“เรื่องนี้…” ประเด็นก็คือเขาไม่รู้ว่าพระชายาคิดจะทำอะไร!
เงาทมิฬถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงหน้าต่างปิดดังปัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยมีมีดกว่าสามเล่มอยู่ในมือ แต่ละเล่มมีรูปร่างแตกต่างกัน แต่พวกมันก็งดงามและดึงดูดสายตาได้ดีทีเดียว
นางถือมีดเล่มยาวเอาไว้ แล้วหยิบแท่งไม้สามแท่งออกมา หลังจากนั้นนางก็เหลาปลายข้างหนึ่งของไม้ทั้งสามแท่งนั้นให้คม ก่อนจะนำมันมาวางเรียงกันตามความยาว
จากนั้นนางจึงโน้มตัวไปข้างหน้า แล้วยื่นมือคว้าปลาทะเลขึ้นมาจากถังไม้ใบนั้นด้วยความว่องไว!
การเคลื่อนไหวของนางคล่องแคล่วราวกับหมู่เมฆที่ล่องลอยและสายน้ำไหล นางจัดการขอดเกล็ดปลาทะเลที่ดิ้นอยู่ตัวนั้นเสร็จอย่างรวดเร็ว
หากเทียบกับปลาทะเลชนิดอื่นแล้ว ปลาทะเลตัวนี้แทบจะไร้ก้าง เนื้อของมันมีมันแทรก มีรสชาติหวาน และยังนุ่มจนแทบละลายได้ในปาก
แต่ก่อนหน้านั้น เราจะต้องควบคุมรสชาติของมันให้ได้เสียก่อน
“ใต้เท้าเว่ยกำลังทำอาหารอยู่หรือ”
“ทำอาหารด้วยตัวเองหรือ!”
“ความเร็วในการขอดเกล็ดปลารวดเร็วยิ่งนัก! เดี๋ยวนะ ทำไมถึงยังไม่เอาปลาลงกระทะอีกล่ะ”
ฟุ่บ!
จริงอย่างว่า เฮ่อเหลียนเวยเวยยังไม่ได้เอาปลาลงกระทะ แทนที่จะทำเช่นนั้น นางกลับแล่ปลาต่อด้วยความเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วเสียบไม้ทั้งสามแท่งนั้นเข้าไปในตัวปลาตามแนวขวาง จากนั้นจึงนำปลาขึ้นไปย่างเหนือไฟ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยช่ำชองในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก นางไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งเคยทำอาหารเป็นครั้งแรกเลยแม้แต่นิดเดียว นางถือพู่กันไว้ในมือซ้าย จากนั้นจึงจุ่มพู่กันลงในน้ำปรุงรสและน้ำมันงาที่ผสมเตรียมไว้ แล้วทามันลงบนตัวปลา ปลาตัวนั้นส่งเสียงฉ่าๆ กลิ่นหอมของตัวปลาลอยอบอวลไปทั่วอากาศ
ทุกคนขมวดคิ้ว เพราะอาหารทะเลที่ดีย่อมขึ้นอยู่กับรสชาติดั้งเดิมของมัน
การนำปลาทะเลดีๆ เช่นนั้นขึ้นไปเผาไฟจะไม่เป็นการเสียเปล่าหรือ
ในขณะที่ทุกคนยังคงสับสนอยู่ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หยิบมีดเล่มที่สองขึ้นมา นางหั่นหอมหัวใหญ่ ขิง และกระเทียมเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นนางก็ซอยผักชีและต้นหอมเป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากตั้งกระทะเหล็กและน้ำมันร้อนได้ที่ นางก็เททั้งหมดนั้นลงไปในกระทะ
ทันใดนั้นกลิ่นหอมก็โชยไปทั่วถนน
ทุกคนเผลอสูดกลิ่นนั้นเข้าจมูกโดยไม่รู้ตัว
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวยแต่อย่างใด ขั้นตอนพวกนี้เป็นเพียงแค่ขั้นตอนง่ายๆ ในการทำอาหารสักจานเท่านั้น การใส่ถั่วลิสงและพริกลงไปคั่วในกระทะเป็นขั้นตอนต่อไปต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญ
ผัดอย่างรวดเร็วหลายๆ ที กลิ่นหอมหวานติดจะเผ็ดร้อนก็ลอยออกมาจากกระทะเหล็กใบนั้น กลิ่นนั้นยิ่งดึงดูดให้ทุกคนอยากดมมันอย่างยิ่ง
การเคลื่อนไหวต่อมายิ่งเร็วขึ้นกว่าครั้งก่อน หลังจากผัดต้นหอมและผักชีจนมีกลิ่นหอม ต่อไปก็คือเห็ดหูหนูและเห็ดหอม!
