บทที่ 523 พูดให้น้อยลง อย่าหาหนทางตาย!
“ช่างกล้าพูด!?”
เมื่อมัจฉาสัตมายาได้เห็นท่าทางหยิ่งยโสอวดเบ่ง ทั้งยังได้ยินคำพูดผยองของมู่จวิน มันก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที
“พูดจาไร้สาระ!”
มันสบถด่าออกมาพร้อมยื่นมือข้างหนึ่งออกไป ทันใดนั้นก็มีพลังอันแข็งแกร่งพุ่งออกมาดูดมู่จวินจากระยะไกลเข้าไปอย่างแรง
“เจ้าพูดอีกสิ! ข้าบอกให้เจ้าพูด!”
มันกล่าวไปทุบตีมู่จวินไป
ยามมันยังอยู่ที่ทะเลเหนือ มู่จวินมักจะมาหาเรื่องสร้างปัญหาให้มันอยู่เสมอ มันรำคาญแทบตาย คิดอยากจะทุบตีมู่จวินมานานแล้ว
ทว่าน่าเสียดาย มันในตอนนั้นมีสิ่งที่ต้องกังวลมากเกินไป เกรงกลัวปู่ของมู่จวินอย่างมู่ขุยมาก จึงไม่กล้าลงมืออะไรกับมู่จวิน ทำได้แต่เพียงอดทนเอาไว้อย่างเงียบ ๆ
ทว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว
มันกลับมาครั้งนี้ ไม่เหมือนกับก่อนหน้า มันไม่มีอะไรให้ต้องกังวล อย่าว่าแต่มู่จวินเลย กระทั่งมู่ขุยมันยังกล้าทุบตีอีกฝ่าย!
และนี่ก็คือสิ่งที่มันจะทำต่อไป!
มู่ขุยถึงกับกล้าขังพ่อแม่ของมันไว้ในคุกใต้ดิน บัดซบ คราวนี้มันจะทุบตีมู่ขุยจนแม่ของมู่ขุยจำหน้าลูกของตนเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ!
อ่า ไม่สิ แม่ของมู่ขุยเสียไปนานแล้ว เช่นนั้นมันจะทุบตีมู่ขุยจนลูกชายกับหลานชายของมู่ขุยจำไม่ได้!
“เจ้า!”
ดวงตาของมู่จวินเปี่ยมโทสะ มันถูกมัจฉาสัตมายาทุบตีอย่างแรงจนสภาพน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
“อ๊ากก! เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน! ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้! ท่านปู่ของข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!”
มันกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุด ตอนนี้ท่านปู่ของมันเป็นหัวหน้าเผ่า มัจฉาสัตมายากล้าทุบตีมันเช่นนี้ ทำให้มันไม่อาจทนรับได้!
“ไอ้ตัวไร้ค่า แต่ไหนแต่ไรมาก็เอาแต่พึ่งพาผู้อื่น ก่อนหน้านี้ก็พึ่งพาปู่ ตอนนี้ก็ยังพึ่งพาปู่ เจ้าก็คงเป็นเช่นนี้ตลอดชีวิตที่เหลือ!”
มัจฉาสัตมายากล่าวเสียงเย็นชา ลงมือทุบตีมู่จวินอีกครั้ง
กระทั่งถึงตอนนี้แล้ว มู่จวินยังกล้าจะทำตัวหยิ่งผยอง กล่าววาจายโส เช่นนี้แล้วจะไม่ทุบตีได้อย่างไร!
“อ๊ากกก!”
มู่จวินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บเกินไป กระดูกทุกท่อนในร่างถูกมัจฉาสัตมายาหักทิ้ง เจ็บเสียจนอยากจะตายไปให้พ้น
“อาจหาญยิ่ง!”
“คุณชายชวนช่างสุดยอดยิ่งนัก!”
ทหารกุ้งและทหารปูที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง มัจฉาสัตมายาอาจหาญยิ่งกว่าที่พวกมันคาดคิดอย่างสิ้นเชิง
“นอกจากนี้ยังมีความผิดที่บีบบังคับให้ผู้นำเผ่าสละตำแหน่ง ทั้งยังขังพ่อแม่ของข้าเอาในคุกใต้ดิน! พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าพวกเจ้าจะสามารถทำตัวกร่างแบบไม่เห็นหัวผู้อื่นได้ตลอดไป!?”
ดวงตาของมัจฉาสัตมายาฉายแววเย็นชา มันโยนมู่จวินทิ้งไปอีกทาง “วันนี้ข้ากลับมาแล้ว พวกเจ้าจะต้องชดใช้ในการกระทำของพวกเจ้า”
หลังจากกล่าวจบ มันก็ไม่ได้สนใจอะไรมู่จวินอีก มุ่งหน้าตรงไปยังก้นทะเลเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ของมัน
มู่จวินโดนทุบตีอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บหนัก มันนิ่งเงียบไม่พูดจา มองมัจฉาสัตมายามุ่งลงไปใต้ก้นทะเลจนลับตา จึงตะโกนออกมาด้วยโทสะ “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน? ยังจะคิดให้พวกเราชดใช้? ทั้งเจ้าและพ่อแม่ของเจ้าล้วนจะต้องตายลงในวันนี้!”
มันกลัวถูกมัจฉาสัตมายาทุบตี จึงไม่กล้าจะตะโกนออกมาต่อหน้ามัจฉาสัตมายา เมื่อเห็นว่ามัจฉาสัตมายาหายลับไปแล้ว จึงค่อยกล้าตะโกนออกมาเช่นนี้
“หุบปากเสีย แล้วเจ้าจะยังหลงเหลือทางรอดให้ตัวเองบ้าง…อย่าคิดรนหาที่ตายเช่นนี้”
ลั่วสุ่ยปรายตามอง มู่จวินผู้นี้ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ประหนึ่งกลัวว่าตนเองจะไม่ตาย ทั้งยังไม่อาจมองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจน
“เจ้ามีฐานะอะไรกัน! เป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงมนุษย์กล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าเช่นนี้!?”
มู่จวินถลึงตาจ้องไปทางลั่วสุ่ยอย่างดุดัน คิดว่าลั่วสุ่ยเป็นสัตว์เลี้ยงมนุษย์ของมัจฉาสัตมายา
สายเลือดของพวกมันเหนือชั้นไม่ธรรมดาสามัญเป็นอย่างยิ่ง ห่างไกลจากเผ่าอื่นมาก เป็นฝ่ายพวกมันที่มักเอาสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่นมาเป็นสัตว์เลี้ยง
อย่างมันเอง ก็ได้นำเผ่ามนุษย์จำนวนมากมาเป็นสัตว์เลี้ยง
ลั่วสุ่ยเก็บพลังของตนเองไว้ ภายนอกมองสิ่งใดไม่ออก อีกทั้งนางยังไม่ได้ลงมืออะไร ทำให้มู่จวินคิดว่าลั่วสุ่ยเป็นผู้ติดตามของมัจฉามายา แม้กระทั่งร่างที่แท้จริงของลั่วสุ่ยก็มองไม่ออก คิดว่านางเป็นเพียงหญิงสาวเผ่ามนุษย์
“ถ้าหากเจ้าไม่ตายก็จะไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ!”
ลั่วสุ่ยเหลือบมองมู่จวินอีกครั้ง ลำแสงน่าสะพรึงกลัวถูกยิงออกมาจากดวงตาทะลุเข้าไปในร่างของมู่จวินทันที เลือดสาดกระเซ็นชิ้นเนื้อกระจายจากร่างของมู่จวินทันที
มู่จวินผู้นี้ช่างมีความสามารถในการรนหาที่ตายเสียจริง
ทว่านางยังไม่ได้ลงมือสังหารมู่จวิน นางต้องการเพียงแค่จะสั่งสอนมู่จวิน
ภายใต้แสงสว่างที่เรืองออกมา ร่างของมู่จวินค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าลมหายใจของมันแผ่วลงมา เทียบแล้วร่างใหม่อ่อนแอเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับร่างเดิมของมัน
“หลงเหลือทางรอดให้ตัวเองเสียเถอะ…”
ลั่วสุ่ยปรายตามองมู่จวินด้วยความเฉยเมย ก่อนจะลงก้นทะเลตามมัจฉาสัตมายาไป
นี่มันอะไรกัน!
ไม่ต้องกล่าวเสียว่าภายในใจของมู่จวินสับสนวุ่นวายแค่ไหน มันคิดว่าลั่วสุ่ยเป็นสัตว์เลี้ยงมนุษย์ ทว่าแท้จริงกลับน่ากลัวถึงเพียงนี้ เพียงแค่ปรายตามองครั้งเดียวก็สามารถทำลายร่างกายของมันได้!
นี่น่ากลัวเสียยิ่งกว่ามัจฉาสัตมายา!
“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะแข็งแกรงว่าท่านปู่ได้หรือ?”
สีหน้าของมันมืดครึ้ม แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดถ้อยคำเหล่านั้น ทำเพียงแค่คิดในใจ
ท่านปู่ของมันกลายเป็นเทียนตี้แล้ว อยู่จุดบนสุด ลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาจะสามารถต่อกรกับปู่ของมันได้อย่างไร!
ไม่มีทางเป็นไปได้!
“ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะตายหรือไม่!”
มันเกลียดชังเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็กล้าเพียงเอ่ยคำเหล่านี้ขึ้นมาในใจเท่านั้น ก่อนจะพาร่างอันอ่อนแอเข้าสู่ก้นทะเล
คลื่นสาดซัดในทะเลเหนือ ใต้ก้นทะเลมีพระราชวังใหญ่โตอยู่หลังหนึ่ง แสงทุกชนิดที่เปล่งอยู่ในทะเลลึกดูศักดิ์สิทธิ์ไม่ธรรมดายิ่ง
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ทันทีที่มัจฉาสัตมายามาถึง ก็มีเสียงตะโกนอย่างเย็นชาดังขึ้นมา ตามมาด้วยร่างของชายวัยกลางคนออกมาจากด้านในพระราชวัง
เขามีหน้าที่เฝ้าประตูพระราชวัง ขอบเขตของเขาสูงเป็นอย่างยิ่งเป็นถึงขั้นสูงสุด ทันทีที่เปิดตาก็ปรากฏภาพคล้ายนิมิตแปลกประหลาดขึ้นมาชวนตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“หืม ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”
เขาจดจำมัจฉาสัตมายาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา “เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ของเจ้าคิดถึงเจ้ามากแค่ไหนในคุกใต้ดิน ตอนนี้เป็นเวลาดีที่จะให้ครอบครัวกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง!”
เฝ้าประตูนับเป็นงานสำคัญ และเขาคือหนึ่งในสมาชิกของสายเลือดมู่ขุย
มัจฉาสัตมายาแผ่จิตสังหาร ตวาดเสียงเย็นชา “หลีกไป!”
ดวงตาของชายวัยกลางคนทอประกายเย็นเยียบ “หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่กลับมาเจ้าจะระเบิดอารมณ์เช่นนี้ นี่หรือวิธีพูดคุยกับลุงของเจ้า!”
หลังจากนั้นเขากล่าวต่อไปว่า “รนหาที่ตาย ทะเลเหนือฟ้าเปลี่ยนสีไปนานแล้ว นี่ไม่ใช่ทะเลเหนือที่เจ้ารู้จักอีกต่อไปแล้ว ทั้งพ่อและแม่ของเจ้าถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ยังมีผู้เฒ่าคนก่อนด้วย กล้าดีอย่างไรถึงกลับมา!”
ด้านหลังของเขามีหลายร่างยืนอยู่ ทั้งหมดต่างเป็นสมาชิกร่วมสายเลือดที่มีหน้าที่เฝ้าประตูพระราชวัง
เขาโบกมือ ก่อนจะมีเก้าอี้และโต๊ะลอยออกมาในพริบตา
บนโต๊ะมีถ้วยน้ำชาอยู่ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ
“เอาตัวมันมาให้ข้า สอนกฎใหม่กับเขาเสีย ให้เขาจำได้ขึ้นใจว่าตอนนี้ผู้ใดเป็นคนครอบครองทะเลเหนือ”
เขาพูดออกมาอย่างแช่มช้า ก่อนจะออกคำสั่งกับคนข้างหลังโดยไม่เห็นมัจฉาสัตมายาอยู่ในสายตา
ก็แค่ปลาตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ต่อให้มีพรสวรรค์มากเท่าใดก็เป็นเพียงชนรุ่นหลัง ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล