ตอนที่ 542 เพื่อนร่วมอุดมการณ์แสนห่วยของทังชุ่นอิง
วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบไล่ประจำเดือน หลินม่ายปั่นจักรยานไปโรงเรียนด้วยตัวเอง
ทันทีที่กริ่งเรียกเข้าชั้นเรียนดังขึ้น อาจารย์ใหญ่ อาจารย์หวังต่างก็เดินเข้ามาในห้องเรียน
เขารายงานผลคะแนนสอบของทุกวิชาในการสอบไล่ประจำเดือนสำหรับทั้งชั้นเรียนเป็นครั้งแรก
หลินม่ายทำคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษได้สูงที่สุดในห้อง แถมเธอยังได้คะแนนเต็ม ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ เคมี สังคมการเมือง ผลสอบก็ดีไม่แพ้กัน ติดห้าอันดับแรกของชั้นเรียน
มีแค่วิชาภาษาจีนเท่านั้นที่เป็นอุปสรรค เธออยู่ในอันดับที่สามสิบของชั้นเรียนทั้งหมด
ถึงอย่างนั้นคะแนนรวมของหลินม่ายก็ยังรั้งอันดับที่ห้าของปีการศึกษาอยู่ดี
เรียกได้ว่าโชคดีที่คะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของเธอช่วยดึงคะแนนขึ้น
เพราะคนที่ได้คะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษเป็นอันดับสอง ทำคะแนนได้แค่ 60 คะแนนเท่านั้น
ถึงผลการเรียนของหลินม่ายจะออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่อาจารย์หวังกลับไม่รู้สึกพอใจตามไปด้วย
หลังเสร็จสิ้นคาบเรียนในตอนเช้า อาจารย์หวังก็เรียกหลินม่ายไปคุยที่ห้องทำงาน
เขาชี้ไปที่ผลคะแนนรวมจากการสอบไล่ประจำเดือนของเธอในรายชื่อ แล้วบอกว่า “ดูสิ คะแนนของเธอแทบไม่แตกต่างจากนักเรียนที่ได้อันดับหนึ่งในการสอบไล่รายเดือนของทั้งชั้นเรียนเลย ต่างแค่สิบกว่าคะแนนเท่านั้นเอง ถ้าเธอมาโรงเรียนแล้วเข้าเรียนตามระบบการศึกษาปกติ อันดับแรกจะต้องเป็นของเธอแน่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ครูอยากให้เธอมาเรียนตามปกติเหมือนกับนักเรียนคนอื่น ๆ”
หลินม่ายส่ายหน้าปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด “เกรงว่าถ้าฉันมาเรียนหนังสือตามปกติ ทางโรงงานจะขาดผู้บริหารเอานะคะ”
ที่จริงเหตุผลนี้เป็นแค่ข้ออ้าง หลินม่ายไม่อยากมาโรงเรียนเพราะเธอจะรอให้ตัวเองสำเร็จการศึกษาตามระบบปกติไม่ได้ ดังนั้นจึงหาเหตุผลในการเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน แล้วสอบข้ามระดับชั้นเมื่อสิ้นสุดภาคการศึกษา
เธอไม่อยากให้อะไรมาขัดขวางแผนการชีวิตตัวเอง
แม้จะถูกปฏิเสธ แต่อาจารย์หวังก็ไม่ยอมแพ้ พยายามถ่ายทอดอุดมการณ์ให้หลินม่ายฟังเป็นเวลานาน เพราะหวังว่าเธอจะเปลี่ยนใจ
แต่ความตั้งใจของหลินม่ายแข็งแกร่งเกินไป เมื่อเธอยืนกรานปฏิเสธ อาจารย์หวังจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
ถึงอย่างนั้นเขาก็บอกเธอว่า เมื่อใดก็ตามที่เธอประสบปัญหาด้านการเรียน ให้แวะมาที่โรงเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือได้เสมอ
เก้าโมงเช้า หลินม่ายรีบปั่นจักรยานไปที่โรงงานตัดเสื้อ Unique พบว่าเฉินเฟิงและคนอื่น ๆ รอเธอมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง
หลินม่ายขอโทษพวกเขา จากนั้นก็เริ่มการประชุม
หลังจากเฉินเฟิงรายงานความคืบหน้าของหลาย ๆ โครงการที่เขารับผิดชอบจบแล้ว เขาก็ขอตัวกลับก่อนเหมือนทุกครั้ง
คนถัดมาที่รายงานคือจ้าวเลี่ยง
