เฮ่อเหลียนเวยเวยบิดขี้เกียจพลางเอ่ยขึ้นอย่างใจลอยว่า ”ข้าคิดว่าพิธีสำเร็จเรียบร้อยดี ร่างนี้เหมือนร่างของข้าเปี๊ยบ แม้กระทั่งหน้าตาก็ยังเหมือนกับหน้าตาของข้าตอนที่อยู่ในยุคนั้นไม่มีผิด”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระชับมือที่โอบอยู่รอบเอวนางเข้าหากันแน่น แต่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจา
เฮ่อเหลียนเวยเวยหลุบตาลงพร้อมกับมองไปที่เขา ”ท่านรู้จักกับเฮ่อเหลียนเวยเวยคนก่อนหรือ”
“ข้าเคยเห็นนางอยู่บ้าง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเล่นกับผมของนาง น้ำเสียงของเขายังคงแจ่มชัดดังเช่นปกติ ”ทำไมหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่ายหน้า ”ไม่มีอะไร เพียงแค่…”
อันที่จริงนั้นนางต้องการถามเขาว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเฮ่อเหลียนเวยเวยคนก่อน
ในความฝันนั้น ดูเหมือนเฮ่อเหลียนเวยเวยตัวน้อยจะเคยมอบขนมให้เขา
ในเวลานั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงเป็นองค์ชายตัวน้อยผู้อวดดีและไม่มีใครรัก
ตรงข้ามกับเฮ่อเหลียนเวยเวย นางเป็นหลานสาวที่นายท่านอาวุโสเฮ่อเหลียนรักมากที่สุด นางมักไปที่วังและดื่มด่ำกับความนิยมที่เด็กในวัยเดียวกันมีให้นางอยู่เสมอ
ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังปฏิบัติต่อนางแตกต่างไปจากคนอื่น…
เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มออกมา ”ดูเหมือนท่านจะเป็นห่วงร่างนี้ของข้ามากทีเดียว”
“ข้าไม่ควรเป็นห่วงเจ้าหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคว้าเสื้อมาคลุมร่างนางไว้ แล้วดึงนางเข้ามากอด
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และจึงกล่าวว่า ”อืม ก็ควรอยู่”
“ทำไมหรือ ข้าเข้มงวดกับเจ้าเกินไปหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใช้มือกำรอบข้อมือของนาง เขายิ้มและกล่าวว่า ”ช่วงนี้เขี้ยวเล็บของเจ้าดูไม่ค่อยมีพิษสงเท่าใดนัก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยรอยยิ้ม ”ข้าเป็นประธานจอมเผด็จการ และยังเป็นสุนัขที่ภักดีอีกด้วย ข้าย่อมไม่ข่วนใครง่ายๆ”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้ายังฝึกเจ้าได้ไม่ดีพอกันล่ะ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอุ้มนางขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า ”ไม่มีใครจะสามารถพรากเจ้าไปจากข้าได้ แม้แต่ตัวเจ้าเอง เข้าใจหรือไม่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตกตะลึง และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย ”ข้าไม่เคยพูดเสียหน่อยว่าข้าจะหนีไปไหน ข้ายอมให้ท่านล่ามข้าไว้ด้วยซ้ำ จะว่าไป ท่านเองก็น่าจะเปลี่ยนรูปแบบกลอนใหม่ได้แล้วกระมัง มันถูกตั้งไว้ให้เป็นรูปแบบเดิมมาพักหนึ่งเห็นจะได้ การสะเดาะกลอนนี่ชักไม่ใช่เรื่องน่าท้าทายสำหรับข้าเสียแล้ว”
“เจ้าเห็นกุญแจพวกนั้นเป็นเพียงแค่ของเล่นอย่างนั้นสิ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพรมจูบเข้าที่ใบหูของนาง ”แต่มันก็คงถึงเวลาเปลี่ยนแล้วจริงๆ เจ้าคงชอบอันที่ทำมาจากทองคำ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ”ท่านไม่ต้องลำบากทำให้ข้าพอใจหรอก ข้าคงพอใจยิ่งกว่าหากท่านเปลี่ยนกุญแจมือพวกนี้เป็นเงินให้ข้าแทน”
“เจ้ากลายมาเป็นพระชายาทั้งที่มีรสนิยมเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้เช่นไร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถอนหายใจยาว แต่นางกลับสังเกตเห็นรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขาได้อย่างง่ายดาย
เฮ่อเหลียนเวยเวยซุกร่างเข้ากับเขาพลางเอ่ยว่า ”มันเป็นการตัดสินใจของท่าน แต่ท่านก็ยังขอคืนสินค้าได้”
คืนสินค้าหรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนาง แล้วหรี่ตาลง เขาคว้ามือของนางไว้แล้วเล่นกับมัน ”บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าเจ้าเป็นคนฉลาดมาก แต่บางครั้งข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าในหัวเจ้ามีแต่สำลี ข้ามอบสิทธ์ในการเข้าถึงทรัพย์สินและงบประมาณทั้งหมดของข้าให้กับเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ เจ้าลืมเสียแล้วหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …จริงด้วย นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้ว่านางจำไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของนาง เขายิ้มแล้วจึงลุกขึ้นยืน ”สรุปว่าเจ้าอยากได้เท่าไหร่ก็เอาออกไปได้เลย ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ขอของพวกนั้นกับข้าอยู่เรื่อย”
นางพูดไม่ได้ว่านั่นเป็นเพราะนางเคยชินกับการหาผลประโยชน์จากคนอื่น เฮ่อเหลียนเวยเวยทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้ นางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า ”เช่นนั้นหมายความว่าเงินที่ท่านใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของท่านก็ต้องผ่านข้าก่อนหรือ”
“ใช่” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบเบาๆ พลางปลดกระดุมคอเสื้อออก
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า ”ดียิ่งนัก” ถ้าองค์ชายทำตัวไม่ดี นางจะให้เขากินแต่มังสวิรัติเหมือนอย่างที่นางได้ร่ำเรียนมาจากเขา
“เจ้าคงไม่ต้องให้ข้าเตือนสติเจ้าหรอกใช่หรือไม่ว่าต่อให้ข้าไม่มีเงินสักตำลึง แต่บนโต๊ะอาหารของข้าย่อมไม่ลงเอยด้วยการไร้เนื้อสัตว์อย่างแน่นอน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโยนเสื้อของตัวเองไปไว้ข้างๆ แล้วมองนางด้วยสายตาขี้เล่นพร้อมกับว่าต่อ ”ข้ายังเป็นคนดูแลเรื่องสิ่งที่เราจะกินในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้อยู่เช่นเดิม ห้องเครื่องยังคงเชื่อฟังคำสั่งข้า เงินอยู่ในมือเจ้า แต่เจ้าอยู่ในมือข้า มานี่สิ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลือกที่จะไม่สนใจเขา
นางถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมแขนอย่างแรง มือข้างหนึ่งของเขากอดร่างของนางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างนั้นง่วนอยู่กับการถอดชุดนอนของนางออก นิ้วเรียวของเขาติดจะเย็นเล็กน้อย ”วันนี้เจ้าจะอยู่ข้างบนหรืออยู่ข้างล่างดี หืม”
“ไม่เอาทั้งสองอย่าง” เฮ่อเหลียนเวยเวยซุกใบหน้าของตัวเองเข้ากับเสื้อตัวในของเขา พร้อมกับเอ่ยว่า ”ข้าอยากนอนแล้ว ข้าปวดตา”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดการเคลื่อนไหวในทันที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า ”เกิดอะไรขึ้นกับตาของเจ้าหรือ”
“ตาข้ารู้สึกล้าอย่างไรชอบกล” เฮ่อเหลียนเวยเวยพยายามหาข้ออ้าง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ปล่อยนางกลับไปนอน แทนที่จะทำเช่นนั้น เขากลับดึงนางเข้ามาหาแล้วหยิบเอาขวดบรรจุผงบัวหิมะเทียนซานออกมา แล้วโรยมันลงบนเปลือกตาของนาง
ทันทีที่นางได้กลิ่นผงแป้งนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือบัวหิมะเทียนซาน กลิ่นของมันผสานเข้ากับกลิ่นประจำตัวของชายหนุ่มเล็กน้อย
“ช่างรวยเสียจริง แม้กระทั่งยาหยอดตาของท่านก็ยังทำมาจากบัวหิมะเทียนซาน” ดูเหมือนว่าความร่ำรวยของเขาจะไม่ได้อยู่ในขั้นปกติ มิหนำซ้ำร่างกายของเขายังได้รับการบำรุงเป็นพิเศษอีกด้วย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางด้วยรอยยิ้มกึ่งหนึ่งแล้วกล่าวว่า ”เจ้าพึมพำเรื่องอะไรกัน”
“ก็ไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงแค่สงสัยว่าตระกูลของท่านรู้บ้างหรือเปล่าว่าท่านร่ำรวยเพียงใด” เฮ่อเหลียนเวยเวยหาวอย่างไม่ใส่ใจ นางขมวดคิ้วพลางคิดถึงเรื่องในความฝันอย่างเหม่อลอย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วตอบด้วยท่าทางสบายๆ ว่า ”แต่อย่างไรทรัพย์สินทั้งหมดที่ข้ามีล้วนแต่อยู่ในมือของภรรยาทั้งสิ้น เจ้าไม่มั่นใจในคำพูดของข้าหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกหงุดหงิดจากฝันนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนางตั้งใจว่าจะเอาความรู้สึกนั้นไปลงที่องค์ชาย
ใครจะรู้ว่านอกจากนางจะไม่สามารถเอาชนะเขาด้วยคำพูดได้แล้ว นางยังเค้นข้อมูลอะไรมาจากเขาไม่ได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้นางจึงหลับตาลงด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วไถหน้าเข้ากับหมอนอยู่หลายครั้ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดึงนางเข้ามากอดพร้อมกับใช้มือซ้ายตบหลังนางเบาๆ เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกอันไพเราะน่าฟังว่า ”เจ้าโมโหที่ข้ามีเงินมากกว่าเจ้าหรือ” อย่างไรนางก็เคยบอกว่านางต้องการเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิจ้านหลง แม้จะแทบไม่มีใครตั้งสิ่งนั้นเป็นเป้าหมายของชีวิต แต่ก็ชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงนี้เป็นหนึ่งในประชากรส่วนน้อยนั้น
“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าเงินของท่าน มันเป็นเงินของข้าต่างหาก” เฮ่อเหลียนเวยเวยดูสดชื่นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาทันทีที่พูดเช่นนั้น ”ของของท่านก็คือของของข้า เข้าใจหรือเปล่า”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยประสานมือไว้ที่ด้านหลังศีรษะพร้อมกับเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมา แล้วตอบนางว่า ”เข้าใจแล้วขอรับนายหญิง”
“ไม่เลว” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกพอใจ รอยยิ้มของนางค่อยๆ กว้างขึ้นทีละน้อย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วพร้อมกับถามว่า ”แล้วของของเจ้าล่ะ”
“ของของข้าหรือ แน่นอนว่ามันก็ยังเป็นของข้าเหมือนเดิม” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา แล้วซบศีรษะลงกับอกของเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มออกมาเล็กน้อย ”เจ้าเพิ่งพูดว่าจะไม่ข่วนใครง่ายๆ มิใช่หรือ ช่างเป็นโจรโดยเนื้อแท้เสียจริง”
“อืม ท่านยังขอคืนสินค้าได้อยู่นะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยลดเสียงลง ประโยคสุดท้ายนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ดวงตาหงส์อันลึกล้ำยากจะหยั่งถึงของตัวเองลง ความโหดเหี้ยมของเขาราวกับล้นทะลักออกมาจากร่างทันทีที่เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า ”อย่าให้ข้าได้ยินคำว่าคืนสินค้าอีก ไม่อย่างนั้นละก็…”