หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1339 เจ้าชอบเล่นซ่อนแอบไหม

บทที่ 1339 เจ้าชอบเล่นซ่อนแอบไหม
แทบจะในชั่วพริบตาที่เสียงนี้สะท้อนดังก้อง ผู้ฝึกตนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในพื้นที่หลายแห่งในเมืองปรารถนารสก็ลืมตาพร้อมกัน ยิ่งกว่านั้นเมื่อลืมตาขึ้น คนเหล่านี้แต่ละคนบ้างก็ประหม่า บ้างตื่นเต้น บ้างก็ตั้งตารอและพากันลุกขึ้นยืน ชั่วแวบเดียวก็กลายเป็นสายรุ้งยาวหลายสายพุ่งไปที่ยังน้ำวนบนท้องฟ้า
การปรากฏตัวของพวกเขาดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนรอบแท่นบูชาได้ทันที เมื่อสายตาแต่ละคู่มองไป เสียงพูดคุยก็ดังสะพัดออกมา
“เป็นเสินหลูเต้า!”
“แล้วยังมีเฟิงตี๋!”
“นั่นเฉิงหลิงจื่อ!”
เสียงพูดคุยเหล่านี้แพร่สะพัดไปทั่วทุกทิศจากบริเวณใกล้แท่นบูชา ในกลุ่มเงาร่างที่บินขึ้นมาจากที่ต่างๆ นั้น มีสี่ร่างที่น่าตะลึงอย่างยิ่ง และกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
หนึ่งในสี่ร่างนี้คือชายฉกรรจ์หัวล้าน คนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงกำยำอย่างยิ่ง รูปร่างแตกต่างจากภูเขาเนื้อแบบเจ้าสวาปามอย่างเห็นได้ชัด แต่การปรากฏตัวของเขากลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังระดับเคลื่อนย้ายพสุธา
เขาผู้นั้นสวมชุดคลุมยาวสีเหลือง พลานุภาพเหมือนสายรุ้ง นั่นก็คือเสินหลูเต้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนตัวของเขาคล้ายกับมีเตาไฟ ตอนนี้ขณะที่พุ่งไปบนท้องฟ้า เขาก็ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับท้องฟ้ากำลังจะถูกเผาอย่างไรอย่างนั้น ทำให้สาวกเนื้อคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ถูกสยบเอาไว้ ไม่อาจสู้เขาได้
มีเพียงเงาร่างอีกสามร่างเท่านั้นที่ยังเป็นปกติภายใต้กลิ่นอายเช่นนี้ของเขา หนึ่งในนั้นก็คือภูเขาเนื้อที่ดูไม่ต่างจากเจ้าสวาปามเท่าไรนัก
ภูเขาเนื้อผู้นี้สวมชุดคลุมสีขาว พลานุภาพของคนทั้งคนสะเทือนฟ้าดิน ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งทรงพลังออกมา ยิ่งกว่านั้นที่ด้านหลังของเขากลับมีวงแสงมหึมาอยู่หนึ่งวง บนนั้นมีอักขระโบราณลวดลายซับซ้อน
แม้จะไม่มีคลื่นความร้อนแผ่ออกมาแบบเตาไฟ แต่บนร่างของเขากลับมีปราณโลหิตเข้มข้นสะเทือนสวรรค์อยู่ มันปะทุออกมา กระตุ้นความกระหายอยากของทุกคนที่มอง
คนผู้นี้ ก็คือผู้ที่จู่ๆ โดดเด่นขึ้นมา…เฟิงตี๋
ส่วนอีกสองคนนั้น คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่ม เทียบกับทุกคนแล้ว ตัวตนของเขาพิเศษอย่างยิ่ง ดูคล้ายจะผอมโซเหมือนผีหิวโหย รอยยิ้มบนใบหน้าก็แปลกพิกล คล้ายไม่มีวันเลือนหาย ทางหนึ่งเดินไปยังท้องฟ้า อีกทางมองดูสาวกเนื้อคนอื่นๆ แล้วเลียริมฝีปาก ราวกับหิวโหยจนถึงที่สุดและกำลังข่มกลั้นสุดกำลัง
ส่วนคนสุดท้ายก็คือหวังเป่าเล่อ
เทียบกับคนอื่นๆ แล้ว รูปร่างของเขาธรรมดา ไม่อ้วนไม่ผอม ด้านหลังไม่มีวงแสง ภายในร่างไม่มีเตาสวรรค์ คล้ายไม่ได้น่าอัศจรรย์อะไรนัก แต่…บนตัวของเขากลับมีความเยือกเย็นที่ค่อยๆ ปะทุออกมาขณะที่กำลังเดินทางอยู่ตอนนี้
ความเยือกเย็นนี้ราวกับสามารถแช่แข็งเตาไฟ สยบปราณโลหิต และเมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่งได้