ในสมัยโบราณนั้น มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะรู้จักวิธีแยกแยะเห็ดมีพิษและไม่มีผิดออกจากกัน
ดังนั้นทุกคนจึงประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยโยนเห็ดหอมลงไปในกระทะ
แต่หลังจากกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเห็ดหอมลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ทุกคนก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที!
เด็กชายตัวน้อยยืนเขย่งปลายเท้าอยู่ข้างเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับมองเครื่องปรุงในกระทะ น้ำลายของเขาแทบจะไหลออกมาจากปาก!
ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าเจ็ดคนเดียวที่อยากลองชิมอาหารจานนี้แทบขาดใจ แต่แม้กระทั่งเฉินเหลียงก็ยังติดใจกลิ่นนั้นยิ่งนัก ”ลูกพี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือขอรับ กลิ่นหอมน่ากินยิ่งนัก!”
“อืม… ก็แค่ปลาย่างเวยรักเจวี๋ย” หลังจากเฮ่อเหลียนเวยเวยพูดจบ นางก็รู้สึกว่าตัวเองช่างชาญฉลาดเสียไม่มี!
หนึ่งในข้อควรทำจากคู่มือ ’เอาใจภรรยา’ ของประธานจอมเผด็จการคือต้องทำเป็นเท่อยู่เสมอ!
การตั้งชื่ออะไรสักอย่างตามชื่อของเขาไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนางแต่อย่างใด!
“ปลาย่างเวยรักเจวี๋ย...” องค์ชายเจ็ดตัวน้อยเกาศีรษะโล้นของตัวเอง ใบหน้าเล็กๆ นั้นเงยขึ้นมองไปยังหอน้ำชาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามพวกเขา…
ทันทีที่เงาทมิฬนำชื่อของอาหารจานนั้นไปรายงานเขา หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นเป็นสิบเท่าจากปกติ!
“หึ”
แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่ฝ่าบาทกลับหัวเราะออกมาจริงๆ! นอกจากนั้นเสียงหัวเราะของเขาก็ยังดูหล่อเหลาอย่างมาก!
เขาหัวเราะออกมาเพราะชื่อที่พระชายาตั้งนั้นฟังดูโง่เง่าเกินไปหรือ
“ปลาย่างเวยรักเจวี๋ย... เวยรักเจวี๋ย ดีมาก นางพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อครั้งก่อนทีเดียว” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกถ้วยชาในมือขึ้น แล้วหันหน้าออกไปมองร่างผอมเพรียวราวกับหยกที่อยู่นอกหน้าต่าง มุมปากของเขาที่กระตุกขึ้นนั้นดูอ่อนโยนมากกว่าที่เคย…
แต่ในเวลานี้ประชาชนที่เดิมทียืนอยู่นอกภัตตาคารไห่ปินกลับอยากลิ้มรสอาหารในกระทะใบนั้นแทบไม่ไหว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังไม่คิดที่จะหยุดมือ ระหว่างที่ปลาทะเลยังย่างอยู่นั้น นางก็หยิบมีดเล่มที่สามขึ้นมา นางวางมือข้างซ้ายกดลงบนหลังกุ้งมังกร แล้วผ่าหลังของมันออกก่อนจะยัดเนื้อไก่สับที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้เข้าไป ต่อมานางจึงใส่เห็ดหอมเพิ่มเข้าไป จากนั้นจึงทาน้ำผึ้งลงบนกุ้งมังกรตัวนั้น แล้ววางมันลงในหม้อนึ่ง
หลังจากนั้นนางจึงตักเอาน้ำมันพริกจากกระทะใบนั้นขึ้นมาใส่ในถาดเหล็ก
ใต้ถาดนั้นเป็นเตาถ่านที่มีขนาดเล็กสุมด้วยไม้จากไม้ผล ความแรงของไฟอยู่ในระดับกลางๆ กำลังพอดีไม่ได้แรงหรือเบาจนเกินไป
หลังจัดการขั้นตอนนั้นเสร็จ กลิ่นหอมเมื่อครู่ก็ยิ่งชวนดึงดูด
หลายคนเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาสูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าเว่ยจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ แค่กลิ่นก็ชวนให้ทุกคนน้ำลายสอได้แล้ว”
“การนำถั่วลิสงลงไปคั่วกับพริกนั่นช่างเป็นความคิดที่มหัศจรรย์มาก!”
“ข้าอยากลองชิมจริงๆ!”