คราวที่แล้วในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ธุรกิจของตลาดสดเป็นไปได้สวยมาก คราวนี้ในช่วงเทศกาลวันชาติ ผลประกอบการเป็นที่น่าประทับใจยิ่งกว่า ผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิดมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ยอดขายของร้านเปาห่าวซือและร้านเหรินเจียนเยียนหั่วก็พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านเหรินเจียนเยียนหั่วสาขา 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ของ บรรยากาศภายในร้านช่วงวันชาติแน่นขนัด เนื่องจากที่ร้านมีเมนูพิเศษอย่างแกะหัน และอาหารทะเลย่างอีกหลากหลายชนิด
ทุกส่วนงานได้รายงานผลประกอบการของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงเหรินเป่าจูที่ยังไม่ได้รายงาน
เหรินเป่าจูรายงานให้หลินม่ายฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ว่าในช่วงวันชาติ ไม่ว่าจะเป็นเจียงเฉิง ปักกิ่ง ซางไห่ และกว่างโจว ยอดขายเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าทั้งหมดของสี่เมืองใหญ่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าพลุแตก
โดยเฉพาะหลังจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเจียงเฉิงปรับเปลี่ยนเวลาทำการ ธุรกิจช่วงกลางคืนคึกคักกว่าช่วงกลางวันมาก
ธุรกิจร้านเสื้อผ้า Unique ในห้างสรรพสินค้าใหญ่อื่น ๆ ก็เฟื่องฟูเช่นเดียวกัน ยอดขายพุ่งสูงทะลุเป้าทุกแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นโรงงานตัดเสื้อของพวกเขาเอง หรือโรงงานตัดเสื้อที่ทำธุรกิจแบบ OEM กับพวกเขา คนงานทุกคนต่างทำงานกันอย่างต่อเนื่องและขยันขันแข็ง เพื่อให้แน่ใจว่าอุปทานเพียงพอต่ออุปสงค์
หลินม่ายถาม “แล้วเรื่องคุณภาพล่ะ ก่อนหน้านี้เหมือนฉันเคยอธิบายไปแล้ว พวกคุณไม่สามารถเน้นปริมาณแค่อย่างเดียวโดยลืมเน้นเรื่องคุณภาพ”
โฮ่วซินอี้ตอบกลับ “ผมเป็นคนควบคุมคุณภาพการผลิตในโรงงานของเราเอง ส่วนโรงงาน OEM อื่น ๆ ผมกับหัวหน้าเถาต่างก็ส่งพนักงานไปคอยควบคุมอีกทีหนึ่ง ถ้าพบว่าเสื้อผ้าฝีมือคนงานคนไหนในโรงงาน OEM มีปัญหาด้านคุณภาพร้ายแรงหรืออยู่ในจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ พวกเขาจะถูกเชิญออกทันที ดังนั้นรับประกันปัญหาเรื่องคุณภาพได้เลย”
หลินม่ายพยักหน้า “วันชาติผ่านไปแล้ว เทศกาลถัดไปคือวันปีใหม่ซึ่งยังอีกยาวไกล หลังจากระยะเวลาโปรโมชั่นสิ้นสุดลงในวันที่ 8 อนุญาตให้พนักงานสามารถลาหยุดชดเชยได้ ทุกคนทำงานหนักกันมาตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงตอนนี้ หลายคนคงอ่อนล้ากันเต็มที พนักงานแนวหน้ารวมถึงคนงานทุกคนที่ทำงานล่วงเวลาในช่วงวันหยุดจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แต่ละคนจะได้รับเงินอั่งเปาสำหรับช่วงวันหยุดจำนวนห้าสิบหยวน วันนี้อย่าลืมไปแจ้งให้พนักงานแนวหน้าทุกคนทราบด้วย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อไป “อย่าลืมแจกซองอั่งเปาสำหรับวันหยุดเทศกาลให้คนงานในโรงงาน OEM คนละสิบหยวนด้วยนะ”
เหรินเป่าจูตกตะลึง “พวกเขาไม่ใช่คนงานของโรงงานเราซะหน่อยนี่คะ ถึงพวกเขาจะทำงานล่วงเวลาในช่วงวันหยุด แต่เราก็จ่ายค่าจ้างตามจริงให้พวกเขาไปแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้อั่งเปาวันหยุดกับพวกเขาเลย”
“ถึงพวกเขาจะได้รับค่าจ้างทำงานล่วงเวลาก็จริง แต่พวกเขาถึงกับยอมเสียสละวันหยุดเพื่อมาช่วยงานแบรนด์ Unique ของเรา แจกอั่งเปาให้พวกเขาแทนคำขอบคุณคนละนิดหน่อยไม่นับว่ามากไปหรอก”
เหรินเป่าจูบ่นพึมพำ “ช่วงที่ยอดขายพีค ๆ โรงงานเราจ้างเหมาคนงานหลายพันคน อั่งเปาพวกนั้นรวมกันก็หลายหมื่นหยวนแล้วนะคะ”
หลินม่ายถามเธอ “ช่วงเทศกาลวันชาติสามวันที่ผ่านมา เราขายเสื้อผ้าไปทั้งหมดประมาณกี่ตัว?”
