บทที่ 531 ภพเซียนมิได้สวยงามแม้แต่น้อย โกลาหลเป็นที่สุด!
จักรพรรดินีอายุยืน จักรพรรดินีอาภรณ์ขาว จักรพรรดินีเจวี๋ยเนี่ยน…
สมญานามจักรพรรดิของนางมีอยู่นานัปการ นางยังไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วนางมีสมญานามจักรพรรดิเท่าไรกันแน่
นับแต่นางเลื่องชื่อขึ้นมาในยุคอนันตกาล นางทิ้งตำนานยิ่งใหญ่เรืองรองไว้มากมายเหลือเกิน ทว่า นางมิเคยทิ้งสมญานามจักรพรรดิและชื่อของนางไว้เลย นางมิได้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ มิได้ใช้ชีวิตเพื่อไล่ตามสิ่งเหล่านี้ สมญานามจักรพรรดิ รวมถึงฉายามากมายล้วนเป็นผู้คนในใต้หล้าที่ตั้งให้นาง
‘บำเพ็ญเป็นเซียนหรือ…เหอะ ในอดีต ข้าทุ่มเททุกอย่างเพื่อการนี้รึ’
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าวังเซียนซึ่งร่างวัยกลางคนนั้นพำนักอยู่ จักรพรรดินีชะงักกึก ดวงหน้างามวิไลไร้ที่ติเผยรอยยิ้มเย้ยหยันตนเอง พลางเอ่ยในใจ
นางมีความคิดในใจมากมาย ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเข้ามาในภพเซียนล้วนไม่เหมือนกับที่นางเคยคิดเอาไว้
และเรื่องที่นางอยากทำก็ยังมิเคยได้ทำ…
นางสั่นศีรษะ หยุดยั้งความคิดมากมายในใจ ตอนนี้ยังมิใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้
นางโรยตัวลง เดินเท้าเข้าไปในวังเซียน ได้พบกับร่างวัยกลางคนร่างนั้น
เขาคือบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่องอาจ ดวงตาสองข้างลึกล้ำเกินหยั่ง ราวกับมองเห็นทุกอย่างในโลกหล้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง พลังปราณของเขาถูกเก็บงำเอาไว้ มิได้เผยออกมาแม้แต่น้อย กระนั้นยังสร้างแรงกดดันมหาศาลแก่ผู้อื่น
“ผู้นำตระกูล!”
จักรพรรดินีคำนับชายวัยกลางคน ที่นี่คือดินแดนตระกูลเซียว ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน และชายวัยกลางคนตรงหน้าผู้นี้ก็คือผู้นำตระกูลเซียว
ผู้นำตระกูลเซียวพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหันมองจักรพรรดินีพลางกล่าว “เจ้าอยู่ที่ภพเซียนมานานแล้วใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว นานมาก”
จักรพรรดินีตอบ
ภพเซียนปราศจากกาลเวลา นางไม่รู้เหมือนกันว่านางอยู่ที่ภพเซียนมานานเท่าไรแล้ว
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ตระกูลเซียวของเราไม่เคยข่มเหงรังแกเจ้าเลยใช่หรือไม่!” ผู้นำตระกูลเซียนกล่าวต่อ
“ไม่เคย” จักรพรรดินีตอบอีกครั้ง
ว่าไปแล้ว ตระกูลเซียวมิเคยข่มเหงรังแกนางจริง ๆ ดีกับนางในทุก ๆ ด้าน แต่ก็เพียงเท่านั้น
นางไร้ซึ่งอิสรภาพเพื่ออยู่ในตระกูลเซียว จำต้องทำตามบัญชาผู้อื่น นางรับใช้ตระกูลเซียว อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเซียว
ทั้งหมดนี้ต้องย้อนไปถึงเมื่อครั้งนางเพิ่งมาเยือนภพเซียน…
ครานั้น นางมีชีวิตอยู่เป็นชาติภพที่สิบแล้ว และในที่สุด นางก็บรรลุอย่างยิ่งใหญ่ได้ในชาติภพที่สิบ ขอบเขตพลังก้าวสู่ขั้นที่คิดไม่ถึง
สิบชาติภพที่ผ่านมา นางเฝ้าค้นหาร่องรอยภพเซียนอยู่ตลอด เพราะนางรู้ดีว่า หากต้องการเป็นเซียน จำต้องเข้าไปในภพเซียนให้ได้
นอกจากภพเซียน สถานที่อื่นไม่มีสสารบรรลุเซียน หรือก็คือสสารอันเป็นนิรันดร์ เพราะฉะนั้น หากตั้งใจบรรลุเซียน จำต้องมาอยู่ที่ภพเซียนเท่านั้น
ความพยายามทั้งหมดของนาง ปะทุในชาติภพที่สิบ นางไม่เพียงแต่บรรลุอย่างยิ่งใหญ่ในชาติภพที่สิบ แต่ยังตามหาร่องรอยภพเซียนจนเจอในชาติภพที่สิบอีกด้วย
ทว่าภพเซียนมิได้เข้าไปง่าย ๆ
รอบ ๆ ภพเซียนมีพลังสยดสยองน่าหวาดหวั่นบางอย่างแผ่ปกคลุม หากคิดเข้าไปในภพเซียน จำต้องทะลุผ่านพลังสยดสยองน่าหวาดหวั่นนี้ไปให้ได้
นางปราดเปรื่องเป็นหนึ่ง เป็นที่น่าทึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ซ้ำยังบรรลุอย่างยิ่งใหญ่เหนือขั้นเทียนตี้ จนมีพลังเกินจินตนาการ
อนิจจา แม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อาจทะลุผ่านพลังสยดสยองน่าหวาดหวั่นที่ปกคลุมภพเซียนอยู่เข้าไปได้
ทว่านางมิได้ยอมแพ้
นางฝึกฝนอยู่นอกภพเซียน จนมีชีวิตต่อไปได้อีกภพชาติ และในภพชาติที่สิบเอ็ดนี้ นางสำเร็จในที่สุด ทะลุผ่านพลังสยดสยองน่าหวาดหวั่นที่แผ่ปกคลุมภพเซียน เข้าไปด้านในได้สำเร็จ
หลังนางเข้าไปในภพเซียนแล้ว ก็ได้รับการยกระดับในพริบตา ถูกชะล้างโดยสสารนิรันดร์ ก้าวสู่ความเป็นเซียนสำเร็จ ซ้ำยังบรรลุเหนือขอบเขตเซียนขึ้นไปอีกด้วย!
และในจินตนาการของนาง ภพเซียนเป็นสถานที่สวยงาม อยู่เหนือทุกสิ่ง ปราศจากกิเลส ปราศจากการแก่งแย่ง นางสามารถทำสิ่งที่นางอยากทำลุล่วงได้ในภพเซียน
แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง ภพเซียนมิได้สวยงามอย่างที่นางคิด ภพเซียน…โกลาหลเป็นที่สุด!
เมื่อครั้งนางเพิ่งเข้ามาในภพเซียน ก็ประสบพบเจอกับจลาจล!
ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือภพเซียนมากมายเท่าใดโจมตีใส่นางทันทีที่นางมาถึง!
การต่อสู้นั้นอยู่ในระดับที่นางจินตนาการไม่ถึง ภาพอันงดงามของภพเซียนแตกดับในพริบตา!
ยอดฝีมือแต่ละคนในภพเซียนต่างลงมืออย่างโหดเหี้ยม โลหิตเซียนกระเซ็นไปทั่ว ส่วนนางก็ได้เข้าใจว่าเซียนนั้นมิได้อยู่ยงคงกระพัน ไม่มีวันแตกดับจากศึกนั้น!
เซียนก็ตายได้เช่นกัน!
ที่ว่ามีสสารนิรันดร์ผสานร่างก็เพียงเพื่อให้ไม่อยู่ใต้ภาวะจำกัดของกาลเวลาอีก นอกจากเรื่องนั้น เซียนถูกฆ่าได้เช่นกัน
ศึกนั้นอเนจอนาถอย่างที่สุด ยอดฝีมือภพเซียนราวกับไม่เห็นชีวิตอยู่ในสายตา ทุกครั้งที่ลงมือล้วนเป็นกระบวนท่าพิฆาต ไม่ออมมือแม้แต่น้อย เซียนต้องแตกดับไปในศึกนั้นนับคณา
ท้ายที่สุด ตระกูลเซียวเป็นผู้ชนะ เอาชนะยอดฝีมือภพเซียนตนอื่นได้หมด
ครานั้น นางยังไม่รู้ว่าเหตุใดยอดฝีมือภพเซียนเหล่านี้ถึงต้องเข้าห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงนาง
หลังเรื่องจบ นางถึงเข้าใจทุกอย่าง
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะนางเข้ามายังภพเซียนจากภายนอก แตกต่างจากเซียนตนอื่นในภพเซียนอย่างสิ้นเชิง นางมีศักยภาพสูง สามารถเติบโตไปได้มากกว่าผู้อื่น!
