับสรุปเอาว่าเป็นข้าอย่างนั้นรึ นี่ ท่านยาย ท่านควรรู้จักมีสติแยกแยะผิดชอบชั่วดีเหมือนมนุษย์คนอื่นเขาเสียบ้าง มิฉะนั้นท่านจะถูกลงโทษข้อหาให้การเท็จในชั้นศาลเอาได้นะ”
“เจ้า… เจ้า!” แม่เฒ่าหวังอ้าปากหอบหายใจอย่างแรง นางนึกไม่ถึงเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีคนสารเลวเช่นนี้อยู่ด้วย!
เฮ่อเหลียนเวยเวยวางมือของนางลงบนแผ่นหลังของแม่เฒ่าหวัง แล้วตบหลังนางเบาๆ ก่อนจะตอกกลับคำพูดของเลี่ยวฉิงเทียนอย่างไม่รีบร้อน ”แม่ทัพเลี่ยว ท่านก็แค่กำลังปฏิเสธความจริงและโยนความผิดให้กับคนอื่นอยู่เท่านั้น”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าข้ากำลังโยนความผิดให้คนอื่นอยู่” เลี่ยวฉิงเทียนไม่สนใจแม่เฒ่าหวัง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่เฮ่อเหลียนเวยเวย ”ใต้เท้าเว่ย ข้าประทับใจแผนการของท่านจริงๆ แต่ความจริงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ดังนั้นก่อนที่ท่านจะใส่ร้ายป้ายสีข้า ก็จงนับดูให้ดีเสียก่อนเถอะว่ามีคนเลือกจะเชื่อคำพูดของท่านกี่คนกัน! คนที่ควรจะรับสารภาพผิดคือท่านต่างหาก! มีคำสารภาพอันยากจะปฏิเสธได้เช่นนี้เป็นหลักฐานอยู่แล้ว ท่านยังคิดที่จะแก้ตัวอีกหรือ”
“แม่ทัพเลี่ยวเอาแต่พูดถึงคำสารภาพฉบับนี้มาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าคนที่เขียนมันขึ้นมาอยู่ที่ไหน ทำไมท่านถึงไม่เรียกให้ที่ปรึกษาส่วนตัวของข้าเข้ามาล่ะ แล้วพวกเราจะได้ยืนยันเรื่องนี้กันซึ่งๆ หน้า ว่าอะไรคือความจริงกันแน่” ทันทีที่พูดจบ ริมฝีปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เผยอยิ้มขึ้นทีละน้อย
ในรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยเลศนัย
หยวนหมิงและเสี่ยวไป๋ที่อยู่ในมิติสวรรค์สบตากัน ผู้หญิงคนนี้กำลังจะใช้ไพ่ตาย!
เลี่ยวฉิงเทียนยังคงเงียบ
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนซึ่งเป็นผู้วางกลยุทธ์ให้กับเลี่ยวฉิงเทียนคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าคนแซ่เว่ยย่อมต้องการพบหน้าที่ปรึกษาส่วนตัวของตัวเองอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเตรียมการรับมือเอาไว้เป็นอย่างดี
ในกองทัพมีคนที่รู้วิธีใช้กู่อยู่คนหนึ่ง ทันทีที่กู่เข้าไปอยู่ในร่างของเหยื่อ ความคิดและจิตใจของเหยื่อรายนั้นก็จะถูกควบคุม และคนคนนั้นจะเชื่อฟังเพียงแค่คำสั่งของเขาเท่านั้น
เวลานี้ ที่ปรึกษาคนนั้นกำลังถูกกู่ชนิดนี้เล่นงานอย่างรุนแรง!
ทันทีที่เขาถูกนำตัวเข้ามาในศาล เจ้าคนแซ่เว่ยผู้นี้คงจะน่าเวทนายิ่งกว่านี้แน่!
นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างที่สุด
ต่อให้เจ้าคนแซ่เว่ยจะฉลาดเพียงใด แต่เขาก็คงนึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนจะใช้วิธีนี้… ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ
ทีแรกนั้น วิธีที่ดีทีสุดสำหรับพวกเขาคือการฆ่าปิดปากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
แต่การทำเช่นนี้จะกระตุ้นให้อดีตฮ่องเต้เกิดความสงสัยเอาได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคิดแผนการนี้ขึ้นมา
ตอนนี้ในเมื่อเจ้าคนแซ่เว่ยเป็นคนเอ่ยขอขึ้นมาเอง เช่นนั้นเขาก็จะไม่เกรงใจ!
“ดูเหมือนว่าใต้เท้าเว่ยจะไม่ยอมแพ้จนกว่าเราจะเชิญตัวที่ปรึกษาหลงมาที่ศาล! แม่ทัพเลี่ยว ท่านไม่ต้องเสียแรงต่อปากต่อคำกับเขาอีกแล้ว คนบางประเภทก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาจะยอมทำตัวดีๆ ก็ต่อเมื่อถูกอัดเข้ากับกำแพงอย่างแรงเท่านั้น” ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนสะบัดมือ จากนั้นจึงสบตากับเลี่ยวฉิงเทียนเพื่อส่งสัญญาณบอกให้เขารักษาความเยือกเย็นเอาไว้ ”ใครก็ได้ไปพาตัวที่ปรึกษาหลงมาที่ศาลที ให้ใต้เท้าเว่ยได้พบเขาและดูคำสารภาพที่เขาเขียนขึ้นด้วยตาตัวเอง!”
