รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 539 ซี ‘หรือว่าจะอยู่ในดินแดนนั้น?’

บทที่ 539 ซี 'หรือว่าจะอยู่ในดินแดนนั้น?'

บทที่ 539 ซี ‘หรือว่าจะอยู่ในดินแดนนั้น?’

เสียงฉินฮึกเหิม คลื่นแสงซัดสาดออกมาดวงแล้วดวงเล่า ลั่วสุ่ยได้รับการชี้แนะด้านฉินจากคุณชายเช่นกัน ก้าวหน้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ และฉินที่นางกำลังบรรเลงอยู่นี้ ก็ได้หลี่จิ่วเต้าประดิษฐ์ขึ้นด้วยตัวเองเพื่อมอบให้นาง

ร่างย่อวิญญาณของนางเปล่งแสง การโจมตีดุดันขึ้นเรื่อย ๆ เพลงฉินเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังวิญญาณของนาง ขณะเดียวกันยังตัดทอนพลังวิญญาณของญาณหินลงไปมากอีกด้วย

ญาณหินอยากหนี เพราะไม่เห็นโอกาสชนะเลยสักนิด ระดับความห่างชั้นยิ่งขยายออกในตอนนี้ เขาไม่อาจต่อกรด้วยได้เลย

เขารู้สึกแย่เป็นที่สุด เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้?

สำหรับภพที่เขาอยู่ อาณาจักรอื่นล้วนเป็นอาณาจักรชั้นต่ำ ทรัพยากรการฝึกฝนไม่อาจเทียบชั้นได้กับอาณาจักรที่เขาอยู่ได้เลย เขาควรเกรียงไกรไร้เทียมทานถึงจะถูก เหตุใดบัดนี้แค่เด็กรุ่นหลังคนหนึ่งยังน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!?

เขาพยายามหนีไปที่ร่างหิน คิดจะหนีเข้าไปในร่าง แล้วค่อยหนีไปจากที่นี่

มิใช่ว่าเขาตัดใจทิ้งร่างหินไม่ลง หากแต่เพราะว่าเขาต้องกลับเข้าไปอยู่ในร่างหินเท่านั้นถึงจะหนีพ้น ลำพังพลังวิญญาณของญาณหิน เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย

ทว่า เขาคิดมากเกินไป ขณะที่เขากำลังจะหนีเข้าร่างหินได้ ร่างย่อวิญญาณของลั่วสุ่ยบุกเข้ามา ดุดันไร้ใดเปรียบ ทลายญาณหินของเขาลง สังหารเขาลงอย่างสิ้นเชิง!

ตุบ!

ร่างหินของเขาร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า แรงดิ่งมหาศาลกระแทกจนพื้นดินเป็นหลุมลึก กระนั้นร่างหินของเขากลับไม่มีรอยขีดข่วน ไม่มีแม้แต่เศษหินแตกกระเด็นออกมา

ทั้งหมดปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแคว้นโบราณชางเยว่ต่างตาค้างกันหมด ลั่วสุ่ยคือใครกัน นางเซียนท่านหนึ่งหรือ?

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

พวกเขาสั่นสะท้านไปทั้งดวงวิญญาณ ตื้นตันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่ง พวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้เช่นนี้ น่าทึ่งยิ่งนัก!

ประกายแสงวูบไหว ลั่วสุ่ยโรยตัวลงจากผืนฟ้า เจิดจรัสไร้มลทิน สูงส่งบริสุทธิ์ เสมือนนางเซียนผู้อยู่เหนือโลกีย์อย่างแท้จริง

หลังลงมาถึงพื้น นางลงมือ ลบล้างผนึกที่สะกดจักรพรรดิชางด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ก่อนจะห่อหุ้มตัวจักรพรรดิชางด้วยพลังนุ่มนวล แล้วพาจักรพรรดิชางออกมา

“เสด็จพ่อ!”

ชางเหยารีบวิ่งเข้าไปประคองจักรพรรดิชาง จักรพรรดิชางดูไม่ดีเอาเสียเลย พลังปราณอ่อนแรงถึงขีดสุด เขาถูกญาณหินดูดพลังไปมหาศาล

ที่สิ่งแวดล้อมในแคว้นโบราณชางเยว่เลวร้ายลง พลังปราณในปฐพีรวมถึงทรัพยากรฝึกฝนหายไปจำนวนมากล้วนเกี่ยวข้องกับญาณหิน ถูกญาณหินดูดกลืนไปหมด

แม้กระทั่งคลังสมบัติในแคว้นโบราณชางเยว่ยังว่างเปล่า สมบัติวิเศษมหาศาลถูกญาณหินดูดกลืนพลังไปหมดเช่นกัน

“นี่มัน…?”