ยอดฝีมือภพเซียนต่างหมายมั่นอยากชิงตัวนางไปอบรมบ่มเพาะเป็นพรรคพวกของตน
ครานั้น นางสิ้นหวังอย่างยิ่ง นางผู้ถูกขนานนามว่าปราดเปรื่องไร้ผู้ใดทัดเทียม เป็นถึงจักรพรรดินีอันดับหนึ่งแห่งยุคอนันตกาล เมื่อมาถึงภพเซียนและได้เผชิญกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ กลับไร้ซึ่งหนทาง
ห่างชั้นกันเกินไป นางมิใช่คู่ต่อสู้เลย ไม่ว่ายอดฝีมือภพเซียนตนไหนล้วนเอาชีวิตนางได้อย่างง่ายดาย
นางตามยอดฝีมือตระกูลเซียวไป กลายเป็นคนของตระกูลเซียว อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเซียว รับใช้ตระกูลเซียว สูญเสียอิสรภาพ
และนางเพิ่งได้รู้อย่างแจ่มแจ้งในภายหลังว่าภพเซียนวุ่นวายปานใด!
ภพเซียนไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดเดียว ที่นี่ไม่มีคำว่าสันติภาพ มีแต่เพียงการแก่งแย่งช่วงชิงนองเลือดอย่างไม่รู้จบสิ้น!
ทรัพยากรต่าง ๆ ในภพเซียนขาดแคลนอย่างยิ่ง รวมถึงสสารนิรันดร์ก็ด้วย การช่วงชิงทรัพยากรของกำลังแต่ละฝ่ายในภพเซียนเรียกได้ว่ารุนแรงถึงขีดสุด มีศึกชิงดุเดือดให้เห็นอยู่ทุกวี่วัน
ก่อนนี้ที่ยอดฝีมือทั้งหลายในภพเซียนห้ำหั่นกันอย่างหนักหน่วงเพื่อนางก็เพราะเหตุนี้ ในสายตายอดฝีมือทั้งหลายในภพเซียน นางถือเป็น ‘ทรัพยากร’ ชั้นดี ไม่ควรพลาดเด็ดขาด!
และนางได้พิสูจน์แล้วว่านั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง นางพัฒนาฝีมือในภพเซียนได้อย่างรวดเร็ว จนเหนือชั้นสิ่งมีชีวิตตนอื่นในภพเซียนไปไกล
นางแย่งชิงทรัพยากรมาให้ตระกูลเซียวได้มหาศาล ทำเช่นนั้นเรื่อยมาจนถึงวันนี้
“ยอดเยี่ยม”
ผู้นำตระกูลเซียวพยักหน้า “ตอนนี้ ข้ามีภารกิจหนึ่งให้เจ้าไปทำ”
“ท่านผู้นำตระกูลเชิญว่ามา”
จักรพรรดินีตอบ นึกแปลกใจอยู่มากเหมือนกันว่าผู้นำตระกูลมีเรื่องใดให้นางไปทำกันแน่
ปกติแล้ว ยามผู้นำตระกูลมีภารกิจมอบหมายให้นาง ก็เพียงแค่ส่งคนมาแจ้งนางเท่านั้น หาได้เคยเรียกนางเข้าพบด้วยตนเองเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่า เรื่องที่ผู้นำตระกูลให้นางไปทำนั้นสำคัญยิ่ง
หรือว่ามีทรัพยากรล้ำค่าบางอย่างปรากฏออกมา
นางคิดในใจอย่างอดมิได้
“ข้าต้องการให้เจ้าออกไปข้างนอก นำของสิ่งหนึ่งกลับมา”
ผู้นำตระกูลเซียวกล่าว
หลังได้ยินถ้อยคำที่ผู้นำตระกูลเอ่ยมา คิ้วของจักรพรรดินีขมวดเล็กน้อย ถามขึ้น “ข้างนอกหรือ”
นางรู้สึกถึงความผิดปกติ ข้างนอกที่ว่านี้เกรงว่าไม่ธรรมดา
อย่างที่คิด วาจาต่อมาของผู้นำตระกูลทำให้คิ้วของนางขมวดมุ่นยิ่งขึ้น
ผู้นำตระกูลเซียนเอ่ย “ข้างนอกภพเซียน”
ข้างนอกภพเซียน!?
สีหน้าจักรพรรดินีเปลี่ยนไป ทุกถ้อยคำของผู้นำตระกูลเซียวล้วนอยู่เหนือการคาดการณ์ของนาง
หมายถึงข้างนอกภพเซียนหรือ!
นางคิดไม่ถึงจริง ๆ!