นอกจากพวกเขาแล้ว สาวกเนื้อคนอื่นก็ด้อยกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดเป็นเหมือนดวงดาวข้างพระจันทร์อันเจิดจรัสภายใต้พลานุภาพของทั้งสี่คนอย่างไรอย่างนั้น แม้จะคงอยู่ แต่กลับต้องมืดสลัว
ทว่าก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์ ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นตอนนี้สาวกเนื้อเหล่านี้จึงทำได้เพียงกัดฟันบินไปยังวังน้ำวน ขณะเดียวกัน ส่วนใหญ่ก็เข้าไปใกล้กับผู้ที่สนิทสนม ถึงอย่างไรในงานเลี้ยงล่าสัตว์ครั้งนี้ แม้ระหว่างกันและกันจะไม่ปลอดภัย แต่ในบางครั้ง การเป็นพันธมิตรบางทีอาจจะสามารถรับประกันให้ชีวิตรอดไปจนถึงท้ายที่สุดได้มากก็ได้
เช่นนี้เอง ภายใต้ความสนใจของทุกคน สาวกเนื้อทั้งหมดในเมืองปรารถนารสก็กลายเป็นสายรุ้งยาว เข้าไปใกล้กับวังน้ำวนเรื่อยๆ ไม่นานเสินหลูเต้าก็เป็นคนแรกที่เข้าใกล้ เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย หันกลับมามองทุกคนด้านหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองไปยังเฟิงตี๋กับหวังเป่าเล่อ ยิ้มเยาะให้ครั้งหนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในวังน้ำวน
ตามมาด้วยเฟิงตี๋ เขาไม่สนใจสายตาจากเสินหลูเต้า สีหน้าปราศจากอารมณ์ วงแสงด้านหลังเปล่งประกาย ปราณโลหิตยังคงพวยพุ่งมากมาย ความเร็วไม่ลดลงแม้แต่น้อย แล้วก็พุ่งเข้าไปในวังน้ำวนโดยตรง
เมื่อหวังเป่าเล่อและเด็กหนุ่มเฉิงหลิงจื่อที่เหมือนกับผีหิวโหยเข้ามาใกล้กับวังน้ำวนแทบจะพร้อมกัน ในชั่วพริบตาที่กำลังจะก้าวเข้าไป เฉิงหลิงจื่อก็ยกยิ้มให้กับหวังเป่าเล่อ
“พ่อข้าให้ข้าไปกินเจ้าข้างในนี้ แต่ข้าชอบเล่นซ่อนแอบ ดังนั้น…เจ้าต้องซ่อนตัวดีๆ นะ” กล่าวพลาง เฉิงหลิงจื่อก็เลียริมฝีปาก กำลังจะก้าวเข้าไปในวังน้ำวน
เสียงของเขาดังไปทั่วทุกทิศ ทำให้สาวกเนื้อที่ด้านหลังเหล่านั้นไม่อยากเข้าไปใกล้นัก ทุกคนที่อยู่รอบแท่นบูชาก็พากันสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายของเฉิงหลิงจื่อ
ส่วนเจ้าสวาปามทั้งแปดคนนั้นใบหน้าปราศจากอารมณ์ มีเพียงบิดาของเฉิงหลิงจื่อผู้เดียว ซึ่งก็คือถัวหลิงจื่อที่ตอนแรกต้องการสร้างความลำบากให้กับหวังเป่าเล่อแต่ถูกโจวหั่วขัดขวางเอาไว้ผู้นั้น แววตาของเขาสาดประกายชื่นชม
เขาชอบเด็กโอ้อวด และเฉิงหลิงจื่อก็เป็นบุตรชายคนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เขาเชื่อว่าครั้งนี้ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าสวาปาม ก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงหาเรื่องให้ตนเองอย่างการแตะต้องชีวิตของเฉิงหลิงจื่อหรอก
ถึงจะเป็นเจ้าสวาปามที่เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่ก็น้อยนักที่จะไม่เกรงกลัว
ส่วนปิงหลิงจื่อ เขาคิดว่าแม้จะแข็งแกร่ง ทว่าเขารู้จักบุตรชายของตนดียิ่งกว่า ดังนั้นจึงไม่เป็นกังวล
แต่ขณะที่เด็กหนุ่มเฉิงหลิงจื่อผู้เหมือนกับผีหิวโหยเปล่งวาจาออกมาเข้าหูของทุกคนนั้น หวังเป่าเล่อที่เดิมทีไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างและกำลังจะเดินเข้าไปในวังน้ำวนก็เลิกคิ้วขึ้นทันที ร่างกายหายวาบในชั่วพริบตา ขณะต่อมากลับไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเฉิงหลิงจื่อตรงๆ แล้ว