ประโยคสุดท้ายเหมือนเป็นตัวแทนความคิดของทุกคน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหยิบปูตัวใหญ่สองตัวขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ปูตัวหนึ่งถูกผ่าครึ่งแล้วนำไปผัดกับน้ำมันพริก ในขณะที่อีกตัวหนึ่งถูกนำไปนึ่งกับหอมหัวใหญ่เพียงอย่างเดียว กลิ่นหอมของปูทั้งสองตัวผสานเข้าหากัน และพรั่งพรูเข้าสู่โพรงจมูกของทุกคน กระตุ้นความอยากอาหารของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
“กลิ่นหอมยิ่งนัก!” แม้กระทั่งพ่อค้าทั้งสองคนที่เดินทางไปทั่วแผ่นดินมาหลายปีก็ยังอดถามขึ้นอย่างสงสัยไม่ได้ว่า ”ใต้เท้าเว่ยใส่อะไรลงไปในอาหารจานนี้หรือขอรับ กลิ่นหอมจริงๆ”
“พริกไทย” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าไม่มีใครในจักรวรรดิจ้านหลงใส่เครื่องเทศลงในอาหาร ดังนั้นนางจึงหยิบเอาโป๊ยกั๊กออกมาให้พ่อค้าทั้งสองดู
ทั้งสองเคยเห็นเครื่องเทศชนิดนี้มาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยใส่ใจกับมันมากนัก ครั้งแรกที่พวกเขาได้ดมมัน พวกเขาคิดว่าพวกมันมีกลิ่นแรงเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไร แต่พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่ามันจะมีกลิ่นหอมถึงเพียงนี้หลังจากนำไปใส่ในเนื้อ! ช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ!
กลิ่นพริกลอยไปทั่วอากาศ เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่ากุ้งมังกรใกล้สุกได้ที่แล้ว นางใช้ตะเกียบไม้ไผ่คีบเอากุ้งมังกรทั้งตัวออกมาจากหม้อหนึ่ง ก่อนจะวางมันลงในหม้ออีกใบ เทน้ำผลไม้ลงจนท่วมตัวกุ้งมังกร แล้วตามด้วยเหล้าองุ่นที่เพิ่งใช้ฟันเปิดขวดไปหมาดๆ ตามลงไปอีกครึ่งแก้ว จากนั้นนางจึงจัดการปิดฝาหม้อ!
อาหารที่ตามมาหลังจากนั้นคือปูนึ่งตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว แม้มันจะถูกนึ่งด้วยวิธีการธรรมดา แต่กลิ่นคาวที่มีกลับถูกกำจัดไปตั้งแต่ตอนแรกด้วยการใช้เหล้ากับเกลือในปริมาณที่เหมาะสม เหลือไว้ก็แต่เพียงรสชาติดั้งเดิมอันสดใหม่ของตัวปู มันถูกนำมาวางบนโต๊ะพร้อมกับน้ำจิ้มสำหรับทานคู่กับอาหารทะเล และยำเห็ดหูหนูอีกเล็กน้อย
“เจ้าเจ็ด อย่าลืมเหลืออาหารไว้ครึ่งหนึ่งด้วย ชาวบ้านคนอื่นๆ จะได้ชิมเหมือนกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งจานใบใหญ่ให้กับเด็กชายตัวน้อย
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นจึงอ้าปากคาบก้ามปูก้ามหนึ่งขึ้นมา แล้วยื่นก้ามปูอีกก้ามไปไว้ตรงหน้าของชายชราคนเมื่อครู่โดยไม่พูดอะไรสักคำ เขามองชายชราพร้อมด้วยใบหน้าเล็กๆ น่ารัก ท่าทางเช่นนั้นทำให้ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเขาได้
ชายชราคนนั้นหยิบตะเกียบไม้ไผ่ขึ้นคีบเนื้อจากก้ามปูเข้าปากหนึ่งคำ กลิ่นหอมที่หลงเหลืออยู่ระหว่างฟันทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างในทันใด!
จากนั้นเขาก็คีบคำที่สองเข้าปากทันที!
“เฮ้ อย่ากินแค่คนเดียวสิพ่อเฒ่าอวี๋ รีบบอกข้ามาเร็วว่ารสชาติมันเป็นเช่นใด!”
“อร่อยมาก! ข้าไม่เคยกินอาหารชนิดนี้มาก่อน โดยเฉพาะน้ำจิ้มอันนี้ ช่างอร่อยเหลือเกิน!” คำพูดของพ่อเฒ่าอวี๋ปลุกความสนใจให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดี พวกเขาสงสัยว่าอาหารจานต่อไปของใต้เท้าเว่ยจะเป็นอะไร
เพราะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้แตะต้องหรือชิมปูนึ่งตัวนี้แล้วนั่นเอง…