จักรพรรดิชางถูกสะกดไว้ในส่วนลึกของตำหนัก ซ้ำยังอยู่ในสภาวะไม่สู้ดีนัก เขาไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง และไม่รู้ว่าญาณหินสวมรอยเป็นเขาแล้วก่อเรื่องชั่วช้าอันใดลงไปบ้าง

ชางเหยาอธิบายทุกอย่างด้วยความว่องไว ทว่ามิได้เล่าละเอียดมากนัก นางกลัวว่าหากเสด็จพ่อของนางได้รู้ทุกการกระทำของญาณหินแล้วจะรับมิไหว ในส่วนวีรกรรมของญาณหินที่สวมรอยเป็นเสด็จพ่อของเขา นางเอ่ยถึงเพียงผ่าน ๆ เท่านั้น

แต่แล้วในตอนนั้นเอง จักรพรรดินีอวี้เซีย และผู้ฝึกตนหญิงอื่น ๆ เดินโซซัดโซเซ พยุงกันและกันออกจากตำหนัก

สภาพพวกนางย่ำแย่เป็นที่สุด ราวกับเมื่อครู่เพิ่งผ่านศึกใหญ่ชี้ชะตามาอย่างนั้น แต่ละคนดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรง สายตาล่องลอยไร้จุดหมาย

“ที่แท้เป็นเจ้าหินเฮงซวยก้อนนี้นี่เอง! มิน่า ทำกันทั้งวันทั้งคืนอยู่ร่วมเดือนยังไม่จบไม่สิ้น ไม่มีวี่แววหยุดยั้ง! ไม่มีสิ่งใดออกจากร่างกายของเขา แล้วจะจบสิ้นได้อย่างไร”

จักรพรรดินีอวี้เซียเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยอย่างเคียดแค้น

ระยำนัก นางเป็นถึงเทียนตี้หญิง ยังถูกทำให้อยู่ในสภาพนี้ อิดโรยอ่อนระโหยถึงขีดสุด ไม่ต้องคิดให้มากความยังรู้ว่านางผ่านความทรมานมาใหญ่หลวงเพียงใด

“เจ้าก้อนหินเฮงซวย!!!”

หลังจักรพรรดิชางได้ฟังวาจาของเทียนตี้อวี้เซีย ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าญาณหินสวมรอยเป็นเขาแล้วกระทำการใดลงไปบ้าง เขาเดือดดาลอย่างมาก กิตติศัพท์ที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต ป่นปี้จนสิ้นเพราะญาณหินตนนี้

เขาทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมา สภาพของเขาย่ำแย่มาก ซ้ำยังได้รับความกระเทือนทางอารมณ์อย่างหนัก จนแทบเป็นลมสิ้นใจ

ชางเหยารีบถ่ายทอดพลังเข้าไปในร่างกายเสด็จพ่อของนาง เพื่อรักษาความเสถียรทางลมปราณของเสด็จพ่อไว้

ลั่วสุ่ยก้าวเข้ามา ยื่นแอปเปิลลูกหนึ่งให้จักรพรรดิชาง ให้จักรพรรดิชางกินเข้าไปแล้วทำการกลั่นพลังภายใน

“นี่มัน…เลอค่าเกินไป!”

เป็นตายร้ายดีอย่างไรจักรพรรดิชางก็ไม่ยอมรับไว้ ขุมปราณชีวิตบนแอปเปื้ลรุนแรงยิ่ง เหนือชั้นกว่าโอสถเทียนตี้อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังอาจเป็นถึงผลเซียนอีกด้วย

“ได้ท่านยื่นมือเข้าช่วย ข้าถึงไม่ถึงคราวสิ้นชีพ แคว้นโบราณชางเยว่ของเราก็ไม่ถึงคราวล่มสลาย ข้าไฉนเลยจะรับของล้ำค่าเยี่ยงนี้ของท่านไว้อีก

“นี่มิใช่การมอบให้ หากแต่เป็นการแลกเปลี่ยน ข้าอยากแลกหินก้อนนี้ด้วยแอปเปิลก้อนนี้ ได้หรือไม่”

จักรพรรดิชางไม่ยอมรับไว้เสียที ลั่วสุ่ยหมดทางเลือก ได้แต่เอ่ยเช่นนี้

นางสัมผัสได้ว่าจักรพรรดิชางบาดเจ็บสาหัส ถูกหินอัศจรรย์ดูดพลังไปมหาศาล บัดนี้แม้นชีวิตมิได้แขวนอยู่บนเส้นด้าย กระนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ต่อให้ไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับหินอัศจรรย์ นางก็ยังจะหยิบแอปเปิลออกมาช่วยรักษาจักรพรรดิชาง นางไม่มีทางมองข้ามผู้ตกระกำลำบากโดยไม่ช่วยเหลือ

“หินนี้ท่านเอาไปได้เลย แต่ผลเซียนลูกนี้ข้าไม่อาจรับไว้ได้จริง ๆ”

จักรพรรดิชางยืนกราน บุญคุณที่ลั่วสุ่ยมีต่อเขา รวมถึงทั้งแคว้นโบราณชางเยว่สูงส่งยิ่งนัก ต่อให้ต้องยกหินอัศจรรย์นี้ให้ลั่วสุ่ยเฉย ๆ ก็นับว่าสมควรแล้ว เขาไม่คิดแลกเปลี่ยนสิ่งใดกับลั่วสุ่ย

“หากเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่อาจนำหินนี้ไปได้…”

ลั่วสุ่ยสั่นศีรษะพลางเอ่ย สุดท้าย ด้วยการยืนกรานจากนาง จักรพรรดิชางยอมรับแอปเปิลไว้ ส่วนนางก็เก็บหินอัศจรรย์ไป

“พวกเราไปกันเถิด”

มัจฉาสัตมายาบอกกับลั่วสุ่ย ก่อนจะชิงเผ่นไปก่อน เขาพบว่าสายตาที่ชางเหยามองเขามิสู้จะปกติเท่าใด ราวกับกำลังวางแผนบางอย่าง!

“พี่ชายชวน ไยท่านถึงวิ่งเร็วปานนั้น!”

ชางเหยาโมโหจนกระทืบเท้า นางคิดไว้แล้วว่าจะรั้งให้มัจฉาสัตมายาและพี่ลั่วสุ่ยอยู่กินข้าวด้วยกันที่นี่ แล้วถึงยามกินข้าว ค่อยผสม ‘บางอย่าง’ ลงไปในข้าวของมัจฉาสัตมายา

ทว่ามัจฉาสัตมายาไม่ให้โอกาสนางได้ทำเช่นนั้น เขาวิ่งหนีไปโดยไม่หันหลังกลับ

“จากนี้ไปยังมีโอกาสอีกมาก ไม่ต้องรีบร้อน”

ลั่วสุ่ยเอ่ยยิ้ม ๆ บอกลาชางเหยาและจักรพรรดิชาง ตามมัจฉาสัตมายาไป

ได้วัสดุหินไว้ให้คุณชายสลักหินมอแล้ว เวลานี้ขาดเพียงเต่าชราตัวนั้น พวกเขาเร่งรีบเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เต่าชราพำนักอยู่

ณ ดินแดนฝอ

ภายในน่านน้ำทะเลเรียบนิ่งปราศจากเกลียวคลื่นแห่งหนึ่ง ที่นี่คือทะเลทุกข์ เป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งในดินแดนฝอ แม้กระทั่งแสงแห่งพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังมิเคยส่องลงมาที่นี่

ที่นี่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มีสัตว์ประหลาดไร้นามอาศัยอยู่ มีไอหมอกสีดำปกคลุมอยู่ตลอดปี ทั้งอึมครึมทั้งน่าผวา

“อยู่ที่ไหนกันแน่ ข้าตามหาไปทั่วทั้งสามมหาดินแดนแล้ว…”

หญิงสาวงดงามดุจนางเซียนสวรรค์ โฉมสะคราญดวงหน้าไร้มลทิน พลังปราณวิเศษสูงส่งผู้หนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่บนทะเลทุกข์ พึมพำเสียงเบากับตัวเอง

ใต้เท้าของนาง สัตว์ประหลาดทุกตัวในทะเลทุกข์มิกล้าโผล่หัว พวกมันรู้ดีกว่าหญิงสาวผู้นี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงใด

แม้กระทั่งจ้าวของพวกมัน ยังต้านหญิงสาวผู้นี้มิได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ถูกสังหารในเสี้ยววินาที

“หรือว่าจะอยู่ในดินแดนนั้น” หญิงสาวคิดไปอย่างอดมิได้

ครานั้น นางถูกไล่ล่าอย่างโหดร้าย แม้ว่าสุดท้ายนางรอดออกมาได้ กระนั้นก็แยกจากสิ่งที่นางพกติดตัวมา นับแต่นางตื่นขึ้น ก็ตามหาของสิ่งนี้อยู่ตลอด น่าเสียดายที่ยังมิเคยหาเจอ

ไม่มีแม้แต่มีเบาะแสสักนิด

และนางมิใช่ใครอื่น นางคือซี ผู้หนีลงมาจากภพเซียนนั่นเอง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท