แม้ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนจะนั่งด้วยท่าทางสบายๆ แต่อันที่จริงนั้นเขามีความคิดที่จะฆ่าเจ้าคนแซ่เว่ยคนนี้มาตั้งแต่เขาจับหลานชายตัวเองเข้าห้องขัง และทำให้เขาต้องชวดเงินงบประมาณก้อนโตของเมืองฟู่ผิงไป
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะจัดการอีกฝ่ายเมื่อเขามาถึงเมืองหลวง
หากเป็นเช่นนั้นมันคงง่ายกว่ามาก
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าคนที่มาจากชนบทห่างไกลจะไม่กลัวตายยิ่งกว่าที่เขาคิด!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็จะกำจัดเขาให้สาบสูญไปจากเมืองหลวงประจำมณฑล พร้อมกับที่ปรึกษาหลงที่อยู่ข้างๆ เขาด้วย!
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนกระตุกยิ้ม แล้วยื่นมือออกไปหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบชาร้อนๆ…
แต่ในตอนที่ทุกคนกำลังรอฟังคำตัดสินเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนั่นเอง
ไกลออกไปนั้น ร่างของคนคนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
จากสายตาพินิจพิเคราะห์ของคนที่อยู่ในศาลาว่าการ ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะมีช่วงขาเรียวยาวและทรงพลัง ความสมบูรณ์แบบของเขาเกิดจากชุดสีขาวที่สวมอยู่ และเส้นผมสีดำสนิทราวกับรัตติกาลที่สะบัดเบาๆ อยู่กลางหลัง เขาดูมีเสน่ห์จนเหมือนไม่ใช่คนบนโลกนี้
ในเวลานั้นประชาชนทุกคนคิดว่าพวกเขาได้เจอกับเทพเซียนจากสวรรค์ที่เพิ่งลงมาบนพื้นโลก
ฝูงชนค่อยๆ ขยับตัวและเปิดทางให้กับเขา
ชายคนนั้นถูกล่ามเอาไว้ เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูอย่างไร้กังวล ผมสีดำกับเสื้อคลุมสีขาวของเขาปลิวอยู่ในอากาศ
ในดวงตาเรียวรีราวกับตาหงส์ของเขามีแสงสว่างซุกซ่อนอยู่ มันดูไม่มีพิษมีภัยแต่ก็สามารถที่จะพลิกกระแสเกมกลับมาเป็นผู้ควบคุมทุกคนได้ หางตาที่ตกลงของเขาช่วยลดปริมาณความเย็นชาของเขาลงไปได้ และยังแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของผู้ที่มีตำแหน่งอันสูงส่ง ทรงเกียรติ และใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ในโลกของอำนาจมาตลอดหลายปี
นี่ นี่มัน!
ถ้วยชาในมือของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนกระทบกันจนเกิดเสียงดังเคร้ง พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที!
ขุนนางคนอื่นๆ ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ต่างหันไปมองผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนจากด้านข้าง แล้วมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ไม่รู้สิ ท่านผู้อาวุโสอาจจะไม่เคยเห็นที่ปรึกษาหน้าตาเช่นนี้มาก่อนกระมัง ตอนที่ข้าได้เห็นที่ปรึกษาหลงครั้งแรก ข้าก็ตกตะลึงเหมือนกัน”
เลี่ยวฉิงเทียนไม่สนใจปฏิกิริยาของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียน เขาเดินเข้าไปแล้วถามว่า ”หลงซาน ใต้เท้าเว่ยปฏิเสธที่จะยอมรับในคำรับสารภาพที่เจ้าเขียน เจ้ามีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่”
สาเหตุที่ทำให้เลี่ยวฉิงเทียนแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมาโดยไม่ลังเลนั้นล้วนเป็นเพราะกู่
หลงซานผู้นี้จะทำการร่ายความผิดทั้งหมดที่อยู่ในคำรับสารภาพนั้นออกมาตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ แล้วจากนั้นเจ้าคนแซ่เว่ยก็จะได้ตกเป็นผู้กระทำผิดอย่างสมบูรณ์!
แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ตอบคำถามเขา ทันทีที่เขาพูดจบ ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนก็ตะโกนเรียกเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำและฟังดูประหลาดยิ่งนัก ”แม่ทัพเลี่ยว!”
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส?” เลี่ยวฉิงเทียนไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร
ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนเอ่ยอย่างรีบร้อนว่า ”คนคนนี้…”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ขัดเขาขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า ”ข้าไม่เคยเขียนคำรับสารภาพใดๆ แม้แต่ฉบับเดียว”
ทันทีที่เลี่ยวฉิงเทียนได้ยินดังนี้ เขาก็คิดว่าฤทธิ์ของกู่คงยังทำงานได้ไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงกล่าวอย่างเดือดดาลว่า ”หลงซาน ทำไมเจ้าถึงยังปฏิเสธที่จะยอมรับในความผิดของตัวเองอยู่อีกเล่า อย่าบังคับให้ข้าต้องลงโทษเจ้าเชียว!”
“เจ้าคิดจะลงโทษข้าอย่างไร จะสาปข้าหรือไร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกมุมปากขึ้น แล้วถามอย่างไม่กลัวเกรงว่า ”เจ้าคิดว่าของกระจอกๆ นั่นจะใช้ได้ผลกับข้าหรือ”
อดีตฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านข้างนิ่วหน้า เจ้าคนแซ่เลี่ยวคนนี้ช่างโง่เง่าเสียไม่มี เขาบังอาจลักพาตัวหลานชายของเขาไป และมาตอนนี้ก็ยังคิดที่จะสาปแช่งเขาอีกหรือ
ดีมาก ดีจริงๆ!
ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้หน้าตาเป็นอย่างไร!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อดีตฮ่องเต้ก็เหยียดยิ้มออกมา ความเย็นชาปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา
ขันทีซุนรู้ว่าผู้เป็นนายย่อมคิดที่จะปกป้องหลานชายของตัวเอง เขาเองก็ตกใจเช่นกันตอนที่เห็นว่าองค์ชายถูกจับใส่กุญแจมือและล่ามโซ่เช่นนี้!
อีกด้านหนึ่งนั้น เหงื่อเย็นๆ ซึมไปทั่วร่างของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนทุกครั้งที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้าวเข้ามาใกล้ หลังจากได้ยินคำพูดของเลี่ยวฉิงเทียน เขาก็แทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองหนีไปจากที่นี่ซะ!
ตอนแรกเขาคิดว่าจะได้เห็นที่ปรึกษาเครายาวที่เกิดมาในตระกูลยากจนข้นแค้น แต่งตัวมอมแมมเสียอีก
เขาถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูกตอนที่พบว่าแท้จริงแล้วที่ปรึกษาส่วนตัวคนนั้นจะเป็นถึงองค์ชายสาม!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
องค์ชายสามเปลี่ยนอาชีพไปเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว หลงซาน ชื่อหลงซานสื่อถึงคนรุ่นที่สามในตระกูลหลง!
เห็นได้ชัดว่าชื่อของอีกฝ่ายก็เป็นคำใบ้ที่บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าตัวอยู่แล้ว เขาคงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ไม่คิดออกให้เร็วกว่านี้
เวลานี้… ขาซ้ายของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนหมดเรี่ยวแรงจนกลายเป็นวุ้น เขาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าดูราวกับแก่ขึ้นอีกหลายปีอย่างกะทันหัน
เขาทำอะไรได้บ้าง
เขาควรทำอย่างไรดี
ตระกูลทั้งตระกูลของเขาคงได้พลอยติดร่างแหกับความผิดในข้อหาจับโอรสของฮ่องเต้เข้าห้องขังแน่!
พวกเขาถึงกับสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาเพื่อปรักปรำเขาในข้อหาโจรยักยอกเงินงบประมาณที่ทางราชสำนักจัดสรรมาให้…
ทันทีที่คิดได้เช่นนี้ เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลท่วมไปทั่วใบหน้าของผู้อาวุโสเฮ่อเหลียน ความน่าเกรงขามที่เคยอยู่บนใบหน้าของเขาพลันหายไปจนหมดสิ้น
ความคิดเดียวที่เขามีอยู่ในใจตอนนี้คือ จบแล้ว!
ทั้งหมดจบสิ้นแล้ว!
เลี่ยวฉิงเทียนที่จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวคิดว่าที่ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้นก็เพราะว่าอีกฝ่ายรู้ว่ากู่หมดฤทธิ์แล้ว
แม้ว่าเมื่อครู่นี้เขาจะตกอยู่ในอาการสับสน แต่เขาก็สามารถสงบจิตใจลงได้ในไม่ช้า ต่อให้อีกฝ่ายไม่มีกู่อยู่ในร่างแล้วจะทำไม ตราบใดที่เขาโหดเหี้ยมมากพอ เขาย่อมสามารถทำให้ที่ปรึกษาหลงพูดคำตอบที่เขาต้องการออกมาได้อยู่ดี!
“ดูเหมือนที่ปรึกษาหลงจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากสลบไป” เลี่ยวฉิงเทียนหัวเราะเย้ยหยัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยช้าๆ ว่า ”ข้าจะจำในสิ่งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นได้อย่างไร”
“สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือ ในเมื่อท่านปฏิเสธ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยให้ท่านนึกออกเอง!” ขณะพูด เลี่ยวฉิงเทียนก็สะบัดแขนเสื้อก่อนเอ่ยต่อ ”ใครก็ได้ จับเขาโบยสักร้อยที เราจะหยุดก็ต่อเมื่อเขาจำหลักฐานที่เขาเขียนขึ้นเมื่อวานนี้ได้!”
เลี่ยวฉิงเทียนคุ้นเคยกับการใช้ท่าทางแสดงอำนาจเวลาอยู่ในเมืองหลวงประจำมณฑล ดังนั้นจึงเป็นการยากที่เขาจะสามารถซ่อนมันเอาไว้ได้หมด ยิ่งกว่านั้นเขายังออกคำสั่งตามขั้นตอนของศาล ดังนั้นจึงไม่มีช่องโหว่ให้ใครสามารถชี้นิ้วต่อว่าเขาได้
แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะอดีตฮ่องเต้ที่ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนักมาตั้งแต่แรกกลับอ้าปากพูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น แต่ก็ฟังดูทิ่มแทงยิ่งนัก ”แม่ทัพเลี่ยว หลานชายของข้าทำความผิดข้อหาอะไรหรือ ท่านถึงได้คิดที่จะโบยเขาตั้งหนึ่งร้อยที”
อะไรนะ หมายความว่าอย่างไรกัน
เลี่ยวฉิงเทียนหันมองไปรอบๆ ด้วยความตกใจ เขาถึงกับคิดด้วยซ้ำว่าหูของเขาคงมีปัญหา
หลาน…ชาย?
ขุนนางทุกคนชะงักไปเช่นกัน พวกเขามองใบหน้าหล่อเหลาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยด้วยสีหน้าเหม่อลอย
หลานชายที่ว่านี่ หมายความว่าที่ปรึกษาหลงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นองค์ชายคนปัจจุบันอย่างนั้นหรือ?!
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกออกว่ามีคนอยู่คนหนึ่งที่เป็นโอรสของฮ่องเต้ และมักจะอยู่ข้างกายอดีตฮ่องเต้เสมอ อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากอดีตฮ่องเต้มากกว่าองค์ชายเจ็ดเสียอีก
คนคนนั้นคือองค์ชายสามหรือ?!
โครม!
เลี่ยวฉิงเทียนสะดุดแล้วล้มลงไปนั่งกองกับพื้นเสียงดังสนั่น!
เขาทำอะไรลงไป!
เขาจับองค์ชายที่ไม่มีใครในจักรวรรดิจ้านหลงกล้าเสียมารยาทด้วยเข้าห้องขัง! ยิ่งกว่านั้นเขายังคิดปองร้ายองค์ชายไปแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้งอีกด้วย!
เขาจบสิ้นแล้ว!
คราวนี้ แม้แต่ราชาแห่งนรกก็คงไม่สามารถช่วยเขาได้!