คุ้มค่าหรือไม่?
อวิ๋นอิ๋งนัยน์ตาพร่าเลือนไปด้วยหยาดน้ำใส ไม่อาจตอบคำถามได้
“หลูเจิ้งหยางหนีไปโดยไม่ได้นำภาระใดๆ ติดไปด้วย อวิ๋นอิ๋ง เจ้าถูกหลอกแล้ว!”
วาจาเหล่านี้ราวกับฟ้าผ่าใส่อวิ๋นอิ๋ง ร่างของนางยิ่งห่อเหี่ยวกว่าเดิม
รู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ กับถูกคนเอ่ยจี้ใจดำนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“เขาบอกว่าจะพาข้าไปด้วยกัน…” อวิ๋นอวิ๋งที่ได้สติคืนมาเล็กน้อย หลับตาทั้งคู่ลงด้วยความเจ็บปวด เสียใจอย่างสุดซึ้ง!
ประโยคนี้ไม่รู้ว่าปลอบใจตนเอง หรือบอกมั่วเชียนเสวี่ย หรือว่าหลอกตนเองอีกครั้ง
ความจริงแล้ว ทำไมตัวนางเองจะไม่รู้ว่าสิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยกล่าวนั้นเป็นความจริง เพียงแต่ไม่ยินยอมที่จะยอมรับเท่านั้นเอง
หลูเจิ้งหยางรับปากนางแล้วว่าจะพานางโบยบินไปให้ไกลด้วยกัน!
นางละทิ้งทุกสิ่ง ทิ้งบุตรี ทิ้งความรุ่งเรืองและความมั่งคั่ง ทิ้งอาหารเลิศรส อาภรณ์สวยหรูที่มั่วเชียนเสวี่ยมอบให้นาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะตกมีจุดจบเช่นนี้
ยังมีคุณหนูของนาง คุณหนูอวี่เอ๋อร์ที่ปฏิบัติต่อนางอย่างสนิทสนมราวกับพี่สาวน้องสาวผู้นั้น…
“อวิ๋นอิ๋ง จำวาจาที่ข้ากล่าวในตอนแรกสุด ตอนที่ข้ารับพวกเจ้าสองแม่ลูกเอาไว้ได้หรือไม่ สิ่งที่ข้าต้องการคือ ความซื่อสัตย์ จงรักภักดี แต่สุดท้ายเจ้ากลับทรยศข้า! เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่ง!”
เคร้ง…
กริชเล่มหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าขาสองข้างของอวิ๋นอิ๋ง
“อย่าโทษว่าข้าใจร้าย อวิ๋นอิ๋ง เจ้าควรจะรู้ว่า ในเสี้ยววินาทีที่เจ้าทรยศข้า เจ้าก็ควรคิดถึงบทสรุปได้แล้ว! ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่มีใครบังคับเจ้า”
อวิ๋นอิ๋งน้ำตารินไหลเป็นสาย
นางไม่กลัวตาย กระทั่งเมื่อครู่นี้ ถูกคุณชายด่าว่าแพศยา ถูกด่าว่าเป็นที่เป็นดั่งเศษดอกไม้ปลิดปลิวเศษ ต้นหลิวที่เหี่ยวเฉา ถูกคุณชายใช้เท้าถีบออกมา นางก็อยากจะตายแต่แรกแล้ว
นางเสียใจ!
แต่บนโลกใบนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจในภายหลัง นี่เป็นจุดจบที่นางควรได้รับ
นางยังต้องลงไปที่อเวจี ตามหาคุณหนู ให้คุณหนูอย่าได้คิดถึงคนไร้มโนธรรมผู้นั้นอีก แล้วไปเกิดเสีย อย่าได้อธิษฐานถึงชาติหน้าอีก…
อวิ๋นอิ๋งหยิบกริชบนพื้นขึ้นมาช้าๆ แล้วยืดตัวตรง โขกศีรษะให้กับมั่วเชียนเสวี่ยเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณหนูใหญ่ สิ่งที่อวิ๋นอิ๋งรู้สึกเสียใจในภายหลังมากที่สุดในชีวิตนี้คือ การเป็นศัตรูกับท่าน! หากว่ามีชาติหน้า อวิ๋นอิ๋งหวังว่าจะได้ปรนนิบัติท่านอีกครั้ง ถึงตอนนั้น อวิ๋นอิ๋งจะไม่ทอดทิ้ง ไม่ลาจาก และจงรักภักดีแน่นอนเจ้าค่ะ!”
แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะประทานกริชให้นาง แต่กลับหน่วยตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เพราะใจร้ายไม่ลง นางทำเป็นไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึกขนาดนั้นไม่ได้
แต่นางจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใจร้ายบ้าง
ปฏิบัติต่อคนที่ไม่ภักดีต่อนาง ต้องการทำลายชีวิตนาง หากนางไม่สามารถทำตัวใจร้ายได้ ในภายภาคหน้าจะควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างไร จะจัดการเรือนหลังที่น่าหวาดกลัวของตระกูลหนิงได้อย่างไร
“ก่อนจะตาย อวิ๋นอิ๋งมีเรื่องจะขอร้อง คุณหนูโปรดรับปากหน่อยนะเจ้าคะ”
มั่วเชียนเสวี่ยนิ่งเงียบ อวิ๋นอิ๋งเอ่ยต่อด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ
“ในเมื่อเป็นความผิดของอวิ๋นอิ๋งแต่เพียงผู้เดียว โปรดอย่าลากผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ข้าน้อยเพียงแค่หวังว่า ในภายหลังคุณหนูใหญ่จะเห็นแก่ที่อวิ๋นอิ๋งปรนนิบัติท่านด้วยความจริงจัง สามารถปฏิบัติต่อซีซีอย่างเมตตา! เด็กคนนั้นเป็นคนเฉลียวฉลาด”
มั่วเชียนเสวี่ยมองอวิ๋นอิ๋ง พลางส่ายหน้าจนปัญญา ไม่ใช่ว่าไม่รับปาก แต่รู้สึกขบขันกับการขอร้องเช่นนี้ของนาง
ทว่า ถึงจะรู้สึกเศร้าใจต่อความโชคร้ายของอีกฝ่าย รู้สึกโมโหและเสียใจต่อความไม่เอาไหนของนางมากเพียงใด ก็ไร้ประโยชน์เสียแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยเรียบๆ
“อวิ๋นอิ๋ง ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงซีซี ตอนแรกที่ทรยศข้า เหตุใดถึงไม่คิดถึงนางบ้าง แม้ว่าข้าจะดูแลนาง รักนาง แต่จะดีสู้เจ้าที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดดูแลได้หรือ ความตายมาเยือนแล้ว เจ้าเพิ่งจะนึกถึงซีซี ตอนแรกเจ้าทำอันใดอยู่”
อวิ๋นอิ๋งก้มหน้า ไม่พูดไม่จา
วาจานี้ของมั่วเชียนเสวี่ยทำให้นางอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ!
ทว่า ความรู้สึกคำนี้ จะอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไร…
“เจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ ข้าจะดูแลซีซีให้ดี! ข้าจะปกป้องให้นางไร้กังวลเรื่องอาภรณ์และอาหารการกินไปตลอดชีวิต!”
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่!” ในที่สุดใบหน้าของอวิ๋นอิ๋งก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขบางๆ
นางรู้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยเป็นคนที่พูดแล้วทำได้ ในเมื่อนางรับปากตนเองว่าจะดูแลซีซีให้ดี เช่นนั้นจะต้องดูแลซีซีได้ดีแน่นอน!
“คุณหนูใหญ่ อวิ๋นอิ๋งขอลาท่านตรงนี้นะเจ้าคะ!” เอ่ยจบ อวิ๋นอิ๋งก็ยกกริชแทงเข้าที่คอตนเองทันที โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง!
ทันใดนั้น โลหิตสีแดงสดก็ไหลลงมาตามคอของนาง ทะลักออกมาเปื้อนกระโปรงนางราวกับแต้มดอกเหมย ชะล้างความผิดบาปของตัวนางเอง
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้ขยับ เพียงแค่มองอวิ๋นอิ๋งปิดตาหงายไปด้านหลังนิ่งๆ
ด้านหลัง มีคนกอดตนเองแน่น ข้างหูมีเสียงอบอุ่นอ่อนโยนดังขึ้น
“เชียนเสวี่ย ชีวิตคนเรามีหลายสิ่งไม่เป็นดั่งที่ใจปรารถนา พวกเราควรจะมองไปข้างหน้า”
ใช่แล้ว มองไปข้างหน้า
มั่วเชียนเสวี่ยหันไปลูบปอยผมที่ระหน้าผากหนิงเซ่าชิงด้วยความรัก
ละครวันนี้ยอดเยี่ยมมาก หวาดเสียวมาก และหนักหน่วงมากจริงๆ
แต่ นางไม่สามารถยึดเวลาของเขาไปมากกว่านี้ มีนางอยู่ข้างๆ สมองของเขาไม่สามารถสนใจครุ่นคิดถึงปัญหาได้เต็มที่
ดึงมือกลับมาแล้ว แสร้งทำสีหน้าท่าทางอ่อนล้าออกมา “เซ่าชิง ข้าเหนื่อยแล้ว จะกลับไปนอนที่เรือนข้างก่อน ท่านจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว ก็พักผ่อนเร็วหน่อย”
ทั้งคู่เข้าใจความรู้สึกในใจของกันและกัน โดยไม่ต้องเอ่ยออกมา หนิงเซ่าชิงย่อมเข้าใจเจตนาของมั่วเชียนเสวี่ย เวลาถึงยามนี้แล้ว เขาก็ต้องอาบน้ำผลัดอาภรณ์ ไปหอบรรพชนควบคุมสถานการณ์
ในใจมีความสงสารและอบอุ่นวาบผ่าน มุมปากแย้มรอยยิ้มบางๆ คล้ายกับปลอบใจ แต่ก็คล้ายกับปลอบใจตนเอง
“ก็ดี พรุ่งนี้จะต้องเป็นวันดีที่แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วแน่นอน ข้าจะพาเจ้าไปว่ายน้ำนอกเมืองสักรอบ”
ค่ำคืนนี้ ทุกที่ในเมืองหลวงสงบเงียบ แต่ตระกูลหนิงกลับเต็มไปด้วยเสียงดังอึกทึกครึกโครม
ภายในหอบรรพชน ผู้อาวุโสใหญ่ยังคิดจะเถียงข้างๆ คูๆ เพียงแต่หนิงเซ่าชิงจับเป็นคนทั้งหมดที่ช่วยให้หลูเจิ้งหยางหนีออกไป ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีหลานของผู้อาวุโสใหญ่ หากผู้อาวุโสมิได้ทุ่มสุดกำลัง หลูเจิ้งหยางจะสามารถหลบหนีออกจากจวนหนิงที่ไร้ช่องโหว่ไปได้อย่างไร
ผู้อาวุโสยังคิดจะแสร้งไม่รู้เรื่อง ทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ หนิงเซ่าชิงก็นำทุกสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่กระทำ และการเคลื่อนไหวผิดปกติช่วงนี้ในตระกูลออกมาเป็นพรวน
พยานบุคคลและพยานวัตถุล้วนมีพร้อม ไม่ต้องให้หนิงเซ่าชิงเอ่ยอันใดให้มากความ ผู้อาวุโสใหญ่ก็ระเบิดออกมา
ช่วงเวลาสุดท้ายเช่นนี้ เขายังไม่ลืมที่จะสู้สุดชีวิต คิดจะสังหารหัวหน้าตระกูลหนิง สร้างความวุ่นวายให้กับเทียนฉี เป็นการทำเพื่อผู้เป็นนายในครั้งสุดท้าย
จนปัญญาที่คนในหอบรรพชนล้วนมีฝีมือ เขาจะทำสำเร็จได้เช่นไร โจมตีไม่สำเร็จ ก็กัดฟันฆ่าตัวตายในที่นั้นทันที
หัวหน้าผู้อาวุโสถูกประหารชีวิต เหล่าคนที่เกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสใหญ่ทั้งหมดล้วนถูกเปิดเผย ย่อมถูกจับออกมาทีละคนๆ
หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนโมโห ผู้อาวุโสและจงเหล่าทุกคนล้วนเดือดดาล
ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ ไม่ลงโทษรุนแรง ก็ไม่เพียงพอที่จะรับประกันว่ากฎตระกูลยังศักดิ์สิทธิ์อยู่
ไม่มีใครร้องขอความเมตตา ครอบครัวของผู้อาวุโสใหญ่ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะบุรุษสตรีชราหรือเด็กล้วนถูกสังหารจนสิ้น
ไม่เพียงแต่ครอบครัวของผู้อาวุโสใหญ่ แต่ครอบครัวของผู้อาวุโสแปดที่ถูกละเว้นโทษให้ในคราวนั้น ก็ถูกจัดการจนหมดสิ้นเช่นกัน