ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 548 หย่าร้าง (ต้น)

ตอนที่ 548 หย่าร้าง (ต้น)

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​จับมือ​ฟัง​ซื่อ

​“​เจ้า​พูดเหลวไหล​อะไร​กัน​”​ ​นาง​พูด​ตำหนิ​ ​“​เรื่อง​แต่งงาน​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ ​ต้อง​ให้​ผู้อาวุโส​เป็น​คน​ตัดสิน​ ​ใช่​บอกว่า​จะ​หย่า​ก็​หย่า​ได้​ ​ใช่​ว่า​บอกว่า​จบ​ก็​จบ​ได้​ ​ในเมื่อ​เจ้า​กังวล​เกี่ยวกับ​มารดา​ที่​เป็นห่วง​เจ้า​ ​ก็​ไม่​ควรจะ​ทำตาม​ใจ​ตัวเอง​เช่นนี้​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจ้า​ถอย​ออก​ไป​ก่อน​เถิด​!​ ​ข้า​ยัง​มีเรื่อง​จะ​พูด​กับ​แม่​สามี​เจ้า​!​”

​ฟัง​ซื่อ​อยาก​จะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​แต่​ก็​หยุด​ไป​ ​สุดท้าย​ก็​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​ย่อเข่า​คำนับ​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

​ทาง​ฝั่ง​ของฮู​หยิน​สาม​อด​ไม่ได้​จึง​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​พูด​อะไร​ทั้งนั้น​ ​อย่างไร​เสีย​ก็​ต้อง​เขียนหนังสือ​ปลด​ภรรยา​!​”

​ฟัง​ซื่อ​ที่​เดิน​ไป​ถึง​หน้า​ประตู​หยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​เปิดม่าน​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

​สือ​อี​เหนียง​ส่งสายตา​ให้​ป้า​ซ่ง​ ​ส่งสัญญาณ​ให้​นาง​ออก​ไป​ก่อน​พลาง​พูดว่า​ ​“​พี่สะใภ้​สาม​อย่า​โกรธ​ไป​ ​นี่​มัน​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​กัน​แน่​ ​อย่างน้อย​ท่าน​ก็​บอก​ข้า​สักหน่อย​เถิด​ ​ให้​ข้า​ได้​รู้​ขอบเขต​ของ​เรื่อง​นี้​”

​“​เมื่อ​ครู่​นาง​ก็​บอก​เจ้า​ทุกอย่าง​แล้ว​ไม่ใช่​หรือ​”​ ฮู​หยิน​สาม​แสยะ​ยิ้ม​ ​“​นาง​มีด​วง​พิฆาต​สามี​ ​แต่​สกุล​ฟัง​กลับ​ปิดบัง​พวกเรา​แล้ว​ให้​นาง​แต่ง​เข้า​จวน​เรา​มา​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​นาง​ก็​โมโห​ขึ้น​มา​เล็กน้อย​ ​“​หาก​ไม่ใช่​เพราะ​ไป​พูด​หมั้น​หมาย​ให้​เจี่ยน​เกอ​ ​ข้า​ก็​คง​ถูก​สกุล​ฟัง​ปิดบัง​ต่อไป​ ​เกรง​ว่า​จนตาย​ก็​คง​ไม่รู้​…​”​ ​พูด​พลาง​เล่า​เหตุการณ์​ที่เกิด​ขึ้น​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง

​ที่แท้​ตั้งแต่​ที่ฮู​หยิน​สาม​กลับมา​จาก​ซาน​หยาง​ก็​เริ่ม​ไปดู​ตัว​ให้​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​อยาก​จะ​หา​ลูกสะใภ้​คนที​่​สอง​ที่​รูปร่างหน้าตา​งดงาม​พอ​ๆ​ ​กับ​ฟัง​ซื่อ​ ​สุดท้าย​เมื่อ​คนอื่น​ได้ยิน​ว่า​ลูกสะใภ้​คนโต​ของ​นาง​มีสิน​สอด​ทองหมั้น​สอง​หมื่น​ตำลึง​ ​พวกเขา​ต่าง​ก็​แสดงท่าที​ว่า​ไม่​สามารถ​จ่าย​ค่า​สินสอดทองหมั้น​เช่นนี้​ได้​ ​นาง​จึง​กำชับ​กับ​แม่สื่อ​ว่านาง​เลือก​สตรีที​่​นิสัยใจคอ​ ​ไม่ได้​เลือก​ที่​สินสอดทองหมั้น​ ​แต่ว่า​คน​เหล่านั้น​ก็​ยังคง​ปฏิเสธ​การ​หมั้น​หมาย​ของ​แม่สื่อ​อย่าง​อ้อมค้อม​ ​ไป​ๆ​ ​มา​ๆ​ ​นาง​จึง​อด​กังวล​ไม่ได้​ ​โดยเฉพาะ​บุตรสาว​คนเล​็ก​ของ​ข้าหลวง​เฟิ​่ง​เสียง​ ​ที่​มี​ความ​โดดเด่น​ยิ่งกว่า​ฟัง​ซื่อ​ ​นาง​คิด​ว่า​แม้ว่า​ตัวเอง​จะ​บรรดาศักดิ์​ต่ำกว่า​ ​แต่​ก็​ใช่​ว่า​จะ​ไม่มี​โอกาส​ ​จึง​ได้​อาศัย​โอกาส​ตอน​งานวัด​ตั้งใจ​ไป​พบ​กับฮู​หยิน​ของ​ข้าหลวง​เฟิ​่ง​เสียง​ถึง​ได้​รู้เรื่อง​ดวง​พิฆาต​สามี​ของ​ฟัง​ซื่อ

​“​…​พวก​สกุล​ฟัง​หลอก​ให้​พวกเรา​แต่งงาน​ ​สะใภ้​เช่นนี้​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​สกุล​ของ​พวกเรา​ก็​ไม่ต้องการ​!​”​ ฮู​หยิน​สาม​พูด​ด้วย​ความขุ่นเคือง​ ​“ฮู​หยิน​ของ​ข้าหลวง​เฟิ​่ง​เสียง​บอกว่า​จะ​ไม่​ให้​บุตรสาว​ของ​นาง​เป็น​ญาติ​กับ​คน​เช่นนี้​เด็ดขาด​ ​หาก​เป็น​อะไร​ขึ้น​มา​ ​จะ​เสียใจ​ภายหลัง​ก็​คง​ไม่ทัน​แล้ว​”

​สือ​อี​เหนียง​พูดไม่ออก​ ​จึง​ถาม​เพียง​ว่า​ ​“​คุณชาย​สาม​รู้​หรือไม่​”

ฮู​หยิน​สาม​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​พูด​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​“​เรื่อง​เช่นนี้​ข้า​จะ​กล้า​ไป​บอก​คุณชาย​สาม​ได้​อย่างไร​ ​ถ้าหาก​ฟัง​ซื่อ​รู้จัก​ละอาย​ ​เมื่อ​เรื่อง​แดง​ขึ้น​มา​เช่นนี้​ก็​ควรจะเป็น​ฝ่าย​มา​ขอ​จากไป​เอง​ ​ยัง​มีหน้า​เรียก​พี่ชาย​จาก​สกุล​เดิม​มา​พูด​เรื่อง​ขอ​หย่า​กับ​สกุล​เรา​อีก​ ​พวกเขา​เห็น​หัว​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ของ​พวกเรา​เสียที​่​ไหน​กัน​ ​หาก​พวกเรา​ไม่​สั่งสอน​สักหน่อย​ ​เกรง​ว่า​จะ​ถูก​สกุล​ฟัง​เหยียบ​หัว​เอา​!​”

พูด​ง่ายๆ​ ​ก็​คือ​คุณชาย​สาม​ไม่รู้

หรือ​เป็นเพราะว่า​การ​แต่งงาน​ครั้งนี้​เป็น​นาง​ที่​เป็น​คน​ตัดสินใจ​เอง​ ​ตอนนี้​เกิดเรื่อง​ขึ้น​ ​นาง​จึง​ไม่กล้า​ที่จะ​พูด​กับ​คุณชาย​สาม​กระมัง

​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​ ​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​แล้ว​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​พี่สะใภ้​สาม​ได้​ตัดสินใจ​แล้ว​ ​ข้า​ก็​จะ​ไม่​พูด​ให้​มากความ​ ​เพียงแต่ว่า​จะ​หย่า​ก็ดี​ ​จะ​ปลด​ภรรยา​ก็ดี​ ​อย่างไร​เสีย​ก็​ต้อง​บอก​ท่าน​โหวกับ​คุณชาย​สาม​จึง​จะ​ถูก​ ​แล้ว​ทาง​ฝั่ง​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ต้อง​ไป​บอก​ท่าน​ด้วย​จึง​จะ​เหมาะสม​”

ฮู​หยิน​สาม​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ไม่สบายใจ​เล็กน้อย​ ​รีบ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ช่วง​สอง​วันนี้​ไม่รู้​ว่า​ข้า​ถูก​ฟัง​ซื่อ​ทำให้​โกรธ​จน​สับสน​ ​หรือว่า​เป็น​เพราะ​อาการ​เหนื่อยล้า​ที่​รีบ​กลับมา​จาก​ซาน​หยาง​ทำให้​รู้สึก​เจ็บ​ที่​หน้าอก​อย่างรุนแรง​ ​กลัว​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​จะ​เป็นห่วง​ ​ดังนั้น​จึง​ไม่ได้​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เจ้า​กลับ​ไป​บอก​ไท่ฮู​หยิน​สักหน่อย​ ​พรุ่งนี้​ตอนเช้า​ตรู่​ข้า​จะ​ไป​คารวะ​ท่าน​”

​“​ข้า​จะ​นำ​คำของ​พี่สะใภ้​สาม​ไป​บอกอ​ย่าง​แน่นอน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พูดว่า​ ​“​แต่ว่า​ในเมื่อ​พี่สะใภ้​สาม​ตัดสินใจ​จะ​ปลด​ภรรยา​ ​มีบาง​เรื่อง​ที่​ต้อง​คิด​ให้​ละเอียด​รอบคอบ​จึง​จะ​ถูก​ ​ใน​ ​‘​เจ็ด​ขับ​’​ ​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ทำผิด​ข้อ​ไหน​กัน​หรือ​”

ฮู​หยิน​สาม​ตกตะลึง

​สือ​อี​เหนียง​พูด​พลาง​ครุ่นคิด​ ​“​หาก​จะ​บอกว่า​ไม่มี​บุตร​ ​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​แต่งงาน​ได้​ยัง​ไม่​ถึง​หนึ่ง​ปี​ ​นี่​จึง​ไม่​นับว่า​เป็น​เหตุผล​ ​หาก​จะ​บอกว่า​ไม่เชื่อฟัง​พ่อ​สามี​กับ​แม่​สามี​ ​ก่อนที่​พี่สะใภ้​สาม​จะ​ไป​ก็​ยัง​ชม​ว่า​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​เป็น​คน​กตัญญู​รู้ความ​ ​หลังจากที่​พี่สะใภ้​สาม​ไป​แล้ว​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ก็​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​เป็นประจำ​เช้า​เย็น​ไม่เคย​ขาด​ ​ดังนั้น​ข้อนี​้​เห็นได้ชัด​ว่า​ไม่เหมาะสม​ ​หาก​จะ​บอกว่า​เป็นโรค​ร้าย​ ​ตั้งแต่​ที่​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​แต่ง​เข้า​สกุล​สวี​มา​ ​แม้แต่​ปวดหัว​ตัวร้อน​ก็​ไม่มี​ ​หาก​จะ​บอกว่า​เป็น​คน​อิจฉาริษยา​ ​ฉิน​เกอ​ก็​ไม่ได้​มี​อนุภรรยา​ ​สาวใช้​ห้อง​ข้าง​ทั้งสอง​คน​ตอนนี้​ก็​สุขสบาย​ดี​ ​นี่​ก็​ไม่ใช่​เหตุผล​ ​หาก​จะ​บอกว่า​เป็น​คน​ปาก​คอ​เราะร้าย​ ​ใน​จวน​ตั้งแต่​ไท่ฮู​หยิน​ไป​จนถึง​เด็ก​ๆ​ ​มี​ใคร​บ้าง​ที่​เมื่อ​เห็น​ฟัง​ซื่อ​แล้ว​จะ​ไม่​ชอบ​ ​ส่วน​เรื่อง​ที่​ไม่อยู่​ใน​กฎระเบียบ​หรือ​ลักขโมย​ก็​ยิ่ง​ไม่มีทาง​เป็นไปได้​ ​พี่สะใภ้​สาม​ ​ท่าน​ลอง​พูด​มาสิ​ว่า​สะใภ้​คน​นี้​จะ​ถูก​ปลด​ด้วย​เหตุผล​อะไร​”

​“​คือ​ ​คือ​…​”​ ฮู​หยิน​สาม​คิด​อยู่นาน​ ​แต่​ก็​หาเหตุ​ผล​ไม่ได้

​“​อาจจะ​เป็น​เพราะ​ข้า​คิดมาก​ไป​ ​บางที​ตอนที่​พี่สะใภ้​สาม​ไป​พบ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​อาจจะ​ไม่​ถามถึง​เรื่อง​พวก​นี้​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ลุกขึ้น​ ​“​นี่​ก็​ล่วงเลย​เวลา​มามาก​แล้ว​ ​หาก​สาย​กว่านี​้​ก็​จะ​ถึง​ช่วงเวลา​ห้าม​สัญจร​บน​ท้องถนน​แล้ว​ ​ตราบใดที่​ฟัง​ซื่อ​ยัง​เป็น​ลูกสะใภ้​ท่าน​ ​นาง​ก็​คือ​คุณนาย​น้อย​ใหญ่​ของ​สกุล​สวี​ ​หาก​ไม่เห็น​แก่​หน้านา​งก​็​ควรจะ​เห็นแก่หน้า​ผู้หลักผู้ใหญ่​ ​บาง​เรื่อง​ก็​ต้อง​เหลือ​ทางออก​ไว้​ให้​นาง​ ​หาก​ไป​บีบบังคับ​นาง​เหมือน​วันนี้​ ​ฉิน​เกอ​เอง​ก็​จะ​เสียศักดิ์ศรี​ด้วย​เช่นกัน​ ​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​รอ​พี่สะใภ้​สาม​ไปหา​ ​จะ​ได้​ปรึกษา​เรื่อง​การ​รับมือ​เจ้าค่ะ​”

ฮู​หยิน​สาม​รีบ​รับปาก​ตกลง​ ​แล้วไป​ส่ง​นาง​ด้วยตัวเอง

​ฟัง​ซื่อ​ยืน​อยู่​ที่​ลาน​ ​เมื่อ​เห็น​พวก​นาง​สอง​คน​ออกมา​ ​ก็​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะเข้า​ไปหา​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​ ​ให้​ข้า​ไป​ส่ง​ท่าน​เถิด​!​”

ฮู​หยิน​สาม​ไม่​มอง​ฟัง​ซื่อ​แม้แต่​นิดเดียว​ ​มุ่งหน้า​เดิน​ตรง​ไป​พลาง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​…​ตอน​ข้า​ไป​ ​จิ​่น​เกอ​พึ่ง​จะ​ทำพิธี​ครบรอบ​หนึ่ง​ปี​ ​เด็กน้อย​มักจะ​เปลี่ยนแปลง​ไป​ทุกวัน​ ​ตอนนี้​เกรง​ว่า​คงจะ​พูด​ได้​เดิน​ได้​แล้ว​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ให้​ฟัง​ซื่อ​ ​แล้ว​พูดคุย​กับฮู​หยิน​สาม​ ​“​พึ่ง​เริ่ม​ฝึก​พูด​เมื่อ​ไม่​กี่​วันก่อน​ ​พึ่ง​จะ​เริ่ม​พูด​ก็​พูด​ได้ที​เดียว​สี่​พยางค์​เลย​ ​เสียงดัง​และ​ชัดเจน​ ​ช่วงนี้​ข้า​อยาก​จะ​สอน​เขา​พูด​ให้​มากขึ้น​ ​แต่​ก็​ไม่สำเร็จ​ ​ไม่รู้​ว่า​ต่อไป​จะ​กลายเป็น​คน​ไม่​ชอบ​พูด​หรือไม่​!​”

ฮู​หยิน​สาม​เห็น​ดังนั้น​ก็​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ท่าที​สนิทสนม​กว่า​เดิม​ ​“​สกุล​เรา​มี​เด็ก​ไม่​ชอบ​พูดจา​เสียที​่​ไหน​กัน​…​”

​พูดคุย​กับ​สือ​อี​เหนียง​พลาง​มุ่งหน้า​ไป​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วา

​ฟัง​ซื่อ​รู้​ว่าฮู​หยิน​สาม​ต้องการ​จะ​ใช้​วิธี​นี้​ทำให้​นาง​ขายหน้า​ ​จากนั้น​ก็​จะ​บรรลุ​จุดประสงค์​ที่จะ​กำจัด​นาง

​นาง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​เดินตาม​หลัง​ทั้งสอง​คน​ไป​ถึง​ประตู​ฉุยฮ​วา​อย่าง​เงียบๆ​

​มีสาว​ใช้​น้อย​รีบ​วิ่ง​เข้ามา​ ​“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​สาม​บอกว่า​รู้สึก​ไม่สบาย​ท้อง​เจ้าค่ะ​!​”

ฮู​หยิน​สาม​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ร้อนใจ​ขึ้น​มา​ ​“​ไม่สบาย​อย่างไร​ ​เจ้า​มาบ​อก​ข้ามี​ประโยชน์​อะไร​ ​ยัง​ไม่​รีบ​ไป​บอก​ให้​เรือน​นอก​เตรียม​รถ​แล้วไป​เชิญ​หมอ​หลวง​มาตร​วจ​ดู​คุณชาย​น้อย​สาม​อีก​”​ ​พูด​พลาง​ยิ้ม​ขอโทษ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ข้า​ไม่​ไป​ส่ง​เจ้า​แล้ว​ ​เจ้า​ค่อยๆ​ ​เดิน​เถิด​”

​สาวใช้​น้อย​ผู้​นั้น​ไม่​ขยับ​ไป​ไหน​ ​มอง​ไป​ที่​ฟัง​ซื่อ

​ฟัง​ซื่อ​รีบ​หยิบ​ป้าย​คู่​มาจาก​แขน​เสื้อ​แล้ว​ส่ง​ให้​สาวใช้​น้อย​ผู้​นั้น

​สาวใช้​น้อย​จึง​ได้​รีบ​ไป

​สือ​อี​เหนียง​สีหน้า​นิ่ง​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​เจี่ยน​เกอ​ป่วย​ ​เช่นนั้น​ข้า​ก็​ควร​ไปดู​สักหน่อย​!​”

ฮู​หยิน​สาม​เป็นห่วง​บุตรชาย​ ​จึง​ไม่ได้​มีท​่า​ที​เกรงใจ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ ​ทั้งสอง​คน​ไปหา​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ด้วยกัน

​มองดู​แล้ว​สีหน้า​ของ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ยังดี​อยู่​ ​แต่​เขา​เอา​มือ​กุม​ท้อง​แล้ว​เอาแต่​ร้อง​โอดครวญ​ว่า​ปวด​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยิ้ม​อย่าง​รู้สึก​ผิด​ ​“​ทำให้​อาสะใภ้​สี่​ต้อง​เดินทาง​ล่าช้า​แล้ว​”

​“​เจ้า​พูด​อะไร​กัน​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​กับ​เขา​ด้วย​ความเกรงใจ​ ฮู​หยิน​สาม​เข้าไป​จับมือ​เขา​แล้ว​พูด​ด้วย​ความกังวล​ว่า​ ​“​หลาย​วัน​มานี​้​เจ้า​ทาน​อะไร​ ​เริ่ม​ปวดท้อง​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​มี​อาการ​ท้องเสีย​หรือไม่​”

​“​ข้า​ไม่เป็นอะไร​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี่ย​นพูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เพียงแค่​ปวดท้อง​เป็นพักๆ​”

ฮู​หยิน​สาม​ก็​ไม่ได้​ถาม​สาเหตุ​ ​เมื่อ​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​ฟัง​ซื่อ​ที่​ยืน​อยู่​เงียบๆ​ ​รีบ​พูด​ตำหนิ​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​เจ้า​ดูแล​เรือน​ประสา​อะไร​ ​ถึง​ปล่อย​ให้​น้อง​สามี​ของ​เจ้า​ทาน​ของ​ที่​ทำให้​ปวดท้อง​…​”

​ฟัง​ซื่อ​ยืน​ให้​นาง​ตำหนิ​อยู่​ตรงนั้น

​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​มารดา​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​ยังอยู่​ตรงนี้​นะ​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​ท่าทาง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ดู​สบายดี​ ​จึง​ไม่​ยืน​อยู่​ตรงนี้​ฟังฮู​หยิน​สาม​ตำหนิ​ฟัง​ซื่อ​ ​กล่าว​ลาฮู​หยิน​สาม​อีกครั้ง

ฮู​หยิน​สาม​เป็นห่วง​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​กล่าว​กับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความเกรงใจ​สอง​สาม​ประโยค​ ​แล้ว​ให้​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​ไป​ส่ง​นาง

​แม้ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​เป็น​น้อง​สะใภ้​ ​แต่​ก็​เป็น​นาย​หญิง​ของ​จวน​สกุล​สวี​ ​เป็น​หย่ง​ผิง​โหวฮู​หยิน​ ​การ​ให้​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​ไป​ส่ง​นั้น​ค่อนข้าง​เสียมารยาท​เล็กน้อย

​ฟัง​ซื่อ​อยาก​จะ​เตือนฮู​หยิน​สาม​ ​แต่ฮู​หยิน​สาม​พูด​ตำหนิ​นาง​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เจ้า​ก็​เอาแต่​ยืน​โง่งม​อยู่​ตรงนั้น​ ​ท่าน​แม่​ของ​เจ้า​สอน​เจ้า​มา​อย่างไร​ ​น้อง​สามี​ไม่สบาย​เจ้า​ก็​ปรนนิบัติ​เช่นนี้​หรือ​…​”

​นาง​อด​เลิก​คิ้ว​ไม่ได้​ ​พูด​อย่าง​เย็นชา​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​สามี​พูด​ถูก​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​ท่าน​แม่​ข้า​ไม่ได้​สอน​ข้า​ ​น้อง​สามี​ที่​อายุ​รุ่นราวคราวเดียวกัน​กับ​ข้า​ไม่สบาย​กลับ​ต้อง​ให้​ข้า​เป็น​คน​ไปดู​แล​?​”

ฮู​หยิน​สาม​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ชะงัก​ไป​ ​เงียบ​ไป​อยู่​พักใหญ่

​สือ​อี​เหนียง​ที่​ได้ยิน​อยู่​ด้านนอก​ก็​อด​ส่าย​หัว​เบา​ๆ​ ​ไม่ได้​ ​เดิน​ไป​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วากั​บสะ​ใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​

​ทันใดนั้น​ร่าง​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​มา

​สือ​อี​เหนียง​ ​ป้า​ซ่ง​และ​คนอื่นๆ​ ​ต่าง​พากัน​ตกใจ​ ​เดิน​ถอย​ไป​สอง​สาม​ก้าว​ ​อีกทั้ง​สาวใช้​น้อย​ที่​ขี้กลัว​ก็​กรีดร้อง​เสียงดัง

​“​ท่าน​อาสะใภ้​”​ ​คน​ผู้​นั้น​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​อย่างนอบน้อม​ ​“​ข้า​เอง​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​”

​“​เจ้า​เอง​หรือ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​สูด​หายใจ​ลึก​ ​ลูบ​หน้าอก​พลาง​พูดว่า​ ​“​ทำไม​เจ้า​โผล่​มา​เช่นนี้​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ทำให้​คน​ตกใจ​เช่นนี้​อาจมี​คนตาย​ได้​เลย​นะ​!​”

​เขา​รีบ​เดิน​เข้ามา​ ​“​ทำให้​อาสะใภ้​ต้อง​ตกใจ​แล้ว​”​ ​ใบหน้า​ถูก​เปิดเผย​ภายใต้​โคมไฟ​ใหญ่​สีแดง​ที่​แขวน​อยู่​บน​ประตู​ฉุยฮ​วา

​“​ท่าน​อาสะใภ้​ ​ข้ามี​เรื่อง​จะ​พูด​กับ​ท่าน​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​มอง​นาง​อย่างจริงจัง​ ​ท่าที​จึง​ได้​ดู​เคร่งขรึม​เล็กน้อย

​“​มีเรื่อง​อัน​ใด​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เดา​ว่า​สิ่ง​ที่​เขา​จะ​พูด​นั้น​เกี่ยวข้อง​กับ​ฟัง​ซื่อ

​สวี​ซื่อ​ฉิน​พูด​กับ​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​ ​“​เจ้า​ถอย​ออก​ไป​ก่อน​เถิด​!​”

​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​มอง​สวี​ซื่อ​ฉิน​ด้วย​ความลังเล​เล็กน้อย​ก่อน​จะ​ค่อยๆ​ ​ถอย​ออก​ไป

​ป้า​ซ่ง​และ​คนอื่น​ก็​ไป​ยืน​อยู่​ที่​ระเบียง​ทางเดิน​ตรง​ประตู​ฉุยฮ​วา​อย่าง​มีไหวพริบ

​ใน​คืน​ต้น​ฤดูร้อน​ ​ท้องฟ้า​สีคราม​จะ​เต็มไปด้วย​ดวงดาว​ปกคลุม​อยู่

​สวี​ซื่อ​ฉิน​เงียบ​ไป​นาน​ก่อน​จะ​พูด​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ท่าน​อาสะใภ้​สี่​ ​ท่าน​ยัง​จำ​น้องสาว​ลูกพี่ลูกน้อง​คนที​่​สาม​ของ​ข้า​ได้​หรือไม่​”

ย​่​วน​เจี่ย​เอ๋อร​์​?

​สือ​อี​เหนียง​ตกตะลึง

​ไม่ทัน​รอ​ให้​นาง​ตอบ​ ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ข้า​ยัง​จำได้​ว่า​ทำไม​นาง​ถึง​ต้อง​แต่งงาน​ไป​อยู่​แดน​ไกล​!​”

​ใบหน้า​ที่​อ่อน​กว่า​วัย​ที่​ไม่​ตรง​กับ​อายุ​ที่แท้​จริง​ของ​เขา​นั้น​เคร่งขรึม

​“​ท่าน​อาสะใภ้​”​ ​เสียง​ของ​สวี​ซื่อ​ฉิน​เบา​และ​ช้า​ลง​ราวกับ​แม่น้ำ​ที่​ค่อยๆ​ ​กลายเป็น​น้ำแข็ง​ก็​ไม่​ปาน​ ​เขา​ยกมือ​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​อย่างจริงจัง​ ​“​ขอให้​ท่าน​ช่วย​ไป​พูด​กับ​ท่าน​อา​สี่​ให้​ข้า​ที​ว่า​ข้า​จะ​ไม่​ปลด​ภรรยา​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​มอง​สวี​ซื่อ​ฉิน​ที่​โค้ง​คำนับ​ต่อหน้า​นาง​ ​ไม่รู้​ว่า​ทำไม​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​เหมือน​มีน​้ำ​ตา​คลอ​เล็กน้อย

​นาง​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ถ้าอย่างนั้น​เจ้า​รู้​หรือไม่​ว่าการ​ตัดสินใจ​เช่นนี้​ของ​เจ้า​ต่อไป​จะ​ทำให้​ฟัง​ซื่อ​ใช้ชีวิต​อย่าง​ยากลำบาก​!​”

​“​ข้า​รู้​ขอรับ​!​”​ ​เขา​ยืดตัว​ตรง​ ​“​ข้า​จะ​ดูแล​นาง​อย่างดี​”

​“​เจ้า​ต้อง​จำ​คำของ​เจ้า​ไว้​”​ ​ขณะที่​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​พูด​ดวงตา​ของ​นาง​ก็​เหลือบ​ไป​มอง​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วา​โดย​ไม่ได้ตั้งใจ​ ​ฟัง​ซื่อ​ยืน​อยู่​เงียบๆ​ ​บน​บันได​ประตู​ฉุยฮ​วา​ ​กระโปรง​ของ​นาง​พัด​ปลิว​ไป​ตาม​ลม​ใน​ยามค่ำคืน​ราวกับ​ผีเสื้อ​ที่​กางปีก​พร้อม​จะ​โบยบิน

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท