แสงในโรงฉายภาพยนตร์ดับลง ท่ามกลางดนตรีซิมโฟนีอันไพเราะชวนผ่อนคลาย ตัวหนังสือสีดำลอยปรากฏขึ้น ตัวหนังสือเหล่านี้คือรายชื่อของทีมงานเบื้องหลัง ทว่าตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สิ่งเดียวที่ทำให้ทุกคนตาลุกวาวคือชื่อของจางซิ่วหมิง
จางซิ่วหมิงเป็นราชาภาพยนตร์
และสิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่าจางซิ่วหมิง กลับเป็นคำว่า ‘เซี่ยนอวี๋’ ซึ่งเขียนตัวใหญ่สะใจ เด่นหราอยู่ในส่วนของผู้เขียนบท ชื่อนี้จากที่ไม่คุ้นเคย กลับกลายเป็นที่คุ้นหูสำหรับบางคนในวงการภาพยนตร์ เพราะผ่านประสบการณ์จากภาพยนตร์มาแล้วสองเรื่อง
ดนตรีซิมโฟนีหยุดลงฉับพลัน
ขณะเดียวกัน เสียงของเด็กกลับดังขึ้นจากด้านนอก “เสี่ยวปาลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหน บางทีอาจมาจากศูนย์พักพิงสุนัข หรืออาจมาจากบนรถของใครสักคน หรืออาจมาจากสนามบินสักแห่ง หรืออาจมาจากเมืองเล็กๆ ที่เราไม่รู้จัก…”
ความมืดค่อยๆ จางหาย
ภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยฟันขาวปากแดงระเรื่อกำลังบรรยายอยู่บนเวที และบนกระดานดำด้านหลังของเด็กน้อย กลับมีตัวอักษรขยุกขยุย
ปากง สุนัขยอดกตัญญู
จากนั้นกล้องก็หมุนไป
รถบรรทุกสีน้ำเงินคันหนึ่งเคลื่อนตัวไปบนถนนใหญ่ บนรถบรรทุกมีกรงหลายใบ มีลูกสุนัขตัวหนึ่งอยู่ในกรงใบบนสุด ทิวทัศน์ทั้งสองข้างเคลื่อนไปขณะที่รถแล่น
กล้องโคลสอัปเข้าไปยังแววตาของลูกสุนัข
ใสซื่อบริสุทธิ์ระคนไร้เดียงสา
เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คืนนั้นหลังจากฝนตก เสี่ยวปาก็ปรากฏตัวที่สถานีรถไฟในเมืองเล็กๆ ที่คุณตาของผมอาศัยอยู่ พวกเราไม่รู้ว่าเสี่ยวปามาจากที่ไหน แต่พวกเรารู้ว่าเสี่ยวปากำลังจะไปไหน…”
กล้องตัดไป
สถานีรถไฟชื้นแฉะ ผู้คนเดินผ่านไปมาท่ามกลางแสงไฟสลัว
บนรถบรรทุกซึ่งกำลังเคลื่อนตัว จู่ๆ กรงสุนัขก็หล่นลงสู่พื้น ประตูกรงซึ่งไม่นับว่าแข็งแรงนักเผยอช่องเล็กๆ ทำให้สุนัขซึ่งอยู่ด้านในลอดออกมาได้
ผู้คนที่ผ่านไปมาไม่มีใครสนใจสุนัขตัวนี้
แววตาของสุนัขทั้งสับสนและตื่นตระหนก
ใช้คำอธิบายเช่นนี้อาจแปลกไปหน่อย เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะมองเห็นความรู้สึกของสุนัขได้ผ่านแววตาของมัน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามที่ทุกคนมองเข้าไปในแววตาของลูกสุนัขตัวนี้ กลับสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของความสับสนและตื่นตระหนก
ชั่วขณะนั้น ในใจของใครหลายคนก็พลันเกิดความรู้สึกสงสารและเอ็นดู
ลูกสุนัขไร้จุดหมาย วิ่งวนไปมาราวกับกำลังหลีกหนีฝูงชน แต่ทันใดนั้นฝีเท้าของมันก็หยุดลงกลางเงาซึ่งทอดยาวจากแสงไฟ
ขาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในฉาก
กล้องเบนทิศทาง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและคุ้นเคย คนคนนั้นกำลังถือโทรศัพท์
“ไม่ต้องมารับผม เดี๋ยวผมเดินกลับ…ผมก็คิดถึงคุณ”
ตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์ทุกคนจำได้ ว่านักแสดงคนนี้คือจางซิ่วหมิง แต่กลับไม่มีใครกระโตกกระตาก
เมื่อจางซิ่วหมิงปรากฏตัวในภาพยนตร์ ดูเหมือนว่าเขาถูกมองเป็นตัวละครในโรงภาพยนตร์ไปโดยปริยาย
นี่เป็นความสามารถของราชาภาพยนตร์ ทำให้ผู้คนหลงลืมความจริงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หลังจากวางสาย คนและสุนัขมองหน้ากัน…
“ที่แท้ก็เป็นหนังดราม่า”
ณ ที่หนังแถวที่แปดเบื้องหน้าจอขนาดยักษ์ใหญ่ เยี่ยหงอวี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย “เปิดเรื่องมาตั้งแต่เพลงประกอบไปจนถึงฉาก จงใจสร้างบรรยากาศ”
“บรรยากาศอะไรครับ”
หยางอันซึ่งอยู่ด้านข้างกระซิบถาม
เยี่ยหงอวี๋ยิ้ม “สร้างความซึ้ง ถ้าไม่เหนือความคาดหมายละก็ จะมีช่วงหนึ่งที่หนังเรื่องนี้เปิดโหมดบิลด์อารมณ์ นักเขียนบทและผู้กำกับจะพยายามสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม”
ปกติแล้วเยี่ยหงอวี๋จะไม่พูดขณะชมภาพยนตร์
แต่เมื่อคิดว่าหยางอันเป็นหน้าใหม่ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้ เธอจึงอธิบายเล็กน้อย “ถ้าสุดท้ายแล้วคุณรู้สึกซาบซึ้ง หนังเรื่องนี้นับว่าประสบความสำเร็จ”
หยางอันพูดอย่างมั่นใจ “ผมบ่อน้ำตาลึกครับ”
เยี่ยหงอวี๋ไม่ได้โต้ตอบ
หากเอ่ยถึงบ่อน้ำตาลึก ตัวเธอเองนับว่าผ่านการฝึกฝนระดับมืออาชีพมาแล้ว
ไม่ว่าภาพยนตร์จะซึ้งกินใจมากแค่ไหน เธอก็รักษาสีหน้าไว้ได้
นอกเสียจากว่า…
ขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่นั้น ในภาพยนตร์ยังคงเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ อย่างจืดชืด
ตัวเอกชายที่จางซิ่วหมิงนำแสดงนั้นลองพาสุนัขไปยังหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของสถานีรถไฟ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิเสธ โดยให้คำอธิบายว่า
“ขอโทษด้วยครับผมแพ้ขนสุนัข ศาสตราจารย์พามันกลับบ้านไปก่อนนะครับ ถ้ามีคนมาตามหา แล้วผมจะแจ้งให้ทราบ”
ที่แท้จางซิ่วหมิงก็แสดงเป็นศาสตราจารย์คนหนึ่ง
เนื่องจากศาสตราจารย์อันทำใจทิ้งสุนัขไม่ลง เขาจึงทำได้เพียงพามันกลับบ้าน และนั่นก็สร้างความไม่พอใจให้กับภรรยา
ในระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป ไม่ว่าจะเป็นความน่ารักของลูกสุนัข หรือความสัมพันธ์ระหว่างศาสตราจารย์อันกับภรรยา ก็ล้วนนำพาความอบอุ่นมาสู่หัวใจของผู้ชม
จะเห็นได้ว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก
พวกเขารักกันมากจนต่อให้นายหญิงไม่ชอบสุนัข ทว่ายังคงอนุญาตให้ศาสตราจารย์อันรับสุนัขได้ชั่วคราว เพื่อรอให้เจ้าของมารับไป
อย่างไรก็ตาม นายหญิงมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง คือเธอไม่อนุญาตให้เลี้ยงสุนัขตัวนี้ไว้ในบ้าน
ศาสตราจารย์อันจนปัญญา ทำได้เพียงเลี้ยงสุนัขตัวนี้ไว้ข้างนอก
ในเวลานี้ มีผู้ชมสังเกตเห็นว่า มีบ้านสุนัขร้างอยู่ในลานบ้านของศาสตราจารย์อัน
ทำไมถึงมีบ้านสุนัขได้
ตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นผู้ชมไม่อาจรู้ได้ ว่านี่คล้ายกับเป็นลางสังหรณ์
หลังจากศาสตราจารย์อันง่วนอยู่ครึ่งค่อนวันจนเหงื่อโซมกาย ในที่สุดก็ซ่อมแซมบ้านสุนัขจนเสร็จ ทั้งยังพาสุนัขเข้าไปอยู่อีกด้วย
เมื่อหันหลังเดินเข้าบ้าน ศาสตราจารย์อันก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆ
เขาชะงักฝีเท้าหันหลังไปมองสุนัข แต่กลับพบว่าแววตาของมันแฝงด้วยความเศร้าสร้อย
เศร้า?
เป็นอีกครั้งที่ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเพียงว่าหัวใจกำลังหลอมละลาย อยากเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กนี้มาปลอบเดี๋ยวนั้น
พวกเขานึกไม่ถึงว่าจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจากแววตาของสุนัข
ที่สถานีรถไฟ ดวงตาของสุนัขเต็มไปด้วยความงุนงง ตื่นตระหนก และหวาดกลัวระคนกันอย่างคลุมเครือ
ในเวลานั้น ทุกคนคิดว่าทั้งหมดเป็นความบังเอิญซึ่งเกิดจากการจัดแสงและใช้มุมกล้องของผู้กำกับ
แต่ในเวลานี้ ความเศร้าสร้อยในดวงตาของสุนัขกลับไม่อาจหลอกลวงผู้คนได้ และยังทำให้ทุกคนตระหนักว่าบางทีอารมณ์ที่สุนัขแสดงออกมานั้นอาจไม่ได้เกิดจากความบังเอิญของการจัดแสงและใช้มุมกล้อง
เจ้าตัวเล็กนี้ทำหน้าเศร้าจริงๆ!
มีตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“ฉันเห็นทักษะการแสดงในสายตาของน้องหมาจริงๆ และทักษะการแสดงของน้องยังดีกว่านักแสดงหน้าใหม่หลายคนอีก!”
“ไปหาน้องหมาตัวนี้มาจากไหนกัน เหมาะมาก ทำเอาผมอยากเลี้ยงบ้างเลย”
“หมาแบบนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเอ็นดูได้โดยธรรมชาติ”
“น้องหมาแสดงไม่เป็นอยู่แล้ว หรือว่านี่อาจเป็นความรู้สึกที่แท้จริง”
“ไม่ไหว น่ารักไปอีก!”
“ผมละชอบน้องหมาตัวนี้จริงๆ”
“…”
ในที่นั่งแถวที่เก้า มุมปากของอี้เฉิงกงยกยิ้ม
หากเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ผู้ชมจะตกหลุมรักเจ้าเสี่ยวปาอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่มีทางคาดคิด ว่าที่ฝีมือการแสดงของสุนัขตัวนี้ดีถึงขนาดนี้ล้วนเป็นความดีความชอบของเซี่ยนอวี๋
ถ้าหากทีมงานหลายคนไม่ได้เห็นกับตาตนเอง คงเป็นเรื่องยากสำหรับอี้เฉิงกงที่จะจินตนาการว่าจะมีคนปล่อยให้สุนัขเข้ากองร่วมแสดงได้
“ขอโทษนะ วันนี้ทำให้แกต้องลำบากแล้ว หวังว่าพรุ่งนี้จะมีคนมารับแกนะ”
ศาสตราจารย์อันบอกกับสุนัขด้วยรอยยิ้มขมขื่น จากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป
ภาพเปลี่ยนเป็นสีขาว เทา และดำ
นี่คือมุมมองของสุนัข มันตัวสั่นเทิ้มอยู่ในบ้านสุนัข มองลอดประตูออกไปด้านนอก
ในลานบ้านซึ่งอ้างว้างว่างเปล่า มีเพียงดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน และแมลงที่ไม่ทราบชนิดร้องเจื้อยแจ้วท่ามกลางความมืด
ชั่วขณะนั้น
ลึกๆ ในใจของผู้ชมต่างรู้สึกเจ็บปวด และเกิดความรู้สึกไม่พอใจกับความแล้งน้ำใจของนายหญิง
………………………………………..