“คาดว่านับแสนตัวเลยค่ะ”
“ในเมื่อขายได้หลายแสนตัว กำไรขั้นต้นอย่างต่ำก็หลายล้านแล้ว พวกเราได้กินเนื้อแล้ว ใจคอจะไม่แบ่งน้ำซุปให้คนงานตามสัญญาจ้างเหล่านั้นเชียวเหรอ อย่าตระหนี่นักเลย พยายามมองในภาพรวมให้มาก”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด เหรินเป่าจูก็เลิกบ่นพึมพำ ก่อนจะรายงานเกี่ยวกับส่วนงานของตัวเองต่อไป
เมื่อดาราชั้นนำอย่างจางอวี้สวมใส่เครื่องประดับแบรนด์ไป๋เหอในระหว่างถ่ายทำโฆษณา Unique ยอดขายเครื่องประดับทุกชิ้นก็พลอยพุ่งสูงตามไปด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่าง ๆ ที่หลินม่ายรับซื้อมาจากโกดังด่านศุลกากร ช่วงวันชาติที่ผ่านมาขายออกไปถึงหนึ่งในสาม
หลินม่ายมีความสุขมากเมื่อได้ยินแบบนั้น ยิ่งสินค้าที่เธอรับซื้อมาจากกรมศุลกากรขายหมดเร็วเท่าใด ต้นทุนก็จะย้อนกลับคืนมาหาเธอเร็วขึ้นเท่านั้น แถมยังได้รับผลกำไรอย่างมหาศาล
หลังจากที่ทุกคนรายงานผลประกอบการในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบครบแล้ว หลินม่ายก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เพื่อฟังเสิ่นเสี่ยวผิงรายงานเรื่องอื่น ๆ
เสิ่นเสี่ยวผิงแบ่งเรื่องที่จะรายงานออกเป็นสองส่วน
ส่วนแรกคืองานการกุศล ‘แบ่งปันความรักในวันชาติ’ ซึ่งจัดขึ้นโดยร่วมมือกับสำนักหนังสือพิมพ์ฉู่เป้า ได้ปิดฉากลงอย่างสวยงามเมื่อวันที่ 30 กันยายน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกสาขาอาชีพ
ส่วนที่สองคือคุณกวนแห่งโรงงานตัดเสื้อซีม่านได้ขึ้นเครื่องบินกลับไปที่ฮ่องกงพร้อมกับภรรยาป้ายแดงของเขาตั้งแต่วันที่สองของวันชาติแล้ว
ดวงตาหลินม่ายเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “กวนหย่งหัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางเพลิงในโรงงานของเราไม่ใช่เหรอ? เขาสามารถบินออกนอกประเทศทั้งที่ขั้นตอนการสืบสวนยังไม่กระจ่างได้ยังไง?”
เสิ่นเสี่ยวผิงตอบกลับ “ฉันไปสอบถามกับทางตำรวจมาแล้วค่ะ สหายตำรวจอธิบายว่ากวนหย่งหัวมีหลักฐานในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าเขาเคยตักเตือนให้ทังชุ่นอิงหยุดสร้างปัญหาให้กับคุณ ทางด้านทังชุ่นอิงก็อ้างว่าตัวเองมีพยานหลักฐานเหมือนกัน แต่หล่อนไม่สามารถแสดงหลักฐานเพื่อเป็นการพิสูจน์ได้ ทังชุ่นอิงยังบอกอีกว่าต่อหน้ากวนหย่งหัวก็ทำเป็นห้ามไม่ให้หล่อนไปสร้างปัญหาให้คุณ แต่ลับหลังเขาแอบขู่และข่มเหงหล่อนสารพัด ซึ่งหล่อนก็งัดหลักฐานเรื่องที่ตัวเองถูกกวนหย่งหัวข่มเหงไม่ได้อีกตามเคย พูดโดยสรุปก็คือ ตอนนี้ทังชุ่นอิงไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเลยสักอย่างที่ใช้เป็นเครื่องมือพิสูจน์ได้ว่ากวนหย่งหัวเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางเพลิง”
หลินม่ายโพล่งขึ้นขัดจังหวะเธอด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “กวนหย่งหัวเป็นคนทำงานรอบคอบขนาดนั้น ไม่แปลกหรอกที่ทังชุ่นอิงจะหาหลักฐานมาแสดงไม่ได้”
แต่แล้วเธอก็หยุดชะงักพลางขมวดคิ้ว “ถึงทังชุ่นอิงจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ไม่ได้ว่ากวนหย่งหัวเป็นคนบงการให้หล่อนลักลอบวางเพลิง แต่หลักฐานของกวนหย่งหัวก็มีน้ำหนักไม่เพียงพอนี่ มันใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วทำไมทางตำรวจถึงตัดสินว่ากวนหย่งหัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางเพลิงจากหลักฐานอันน้อยนิดแค่นั้นกัน?”
เสิ่นเสี่ยวผิงส่ายหน้า “ตำรวจไม่ได้ตัดสินให้กวนหย่งหัวกลายเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะหลักฐานพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ในคืนที่เกิดเหตุไฟไหม้ สามีของทังชุ่นอิงวิ่งโร่ไปหากวนหย่งหัวตอนกลางดึก หลักฐานก็เลยได้มาจากบทสนทนาลับระหว่างทั้งสอง ตำรวจจึงตัดสินให้กวนหย่งหัวกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ทันที”
หลินม่ายขมวดคิ้วมุ่น ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “สามีของหล่อนไปพูดอะไร กวนหย่งหัวถึงสามารถหยิบยกมาลบล้างความผิดของตัวเองจนหมดจดได้ในคราวเดียว?”
“สามีหล่อนบอกว่าทังชุ่นอิงทำความดีความชอบครั้งใหญ่โดยการวางเพลิงโรงงานเรา ดังนั้นเขาจึงมาขอรับรางวัลจากกวนหย่งหัว แถมยังเรียกร้องให้เขาช่วยพาหล่อนออกมาจากศูนย์กักกัน ถ้ากวนหย่งหัวไม่ยอมทำตาม ทังชุ่นอิงจะรับสารภาพกับตำรวจว่าเขาเป็นคนบงการให้หล่อนไปลอบวางเพลิง”
หลินม่ายตกตะลึง
เพราะเพื่อนร่วมอุดมการณ์แสนห่วยของหล่อนแท้ ๆ ถึงทำให้ให้กวนหย่งหัวหลุดรอดไปได้
“ศาลพิพากษาคดีแล้วหรือยัง?” เธอถาม
เสิ่นเสี่ยวผิงส่ายหน้าอีกครั้ง “ยังค่ะ อาจจะในเร็ว ๆ นี้”
หลินม่ายพยักหน้า จากนั้นก็อนุญาตให้หล่อนออกไปได้ บอกว่าถ้าคำพิพากษาของศาลออกมาเมื่อไหร่ให้รีบรายงานเธอทันที
หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หลินม่ายก็เก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
จู่ ๆ เหรินเป่าจูก็พรวดพราดเข้ามา “คุณหลินคะ ไม่ดีแล้ว สกินแคร์ของเราที่ลูกค้าซื้อไปมีปัญหา ตอนนี้พวกเขากำลังโวยวายใหญ่โตเลยค่ะ!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พอจะดีใจก็ดีใจได้ไม่สุด มีเรื่องเข้ามาอีกแล้วม่ายจื่อเอ๊ย
ไหหม่า(海馬)