บทที่ 522 ทะเลเหนือจลาจล ฟ้าเปลี่ยนสีไปแล้ว!
“ไม่รู้จักข้าแล้วหรือ”
มัจฉาสัตมายาหัวเราะ ประชิดตัวขุนพลกุ้ง ขุนพลปู ให้ขุนพลกุ้งขุนพลปูเหล่านี้มองหน้ามันดี ๆ
“ผู้ใดกัน วางมาดใหญ่โตเยี่ยงนี้ ให้พวกเราได้ดูหน่อย!”
ขุนพลกุ้งผู้หนึ่งเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงของมัน ก็นิ่งค้างไป ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “ท่าน…ท่านคือคุณชายชวน!”
หลังสรรพนามคุณชายชวนหลุดออกมา ขุนพลกุ้งขุนพลปูที่เหลือก็รีบหันมองมัจฉาสัตมายา
“คุณชายชวน!”
“คุณชายชวนจริง ๆ!”
พวกมันจำมัจฉาสัตมายาได้ แต่ละตนดีใจกันอย่างมาก
มัจฉาสัตมายาเป็นเผ่าสูงส่ง พวกมันไม่มีค่าอันใดเมื่อเทียบกับเผ่ามัจฉาสัตมายา สมาชิกเผ่ามัจฉาสัตมายามิได้ญาติดีกับพวกมันนัก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ดูแคลนพวกมัน
ทว่ายังมีข้อยกเว้น!
มัจฉาสัตมายาตรงหน้านี้ก็คือข้อยกเว้น!
มัจฉาสัตมายาดีต่อพวกมันมาก ไม่เคยดูถูกพวกมัน คบค้าสมาคมกับพวกมันอยู่บ่อย ๆ มีสัมพันธ์อันดีงามต่อกัน
หลังจากมัจฉาสัตมายาหายไปอย่างไร้สาเหตุ พวกมันต่างเป็นห่วงมัจฉาสัตมายากันมาก กลัวจะเกิดเรื่องกับมัจฉาสัตมายา บัดนี้ได้เห็นมัจฉาสัตมายากลับมาอย่างปลอดภัย อย่าให้พูดเลยว่าพวกมันดีใจเพียงใด
“ข้าก็นึกว่าตาเล็ก ๆ ของพวกเจ้าจะจำข้าไม่ได้เสียแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยพลางหัวเราะร่วน เข้าไปกอดไหล่ขุนพลกุ้งปูทั้งหลาย “หลังข้าไปแล้วทะเลเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเล่า เป็นอย่างไร”
แต่เดิมขุนพลกุ้ง ขุนพลปูยังมีรอยยิ้มประดับประดาบนใบหน้า แต่หลังจากมัจฉาสัตมายถามพวกมันว่าทะเลเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ท่านพ่อท่านแม่ของมัจฉาสัตมายาเป็นอย่างไรบ้าง รอยยิ้มบนใบหน้าพวกมันก็แข็งทื่อไปตาม ๆ กัน
“เกิดอะไรขึ้น!”
มัจฉาสัตมายาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสีหน้านิ่งค้างของเหล่าขุนพลกุ้งและขุนพลปู จึงรีบเอ่ยถาม
“ไม่ดีเลย!”
ขุนพลกุ้งนายหนึ่งตอบ “ทะเลเหนือย่ำแย่ ท่านพ่อท่านแม่ของคุณชายชวนก็…ย่ำแย่!”
สีหน้ามัจฉาสัตมายาเปลี่ยนไป หัวใจกระตุกวูบ เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อท่านแม่ของข้า”
“ทะเลเหนือ…ฟ้าเปลี่ยนสีไปแล้ว!”
ขุนพลกุ้งนายนั้นรีบบอก “หัวหน้าเผ่าถูกล้มอำนาจ มีหัวหน้าเผ่าคนใหม่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ท่านพ่อท่านแม่ของคุณชายชวนถูกคุมขังในคุกใต้ดินเช่นเดียวกับอดีตหัวหน้าเผ่า”
“อะไรนะ!”
มัจฉาสัตมายาแทบมีไฟลุกในดวงตา ท่านพ่อท่านแม่ของมันถูกจับขังเข้าคุกใต้ดินหรือ
“ฝีมือของสายเลือดมู่ขุยใช่หรือไม่!”
มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลังได้ยินว่าผู้นำเผ่าถูกล้มอำนาจ มันก็นึกไปถึงมู่ขุย
มู่ขุย
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามัจฉาสัตมายา ตำแหน่งสูงส่ง อำนาจล้นหลาม ปกติแล้วมิสู้จะเชื่อฟังคำสั่งหัวหน้าเผ่าเท่าใด ไม่ค่อยเคารพหัวหน้าเผ่านัก
สายเลือดของเขาทรงพลังอย่างยิ่ง ทรงพลังกว่ามัจฉาสัตมายาสายเลือดอื่น ที่ผ่านมาเป็นเสี้ยนหนามตำใจหัวหน้าเผ่ามาโดยตลอด หัวหน้าเผ่าคิดหาวิธีลดทอนอำนาจสายเลือดนี้มานาน
ทว่าบัดนี้ดูแล้ว หัวหน้าเผ่าทำไม่สำเร็จ
“ใช่”
ขุนพลกุ้งผู้นั้นกล่าว “หลังจากคุณชายชวนหายตัวไปไม่นาน ทะเลเหนือก็เกิดจลาจลครั้งใหญ่ ท่านบูรพาจารย์มู่เซวียนสิ้นใจ มู่ขุยบรรลุขึ้นไปในขอบเขตสูงขึ้น จากนั้น เขาบีบบังคับหัวหน้าเผ่าให้สละตำแหน่ง กลายเป็นหัวหน้าเผ่าใหม่”
“ท่านบูรพาจารย์มู่เซวียน…จากไปแล้วหรือ!”
มัจฉาสัตมายาผงะ
ท่านบูรพาจารย์มู่เซวียน เป็นเทียนตี้ผู้เฒ่าท่านหนึ่ง มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน หลับใหลอยู่ในทะเลเหนือมาตลอด
มันคิดไม่ถึงว่าท่านบูรพาจารย์มู่เซวียนจะสิ้นใจลง…
“คิดแล้วคงใช่ หากท่านบูรพาจารย์มู่เซวียนยังอยู่ ให้พวกมู่ขุยใจกล้ากว่านี้อีกร้อยเท่า ไม่สิ อีกหมื่นเท่า พวกเขาก็มิกล้าทำเช่นนี้!”
มันเอ่ยเสียงกราดเกรี้ยว
“คุณชายชวนรีบหนีไปเถิด ทะเลเหนือในตอนนี้ต่างจากในอดีต ขืนท่านไม่ไป คงมีจุดจบไม่ดีเท่าใด!”
ขุนพลผู้นั้นเกลี้ยกล่อมมัจฉาสัตมายามู่ชวน
สายเลือดมู่ชวนสนับสนุนหัวหน้าเผ่ากันทั้งสิ้น มู่ขุยไฉนเลยจะยอมปล่อยมู่ชวนไป
เป็นไปมิได้เลย!
มู่ชวนดีกับพวกมันมาก พวกมันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องกับมู่ชวน อยากให้มู่ชวนไปจากที่นี่เสีย
“ใช่แล้ว วันนี้โชคดีที่เป็นเวรลาดตระเวนของพวกเรา หากเป็นคนของสายเลือดมู่ขุย ต่อให้คุณชายชวนอยากไปก็คงไปมิได้!”
“ตราบใดที่ขุนเขายังอยู่ มิต้องกลัวจะไร้ฟืน คุณชายชวน ท่านยังเยาว์วัยนัก ยังมีโอกาสอีกมาก รอจนแข็งแกร่งขึ้นแล้วค่อยกลับมายังไม่สาย!”
ขุนพลกุ้ง ขุนพลปูอื่น ๆ ต่างพากันเกลี้ยกล่อมมู่ชวน ให้มู่ชวนรีบไปจากที่นี่ ขืนช้าไปกว่านี้ ต่อให้มู่ชวนอยากไปก็คงไปมิได้!
“เอ๊ะ นี่มันมู่ชวนมิใช่หรือ…”
เวลานั้นเอง เกลียวคลื่นทะเลซัดสาด เด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกจากมหาสมุทร
เขามีบุคลิกโดดเด่นไม่ธรรมดา พลังปราณกล้าแกร่งเป็นพิเศษ มีประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ทั้งตัว
หลังได้เห็นมู่ชวน เขายกยิ้มชอบกลที่มุมปาก
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ “เดิมอยากออกไปทำธุระเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจ้า ฮ่า ๆ หายตัวไปเสียนาน เจ้าไปทำอันใดมา”
“คุณชายมู่จวิน!”
“คุณชายชวนรีบหนีไป!”
หลังเหล่าขุนพลกุ้ง ขุนพลปูได้เห็นเด็กหนุ่ม สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไปอย่างมากในบัดดล
เด็กหนุ่มมีนามว่ามู่จวิน เป็นหลานชายของมู่ขุย มิสู้จะถูกกับมู่ชวนเท่าใดตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต ทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ บัดนี้เป็นมู่จวินที่เจอกับมู่ชวน นับเป็นเรื่องที่เลวร้ายสิ้นดี!”
“รีบไปเร็ว!”
“พวกเราจะหยุดเขาไว้เอง คุณชายชวนรีบไปเถิด!”
มู่ชวนดีกับพวกมันมาก พวกมันไม่อาจทนเห็นเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับมู่ชวน แต่ละคนพากันพุ่งเข้าไปหามู่จวิน หมายจะหยุดยั้งมู่จวินไว้ ประวิงเวลาให้มู่ชวนได้หนี
“บังอาจนัก!”
มู่จวินแค่นเสียงเย็น ประกายอำมหิตพวยพุ่งออกจากแววตาขณะทอดมองขุนพลกุ้ง ขุนพลปูเหล่านี้ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ “เสียสติไปแล้วหรือ ถึงกล้าลงมือกับข้า!”
เขาฟาดฝ่ามือออกไป มีเกลียวคลื่นยักษ์ซัดขึ้นมาทันที พลังนักบุญอันทรงพลังน่าหวาดหวั่นแผ่กระจาย จู่โจมใส่เหล่าขุนพลกุ้ง ขุนพลปู
แม้ว่าเขาอายุยังน้อย กระนั้นมีขอบเขตพลังสูงส่ง เป็นถึงราชันนักบุญ
ส่วนขุนพลกุ้ง ขุนพลปูเหล่านี้ยังไม่ถึงขอบเขตเทวาด้วยซ้ำ หลังจากปะทะกับพลังระดับนี้ ขุนพลกุ้งและขุนพลปูต้องถูกสังหารในพริบตาอย่างแน่นอน!
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น มัจฉาสัตมายาปรี่เข้ามาอยู่ด้านหน้าเหล่าขุนพลกุ้ง ขุนพลปู ยับยั้งการโจมตีทั้งหมดของมู่จวินในฝ่ามือเดียว
“ขอบคุณพวกเจ้า!”
มันหันกลับไปมองเหล่าขุนพลกุ้งและขุนพลปู ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ฝ่ายที่น่าเป็นห่วงคือพวกมัน…!”
อีกด้าน นัยน์ตามู่จวินหรี่ลง มัจฉาสัตมายาเกินคาดมันไปหน่อย มันเริ่มมองขอบเขตพลังของมัจฉาสัตมายาไม่ออก
นับเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงเลย
รู้หรือไม่ แม้ว่าก่อนหน้านี้มัจฉาสัตมายาจะแข็งแกร่งกว่ามัน กระนั้นก็เป็นแค่เมื่อก่อน!
หลังจากท่านปู่ของมันได้เป็นหัวหน้าเผ่า ก็เฝ้าอบรมสั่งสอนมันเป็นอย่างดี ท่านปู่ของมันยกสมุนไพรของวิเศษให้มันมากมายเพื่อช่วยในการฝึกฝน จนมันก้าวสู่ขั้นราชันนักบุญ!
ว่ากันตามปกติ ทั้งหมดนี้ไม่สมเหตุสมผลนัก
เพราะก่อนมัจฉาสัตมายาหายตัวไป ระดับพลังของมัจฉาสัตมายาอยู่ที่ขอบเขตนักบุญเฉกเช่นเดียวกับมัน
ทว่า มัจฉาสัตมายามิได้หายไปนานนัก แค่ราว ๆ หนึ่งปีเท่านั้น
ในเวลาราว ๆ หนึ่งปีนี้ มันพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากขอบเขตนักบุญจนมาอยู่ในขั้นราชันนักบุญ ควรทิ้งห่างมัจฉาสัตมายาไปได้นานแล้วถึงจะถูก!
ถึงอย่างไร ต่อให้มัจฉาสัตมายามีพรสวรรค์สูงส่งเพียงใด ก็ไม่มีทางก้าวจากขอบเขตนักบุญไปจนถึงขั้นราชานักบุญได้ด้วยตนเอง!
แต่บัดนี้ มันเริ่มมองขอบเขตพลังของมัจฉาสัตมายาไม่ออกแล้ว เป็นไปได้อย่างไรสิ่งนี้เกินคาดสำหรับมัน
“ดูท่าเจ้าคงได้วาสนาการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมาจากข้างนอก!”
มันหรี่ตาลง เอ่ยขึ้น “ก็ดี ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าในตอนนี้พลังเป็นอย่างไร!”
มัจฉาสัตมายามีพรสวรรค์เป็นที่หนึ่งในเผ่า ส่วนมันต้องเป็นรองเรื่อยมา ทำอย่างไรก็ไม่อาจก้าวข้ามมัจฉาสัตมายา ต้องใช้ชีวิตในเงาของมัจฉาสัตมายามาโดยตลอด เป็นผลให้มันเจ็บใจอย่างที่สุด จนจิตใจของมันบิดเบี้ยว เคียดแค้นมัจฉาสัตมายาเหลือแสน
จากนั้น มันเปล่งพลังปราณออกมาเต็บสูบ รีดเร้นกำลังขั้นราชันนักบุญออกมาโดยมิมีกั๊ก ประกายศักดิ์สิทธิ์ว่ายเวียนอยู่รอบตัวมัน เจิดจ้าแยงตาเป็นที่สุด บดบังได้แม้กระทั่งแสงอาทิตย์บนนภา
“เห็นหรือยัง บัดนี้ข้าอยู่ในขั้นราชันนักบุญแล้ว ซ้ำยังอยู่บนจุดสูงสุดของขั้นราชันนักบุญ อีกนิดเดียวก็จะก้าวสู่ขั้นยอดนักบุญ!”
มู่จวินมีสีหน้าหยิ่งผยอง มองมัจฉาสัตมายาด้วยสายตาดูหมิ่น “วันนี้ข้าจักเหยียบเจ้าจมดิน กลายเป็นอันดับหนึ่งของเผ่า ไม่มีวันเป็นที่สองอีกแล้ว!”
พลังปราณอันน่ากลัวของมันระเบิด ทันทีที่สิ้นเสียง ก็บุกโจมตีใส่ด้านมัจฉาสัตมายาอย่างรุนแรง
ความเจ็บปวดของที่สองตลอดกาลปะทุออกมาเต็มรูปแบบในนาทีนี้ มันหมายมั่นจะเหยียบมัจฉาสัตมายาอยู่ใต้เท้า ไม่ขอเป็นที่สองอีกต่อไป มันขอเป็นที่หนึ่งนับจากนี้!
เห็นอย่างนี้ มันแข็งแกร่งอย่างแท้จริง มีพลังเหนือราชันนักบุญตนอื่นไปมาก มันใช้มหาวิชาออกมา มีพลังน่าประหวั่นพรั่นพรึง แม้กระทั่งยอดนักบุญยังไม่อาจหยุดยั้ง!
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร! เจ้าในตอนนี้แตะเงาข้ายังมิได้ด้วยซ้ำ!”
มัจฉาสัตมายาแค่นเสียงเย็น ฟาดฝ่ามือใส่ ทลายมหาวิชาของมู่จวินได้ในทันที!
นอกจากนี้ ฝ่ามือของมันเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วทะลุขีด มู่จวินไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือนั้นก็ตบเข้าที่ใบหน้ามู่จวิน!
พรวด!
เลือดสาดกระจาย ใบหน้ามู่จวินถูกตบจนรูปร่างผิดเพี้ยน ฟันปากหลุดร่วงจนหมด อย่าให้พูดเลยว่าสภาพน่าสังเวชเพียงใด มันรู้สึกเหมือนกระดูกหน้าทั้งใบหักเพราะฝ่ามือนี้!
มันถูกตบจนกระเด็นออกไป กระแทกกับยอดเขาแห่งหนึ่งบนมหาสมุทรอย่างแรง จนยอดเขาพังทลายลง!
สุดท้าย มันกระแทกลงพื้น
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!!!”
ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มัจฉาสัตมายาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!?
ฝ่ามือเดียวทลายมหาวิชาของมัน กล้าแกร่งเกินไปแล้ว เหนือกว่ามันตั้งไม่รู้กี่เท่า!
ถูกต้อง
มัจฉาสัตมายาในยามนี้ มีระดับพลังสูงส่ง บรรลุขอบเขตสูงสุดได้นานแล้ว บัดนี้เป็นถึงจ้าวสูงสุด!
จริงอยู่ หนึ่งปีก่อนมันเพิ่งจะอยู่ในขอบเขตนักบุญ หลังถูกคุณชายตกไปไว้ในโอ่ง ขอบเขตพลังของมันมิได้มีการเปลี่ยนแปลง
ในโอ่งน้ำมีผนึก มันไม่สามารถบำเพ็ญได้ในนั้น
ทว่าต่อมา คุณชายจับมันเข้าไปไว้ในบ่อ
และน้ำในบ่อนั้นมิใช่น้ำธรรมดา เทียบเทียมน้ำอมตะ มันได้รับผลประโยชน์มหาศาลยามอยู่ในนั้น!
คุณชายเคยให้อาหารมันด้วย ซึ่งยิ่งนำผลประโยชน์เหนือจินตนาการให้แก่มัน ขอบเขตพลังของมันพุ่งพรวดขึ้นเรื่อย ๆ จวบจนมาอยู่ในขอบเขตสูงสุด!
ช่วงที่ผ่านมาเป็นเวลาสั้นเกินไป หากนานกว่านี้อีกหน่อย มันไฉนเลยจะเป็นเพียงจ้าวสูงสุด มันสามารถก้าวสู่ขอบเขตสูงกว่านั้นได้ กลายเป็นจักรพรรดิ!
ถึงอย่างไรมันก็ยังย่อยผลประโยชน์เหล่านั้นได้ไม่ครบถ้วน เพิ่งย่อยไปได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น หากย่อยจนครบถ้วนเมื่อใด การบรรลุเป็นจักรพรรดิไม่เป็นปัญหาสำหรับมันเลย หรืออาจลองบรรลุขั้นเทียนตี้ได้ด้วยซ้ำ!
“ไม่มีเรื่องใดเป็นไปไม่ได้!”
สายตามัจฉาสัตมายาเย็นเยียบ “พวกเจ้าบังอาจจาบจ้วงเบื้องบน นับเป็นความผิดที่ไม่อาจละเว้น วันนี้ พวกเจ้าทั้งหมดต้องชดใช้!”
“ด้วยกำลังของเจ้าน่ะหรือ?”
หลังมู่จวินได้ฟังคำกล่าวของมัจฉาสัตมายา ก็หัวเราะร่วนอย่างดูแคลนทันที
“มีความสามารถขึ้นมานิดหน่อยก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้วหรือ เจ้ามัวฝันกลางวันกระไรอยู่! วันนี้ ผู้ที่ต้องชดใช้คือเจ้า! เจ้าต้องตายอย่างไร้ที่ฝังศพ!”
มันยิ้มเย็นขณะมองมัจฉาสัตมายา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าขอพูดเลย วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”