บทที่ 547 ดื่มจนเมาหรือ? เช่นนั้นไม่มีอะไรหรอก!
ภายในอาณาจักรอวี้ซวี เต่าชราบอกลาเหล่าเทียนตี้ พร้อมทั้งส่งเหล่าเทียนตี้กลับ เขาเตรียมตัวตามลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาไป
“จริงสิ ทั้งสองรอข้าสักครู่ ข้าไปจัดการธุระ เดี๋ยวเดียวก็กลับ!”
เต่าชราบอกกับลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา มีคนกำลังรอเขาอยู่ เขาจะไปโดยไม่ร่ำลามิได้ โดยเฉพาะไปโดยไม่ร่ำลาสาวงาม
ใช่แล้ว ผู้ที่รอเขาอยู่ก็คือสาวงามผู้นั้น เขาบอกสาวงามว่าอีกไม่นานเขาจะกลับไป ขอให้สาวงามรอเขาอยู่ในเมือง
“ทุกอย่างเรียบร้อย”
ลั่วสุ่ยคลี่ยิ้มพึงใจ เบิกบานอารมณ์เป็นอย่างมาก เมื่อนำหินอัศจรรย์และเต่าชรากลับไปแล้ว คุณชายคงพอใจมากเลยกระมัง ถึงอย่างไร หินอัศจรรย์และเต่าชราก็ไม่เลวเลยทีเดียว
“ใช่แล้ว”
มัจฉาสัตมายาสุขใจมากเช่นกัน หนนี้เขาได้ตามกลับบ้าน แก้ไขปัญหาใหญ่ให้เผ่าพันธุ์ของตน จากนี้ไป เขาสบายใจได้แล้ว
และตอนนั้นเอง ท้องฟ้าพลันมืดมนลง นาวาล่องนภาลำหนึ่งปรากฏ บดบังดวงอาทิตย์บนนภา
หลิงอินและเสี่ยวหยาเหินออกจากนาวาล่องนภา หลิงอินสัมผัสได้ว่าที่นี่คือต้นตอพลังสยดสยองน่ากลัวเมื่อครู่ และเจตจำนงมวยสูงส่งนั้นก็แผ่ขยายออกจากที่แห่งนี้
“หลิงอิน เสี่ยวหยา พวกเจ้ามาได้อย่างไร!?”
เมื่อลั่วสุ่ยได้เห็นหลิงอินและเสี่ยวหยาก็ผงะไป นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบหลิงอินและเสี่ยวหยาในอาณาจักรอวี้ซวี
นางไม่รู้ว่าช่วงนี้หลิงอินและเสี่ยวหยาไปทำอันใด
มัจฉาสัตมายาคิดไม่ถึงเช่นกัน เขาทักทายหลิงอินและเสี่ยวหยาอย่างมีมารยาท
“สวัสดีพี่หลิงอิน สวัสดีพี่เสี่ยวหยา”
เขาตระหนักดีว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาสำคัญต่อคุณชายอย่างไร เมื่ออยู่เบื้องหน้าหลิงอินและเสี่ยวหยา เปรียบเสมือนเด็กว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง
หลิงอินนั้นไม่ต้องพูดถึง ส่วนเสี่ยวหยาแม้จะมาทีหลัง ทว่าเป็นที่โปรดปรานของคุณชายสุด ๆ คุณชายชื่นชมเสี่ยวหยาไม่ขาดปาก ท่าทีคล้ายจะรับเสี่ยวหยาเป็นศิษย์
สรุปก็คือ ทั้งสองท่านนี้เก่งกาจกว่าเขามาก เขาทำตัวมีมารยาทเช่นนี้ย่อมไม่ผิดแน่นอน
“เอ่อ พวกเจ้าคือ?”
เสี่ยวหยาชะงัก จำมิได้ว่าเป็นลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา นางประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง สองคนนี้รู้ชื่อพวกนางได้อย่างไร
หลิงอินคลี่ยิ้ม อธิบายกับเสี่ยวหยา “นี่คือแมวน้อยสีขาวที่คุณชายเลี้ยงไว้ และนี่ก็คือมัจฉาสัตมายาที่คุณชายเลี้ยงไว้ในโอ่ง”
บัดนี้ ลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาอยู่ในร่างมนุษย์ทั้งคู่ เสี่ยวหยาจำมิได้นับว่าปกติ ตัวนางเองก็จำมิได้เช่นกัน ก่อนนี้ไม่เคยเห็นลั่วสุ่ยในร่างมนุษย์มาก่อน
ทว่าญาณสัมผัสของนางทรงพลังกว่า จึงจับสัมผัสพลังปราณในตัวลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายาได้ จนล่วงรู้ตัวตนของลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา
“พวกเจ้าเองหรือ!”
เสี่ยวหยาถึงบางอ้อ มิน่า ลั่วสุ่ยกับมัจฉาสัตมายาถึงรู้จักพวกนาง
นางจำมัจฉาสัตมายาได้แม่น เมื่อครั้งพบกับมัจฉาสัตมายาคราแรก ก็รู้สึกว่ามัจฉาสัตมายาสวยงาม และน่าเอ็นดูมาก
“ยินดีด้วยจริง ๆ ตอนนี้เจ้าคงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกนำไปต้มกินอีกแล้วใช่หรือไม่”
นางเอ่ยกับมัจฉาสัตมายายิ้ม ๆ
มัจฉาสัตมายามาปรากฏตัวที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีฐานะต่างจากเมื่อก่อน มิใช่ ‘อาหารแมว’ อีกต่อไปแล้ว
“ไม่ต้องกังวลแล้ว! ข้าได้เข้าไปอยู่ในบ่อน้ำประดับแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาตอบยิ้ม ๆ
“บ่อน้ำประดับหรือ”
หลิงอินหันมองลั่วสุ่ยและมัจฉาสัตมายา “ดูท่า หลังพวกเราออกมามีเรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปมากมายทีเดียว!”
“ใช่แล้ว เปลี่ยนไปมาก! บัดนี้พี่ลั่วสุ่ยได้เป็นนายหญิงของลานเล็กแล้ว!”
มัจฉาสัตมายารีบบอก
ถึงอย่างไรเขาก็สนิทกับลั่วสุ่ยมากกว่า ถึงจงใจพูดให้หลิงอินได้ยิน
ลั่วสุ่ยถลึงตาใส่มัจฉาสัตมายา “เสี่ยวชี อย่าได้พูดเหลวไหล!”
“นายหญิง?”
เสี่ยวหยาผงะ ตากลมโตเบิกกว้าง จ้องมองมัจฉาสัตมายาด้วยความประหลาดใจพลางกล่าว “รีบเล่าให้ข้าฟังที เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่!”
หลิงอินหันมองมัจฉาสัตมายาด้วยความประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน
พับผ่าสิ นี่นางเพิ่งออกมาได้นานเท่าไรเอง ลั่วสุ่ยได้เป็นนายหญิงของลานแล้วหรือนี่
ลั่วสุ่ยกลายเป็นผู้หญิงของคุณชายแล้วหรือ?
สีหน้าของนางชอบกลขึ้นมา นึกในใจว่าเซี่ยเหยียนคงร้องไห้ตาบวมไปแล้วกระมัง เซี่ยเหยียนมักชิงดีชิงเด่นกับนางเสมอ จนมองข้ามลั่วสุ่ย ไม่คิดเลยว่าลั่วสุ่ยจะได้เป็นนายหญิงของลาน!
“แหะ ๆ พวกท่านคงยังไม่รู้ คุณชายดีกับพี่ลั่วสุ่ยมาก คืนนั้นรัตติกาลย่ำกราย คุณชายทำตัวหวานชื่นถึงขีดสุด ท่านเตรียมอาหารค่ำสุดหรูไว้ให้พี่ลั่วสุ่ย โดยแยกปลามังกรเซียนตัวหนึ่งเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งนำไปตุ๋นน้ำแดง ส่วนหนึ่งนำไปนึ่ง ส่วนหนึ่งนำไปตุ๋นแกง เรียกได้ว่าพิถีพิถัน ตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง!”
มัจฉาสัตมายาสาธยายอย่างออกรส “ต่อมา คุณชายยังเตรียมเหล้าข้าวเหนียวหอมกรุ่นเลิศรส ร่วมดื่มกับพี่ลั่วสุ่ยใต้ค่ำคืน สุดท้าย คุณชายและพี่ลั่วสุ่ยกลับเข้าไปในห้องนอนคุณชายด้วยกัน…”
“นี่เจ้า!”
ลั่วสุ่ยหน้าดำคร่ำเครียด มัจฉาสัตมายาโม้เก่งเกินไปแล้ว!
ที่สำคัญ ครานั้นเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกันกับหลิงอิน ตอนนั้นนางยังตำหนิหลิงอินอยู่เลยว่าคิดมากเก่ง!
บัดนี้ได้มัจฉาสัตมายาเล่าแล้ว นางพลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาเหลือคณา
“ดื่มจนเมาหรือ!”
หลิงอินมองลั่วสุ่ยยิ้ม ๆ อย่างนี้นี่เอง เช่นนั้นไม่มีอะไรหรอก
คุณชายไม่มีทางกระทำการไม่สมควรหลังเมา
นึกถึงเมื่อคราวนางร่วมดื่มสุรากับคุณชาย แล้ววันรุ่งขึ้น ตื่นขึ้นมาในห้องของคุณชาย ยังถูกลั่วสุ่ยดูแคลนอยู่เลย!
“ไม่เมา ดื่มกันกำลังพอดี คุณชาย…”
มัจฉาสัตมายาไม่รู้ว่าเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับหลิงอินด้วย คราวนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นที่เขาหยงหมิง หาใช่เรือนเล็กของคุณชาย
เขาทำท่าจะสาธยายอย่างออกรสต่อ ทว่าไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ถูกลั่วสุ่ยขัดขึ้นเสียก่อน!
“หุบปาก!”
ลั่วสุ่ยยกมือเคาะหัวมัจฉาสัตมายา ก่อนจะรีบบอกกับหลิงอิน “อย่าไปฟังที่เขาพูดเหลวไหล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!”
ยังจะเล่าต่ออีก!?
ขืนเล่าต่อ นางมิอึดอัดตายหรือ!
หวนนึกถึงถ้อยคำที่นางเคยกล่าวต่อหลิงอิน โอ๊ย หน้านางร้อนผะผ่าวไปหมด!
ลั่วสุ่ยรู้สึกแย่เป็นที่สุด
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งที่ข้าเล่าล้วนเป็นความจริง! ไม่เชื่อให้กระจกออกมาแถลงไข!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยอย่างน้อยใจ ไม่รู้อดีตของลั่วสุ่ยและหลิงอิน
เขาคิดในใจว่า นี่เขากำลังช่วยพี่ลั่วสุ่ยอยู่นะ เหตุใดพี่ลั่วสุ่ยต้องว่าเขาด้วย
ไม่สนแล้ว!
เขาร้องเรียกต่อ “กระจก กระจก เจ้ารีบออกมาแถลงไขให้ความเป็นธรรมที! ว่าสิ่งที่ข้าได้พูดไปนั้นจริงหรือไม่!”
พลันนั้น กระจกโบราณบานหนึ่งปรากฏออกมากลางอากาศ พร้อมกับมีเสียงดังออกจากข้างใน
“จริงสิ เรื่องในคืนนั้นพวกเรารู้กันหมด ทุกคนปฏิบัติต่อพี่ลั่วสุ่ยเสมือนนายหญิงมานานแล้ว!”
กระจกโบราณก็คือ ‘แท็บเล็ต’ มันจับตาดูสถานการณ์ด้านนี้อยู่ตลอดเวลา
“เห็นหรือไม่ ข้ามิได้โกหก!”
มัจฉาสัตมายากล่าวต่อ “นี่คือความจริง! ความจริงที่รับรู้โดยทั่วกัน!”
“จริงหรือ”
หลิงอินมองลั่วสุ่ยยิ้ม ๆ มิได้เอ่ยอันใดอีก
ลั่วสุ่ยกระอักกระอ่วนเหลือคณา เล่าเรื่องนี้ต่อหน้าผู้อื่นยังไม่เท่าไร เล่าต่อหน้าหลิงอิน นางอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียจริง!
เมื่อครั้งเกิดเรื่องเช่นนี้กับหลิงอิน นางเยาะเย้ยถากถางหลิงอินไปไม่น้อย!
“ความจริงอะไร! ข้าว่าเจ้าครั่นเนื้อครั่นตัวอยากโดนอัดใช่หรือไม่!”
ลั่วสุ่ยหิ้วคอมัจฉาสัตมายาขึ้นมาอัดเสียยกใหญ่ อัดจนมัจฉาสัตมายาร้องโหยหวน
ไม่ยุติธรรมกับเขาเอาเสียเลย
เขาช่วยพูดเข้าข้างพี่ลั่วสุ่ย พี่ลั่วสุ่ยยังจะอัดเขาอีกหรือ
เรื่องอะไรกัน!
มัจฉาสัตมายาอดสูในใจเหลือเกิน!