“ขอรับ!” ทหารของศาลาว่าการรับคำสั่งแล้วเดินออกไป
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนไม่ลืมที่จะถามอดีตฮ่องเต้ที่นั่งถัดไปจากเขาว่า ”อดีตฮ่องเต้ ท่านคิดว่าทำเช่นนี้สมควรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“รอจนกว่าที่ปรึกษาส่วนตัวคนนั้นจะมาถึงที่นี่ก่อนก็แล้วกัน” อดีตฮ่องเต้ตอบกำกวม เขาแตกต่างจากเฮยเจ๋อและเจ้าเจ็ด เพราะเขายังไม่รู้ว่าที่ปรึกษาส่วนตัวคนนั้นเป็นใคร เขาคิดว่าเจ้าหลานชายผู้แสนเลือดเย็นของเขาน่าจะกำลังใช้เวลาอยู่ที่ไหนสักแห่งมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจการมีตัวตนอยู่ของที่ปรึกษาส่วนตัวคนที่ว่านี้มากนัก
เลี่ยวฉิงเทียนอยากโดดเด่นในสายตาของอดีตฮ่องเต้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มตำหนิในข้อด้อยของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”ที่ปรึกษาส่วนตัวคนนี้มีท่าทางยโสโอหังยิ่งนัก เขาเป็นคนมีความคิดลึกล้ำ แต่กลับเลือกเส้นทางผิด สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือการกอบโกยเงินจำนวนมหาศาลเข้าตัวเท่านั้น การกระทำของเขาทำให้ชื่อเสียงของบัณฑิตคนอื่นๆ ต้องเสื่อมเสีย”
การกระทำของเจ้าต่างหากที่ทำให้ชื่อเสียงของบัณฑิตคนอื่นต้องเสื่อมเสีย ตระกูลของเจ้าทั้งตระกูลต่างหากที่สร้างความอับอายให้กับชื่อเสียงของเหล่าบัณฑิตพวกนั้น!
เจ้าเจ็ดพยายามข่มความเดือดดาลที่เกิดขึ้นพร้อมกับกัดซาลาเปาเนื้อเข้าปาก
ทีแรกเขาก็สงสัยอยู่เชียวว่าพี่สามหายไปไหน
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาถูกคนพวกนี้จับไปอยู่หลังลูกกรงนี่เอง!
เขาสาบานเลยว่าตอนที่พี่สามมาถึง เสด็จปู่จะต้องทำให้เจ้าคนพวกนี้ได้คุกเข่าลงกับพื้น และสารภาพความผิดทั้งหมดของตัวเองออกมาอย่างแน่นอน
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เฮยเจ๋อก็เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา เขาลดเสียงลงแล้วพูดกับเฮ่อเหลียนเวยเวยเบาๆ ข้างหูว่า ”เพราะอย่างนั้นเมื่อครู่นี้เจ้าถึงไม่ยอมให้ข้าพูดอะไรออกมาสินะ ข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้าคงกำลังรอจังหวะใช้ไพ่ตายอยู่ พวกเจ้าวางแผนจะกวาดล้างคนกลุ่มนี้อยู่หรือ”
“มีคนเคยกล่าวว่า ผู้ไร้ซึ่งความยุติธรรมย่อมพบกับความย่อยยับ พวกข้านึกไม่ถึงเลยว่าเลี่ยวฉิงเทียนจะกล้าดีถึงเพียงนี้ เขาถึงกับกล้าจับที่ปรึกษาส่วนตัวของข้า มิหนำซ้ำยังกล้าปลอมหลักฐานเท็จขึ้นมาอีก ตอนนี้ข้าคงบอกได้เพียงแค่ว่าถ้าคนเราไม่หาเรื่องใส่ตัวก็คงไม่ต้องตาย” แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ย่อมจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากองค์ชาย เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบคางพลางพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจ แล้วจึงตระหนักได้ว่าเหตุผลใหญ่ที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้นนั้นล้วนแต่มาจากการร่วมมือกับองค์ชายทั้งสิ้น
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ จะยั่วโมโหใครก็ได้ แต่อย่าให้บนรายชื่อนั้นมีองค์ชายอยู่เป็นอันขาด
จริงแท้แน่นอน จุ๊ๆๆ คนคนนั้นคงดวงตกน่าดูที่ไปหาเรื่องคนชั่วร้ายมากเล่ห์อย่างเขา
แต่เลี่ยวฉิงเทียนกับผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนยังตระหนักถึงความจริงข้อนี้ไม่ได้ พวกเขายังคงเชื่อมั่นในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าแผนการอันสมบูรณ์แบบนั้นอยู่ พวกเขาคิดว่าการทำเช่นนี้จะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยได้แน่
ทั้งสองคนมองหน้ากัน และพยายามซ่อนแผนการชั่วร้ายที่อยู่ในดวงตาเอาไว้
มุมปากของเลี่ยวฉิงเทียนเผยรอยยิ้มแห่งความอวดดีออกมาเล็กน้อย เขากำลังรอที่จะได้เห็นเจ้าคนแซ่เว่ยขุดหลุมฝังตัวเอง เจ้าหมอนี่ไม่มีวันพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้อีกแล้ว!