ขณะที่สีหน้าของเฉิงหลิงจื่อเปลี่ยนไป มือขวาของหวังเป่าเล่อก็ยกขึ้นมา ก่อนคว้าตัวเฉิงหลิงจื่อเต็มแรง
“บังอาจ ยังไม่ได้เข้าสู่สนามล่าก็กล้าลงมือแล้วหรือ รนหาที่ตายนัก!” ถัวหลิงจื่อข้างแท่นบูชามีประกายเย็นเยียบวาบอยู่ในดวงตา จู่ๆ ก็ยกมือขวาขึ้นพุ่งคว้าไปยังท้องฟ้าโดยพลัน
ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นมือยักษ์มายาข้างหนึ่งส่งเสียงกู่ก้องพุ่งสู่ท้องฟ้า โจวหั่วที่อยู่อีกด้านขมวดคิ้ว กำลังจะขัดขวาง แต่คลื่นผันผวนที่ทรงพลังยิ่งกว่ากลับแผ่ออกมาจากร่างของเจ้าสวาปามอันดับหนึ่งผู้มีใบหน้าปราศจากอารมณ์ และเข้าไปปกคลุมทั่วร่างของโจวหั่ว ทำให้ร่างกายของโจวหั่วสั่นไหว ไม่อาจขัดขวางได้อีก
ขณะที่หน้าเปลี่ยนสีอยู่นั้น มือยักษ์ที่ถัวหลิงจื่อแปลงออกมาก็อยู่บนฟ้าและพุ่งไปหาหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็วแล้ว ส่วนหวังเป่าเล่อนั้น เขาไม่แม้แต่จะมองมือยักษ์ข้างหลัง ตอนนี้ยกมือขวาขึ้น ยังคงจับตัวเฉิงหลิงจื่อไว้เช่นเดิม
“โง่เง่า!” เฉิงหลิงจื่อยิ้มเยาะ กฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสทั่วร่างระเบิดออกมา ร่างกายขยายใหญ่จนถึงแปดสิบกว่าจั้งอย่างรวดเร็ว เขาอ้าปากกว้างทันที ไม่ได้หลบหลีก กลับอ้าปากจะกลืนหวังเป่าเล่อ ปากใหญ่ของเขายิ่งเหนือจริงเข้าไปใหญ่ ชั่วพริบตาก็คล้ายถึงขอบเขตที่สามารถกลืนกินหวังเป่าเล่อเข้าไปทั้งตัวได้อยู่แล้ว
แววตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม ถึงอย่างไรที่ด้านหลังของหวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็มีมือยักษ์จากถัวหลิงจื่อ ตามการคาดเดาของเฉิงหลิงจื่อ ครั้งนี้…อีกฝ่ายไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส ยิ่งกำลังจะถูกเขาพลิกกลับมากลืนกินกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสไปส่วนหนึ่งอีกด้วย
“ต้องเข้าประตูก่อน!” ท่ามกลางความได้ใจของเฉิงหลิงจื่อ ประกายแสงในดวงตาก็แรงกล้ายิ่งขึ้น ทว่า…ชั่วขณะต่อมา ภาพที่ทำให้ร่างกายของเขาตกใจอย่างรุนแรงจนลูกตาแทบกระเด็นก็เกิดขึ้น
พลัง…กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า และพลานุภาพสะเทือนฟ้าดินนั้นทำให้เขารู้สึกว่ากฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสกำลังสั่นคลอน มันคล้ายกับลมพายุ และกำลังระเบิดพวยพุ่งมาจากบนร่างของหวังเป่าเล่อ
ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นมาในชั่วพริบตา สามสิบจั้ง ห้าสิบจั้ง เจ็ดสิบจั้ง เก้าสิบจั้ง…
จนกระทั่งพริบตาต่อมา เขาก็มาถึงเก้าสิบเก้าจั้ง ยืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ราวกับยักษ์ที่ค้ำยันทุกสรรพสิ่ง สิ่งที่เปลี่ยนไปยังมีมือขวาของเขาที่ขยายใหญ่ขึ้นมาเช่นกัน ท่ามกลางความตกตะลึงของเด็กหนุ่มผีหิวโหย พลังพังพินาศทุกสิ่งอย่างง่ายดายก็ทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมด แล้วคว้าจับ…ลำคอของเฉิงหลิงจื่อไว้ทันที
“เจ้าชอบเล่นซ่อนแอบไหม”
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท