บทที่ 548 น่าขัน คิดจะประชันภูมิหลังกับข้าหรือ?
เต่าชรากลับมา ส่งสาวงามเข้าไปในลานเต๋าของเขา
เขากลับไปพบสาวงามหนนี้ ได้รู้ว่าสาวงามอยู่ตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง จึงส่งตัวสาวงามกลับไปในลานเต๋าของเขา บอกให้สาวงามบำเพ็ญตนในลานเต๋าของเขาให้สบายใจ แล้วรอคอยการกลับมาของเขา
“วางใจเถิด ข้าจะกลับมา ถึงคราวนั้น เราสองคนจะครองคู่ไม่มีวันแยกจาก อิจฉาแต่ยวนยาง ไม่อิจฉาเซียน!”
เต่าชราร้องห่มร้องไห้โบกมือลาสาวงาม ประหนึ่งคู่รักวัยเยาว์ที่กำลังจะพลัดพรากจากกัน
ทว่าแท้จริงแล้ว เขาอายุอานามปาไปตั้งไม่รู้เท่าไร รูปลักษณ์เด็กหนุ่มในตอนนี้เป็นการตั้งใจจำแลงของเขา
“กลับมาแล้ว เราร่วมทางไปด้วยกันเถิด!”
ลั่วสุ่ยบอกกับหลิงอิน
นางเล่าทุกอย่างให้หลิงอินฟังแล้ว ขณะเดียวกัน หลิงอินก็เล่าทุกอย่างให้นางฟัง
พอดี พวกเขาสามารถกลับโดยใช้พลังจากกระจกโบราณ
เช่นนี้ประหยัดเวลาหลิงอินไปได้อีกมาก
มิฉะนั้น ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดหลิงอินจึงจะกลับไปถึง ถึงแม้นาวาล่องนภาล่องอวกาศได้รวดเร็ว กระนั้นระยะทางก็ห่างไกลเกินไป
“จริงสิ ไม่ต้องส่งพวกเรากลับไปที่เมืองชิงซาน บนนาวาล่องนภามีนารีจิ้งจอกสวรรค์อยู่หลายตน ข้าต้องหาบ้านให้พวกนางก่อน”
เวลานั้น หลิงอินเอ่ยขึ้น “ส่งพวกเราไปที่สำนักไท่หัวก็พอ”
นางคิดช่วยหาบ้านให้เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ และแดนบูรพาทิศเหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นนี้สะดวกต่อการดูแลเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์สำหรับนางด้วย
และกับแดนบูรพาทิศ สำนักไท่หัวมีความรู้มากกว่านางอย่างไม่ต้องสงสัย นางตั้งใจไปที่สำนักไท่หัว เพื่อขอความช่วยเหลือจากสำนักไท่หัว ให้ช่วยหาถิ่นพำนักให้เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์
“ได้! เช่นนั้นส่งพวกเราไปที่สำนักไท่หัวด้วยเถิด แล้วเราค่อยเดินทางกลับจากสำนักไท่หัว” ลั่วสุ่ยบอก
จากนั้น พวกเขาก้าวขึ้นไปบนนาวาล่องสวรรค์พร้อมกัน
“ได้เลย!”
กระจกโบราณตอบ ก่อนจะรีดเร้นพลังบางอย่าง พลันนั้น นาวาล่องสวรรค์หายวับไปจากที่เดิม
ภายในนาวาล่องนภา เต่าชราได้เห็นนารีจิ้งจอกสวรรค์มากมาย ตาของมันแทบถลน!
นี่เขา…นี่เขามาถึงแดนสุขาวดีแล้วหรือ?
นารีจิ้งจอกสวรรค์เย้ายวนใจเป็นที่สุด เพียงคนเดียวก็ได้รับความหฤหรรษ์สูงสุด สวรรค์ ที่นี่มีจิ้งจอกนารีสวรรค์มากมายปานนี้ จะหฤหรรษ์เป็นกี่เท่ากันเชียว
“ขอปรึกษาด้วยหน่อยได้หรือไม่ ให้ข้าไปกับนารีจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้เถิด เต่าชราผู้นี้จะช่วยพวกนางสร้างถิ่นที่อยู่เอง!” เต่าชราร้องตะโกน
ทว่าลั่วสุ่ยและหลิงอินต่างไม่สนใจเต่าชรา
…
ณ ดินแดนฮวง
เมืองเก้าวิบัติ
เมืองนี้โกลาหลเป็นพิเศษ เหตุการณ์นองเลือดมีให้เห็นอยู่ทุกวี่วัน สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ มิมีตนใดมีคุณธรรม ทั้งหมดล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต!
ทว่า ณ สถานที่หนึ่งในเมืองนี้ สิ่งมีชีวิตในนั้นกลับ ‘สงบสุข’ กันเป็นอย่างยิ่ง ที่นี่ไม่มีเหตุการณ์นองเลือด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนอยู่กันอย่างปรองดอง
“พระเก้าประทีปพุทธเจ้า มีจิตใจเมตตากรุณา โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์!”
“ข้าพระพุทธเก้าประทีป!”
สิ่งมีชีวิตมากมายในนั้นพากันท่องบทสวด หน้าตาเลื่อมใสเป็นที่สุด และโดยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ลำแสงมากมายพุ่งออกจากสิ่งมีชีวิตผู้ท่องบทสวดเหล่านี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ที่นี่คือพุทธภูมิที่สามเณรน้อย หรือก็คือพระเก้าประทีปพุทธเจ้าสรรสร้างขึ้นให้ตัวเอง สิ่งมีชีวิตในนั้นล้วนนับถือบูชาแต่เพียงเขา
และบทสวดที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ท่อง ก็เป็นบทสวดที่เขาแต่งขึ้นเอง
เขานั้นเปี่ยมด้วยความสามารถ มิฉะนั้นคงไม่ถูกขนานนามว่าเป็นที่สองรองจากพระอมิตาภะพุทธเจ้า เป็นตัวตนที่มีโอกาสได้อยู่ในระดับเดียวกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า
นอกจากนี้ จากที่เขาฝ่าฝันจนมีถิ่นฐานของตนที่เมืองเก้าวิบัติอันวุ่นวายนี้ในเวลาสั้น ๆ ริเริ่มพุทธภูมิของตัวเขาเอง ซ้ำยังเห็นผลอย่างยิ่ง เท่านี้ก็พอดูออกว่าเขานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ฉลาดหลักแหลม มากความสามารถ
“ไปเถิด ไปโปรดสิ่งมีชีวิตมากกว่านี้อีกหน่อย ขยายอาณาบริเวณพุทธภูมิของเรา”
สามเณรน้อยกระโจนตัวขึ้น หมายจะขึ้นขี่หมาป่าขาวตัวหนึ่ง ออกลุยเพื่อพุทธภูมิของเขา ขยายอาณาบริเวณพุทธภูมิของเขา รับสาวกผู้เลื่อมใสศรัทธาต่อเขาให้เพิ่มมากกว่านี้
ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงเลยก็คือ ขณะที่เขาเหินตัวกำลังจะขี่บนหลังหมาป่าขาว เขากลับถูกพลังสายหนึ่งดีดออกไป!
เขามิได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย กระเด็นออกไปตกพื้นทันที ล้มชนิดหน้าคว่ำ!
“เจ้า!”
สามเณรน้อยคลานขึ้นจากพื้น ตวัดสายตามองหมาป่าขาวอย่างกราดเกรี้ยว เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังนั้นมาจากตัวหมาป่าขาว
เรื่องที่เขาไม่คิดไม่ฝัน เกินความคาดหมายไปมากก็คือ เหตุใดจู่ ๆ หมาป่าขาวถึงแข็งแกร่งขึ้นปานนี้
นอกจากนี้ เขาเคยท่องบทสวดอยู่ข้างกายหมาป่าขาวทุกคืนวัน ‘โปรด’ หมาป่าขาวจนยอมหันหน้าหาธรรม หมาป่าขาวควรอยู่ในโอวาทของเขามาแต่แรก ไม่ควรมีความคิดเป็นอื่นเลย!
ไฉนยามนี้ถึงลงไม้ลงมือกับเขา
“เจ้าคนเดนตาย ป่านนี้แล้วยังคิดขี่ข้าอยู่อีกหรือ!?”
หมาป่าขาวแยกเขี้ยว เนตรหมาป่าทอประกายดุดัน ท่าทางนั้นราวกับต้องการกลืนกินสามเณรน้อยเข้าไปทั้งเป็น!
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า ‘ขี่’ ร่างของหมาป่าขาวสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด
นางหวนนึกถึงหนึ่งร้อยรอบในอดีต หนึ่งร้อยรอบเชียวนะ!
นางผู้เป็นตัวตนระดับเหนือเซียน กลับถูกอสูรหมูอัปลักษณ์ต่ำชั้นสุด ๆ ตัวหนึ่งกดลงเตียง เล่นสนุกอยู่หนึ่งวันเต็ม ทำสถิติไปเกินกว่าหนึ่งร้อยรอบ ตอนนี้นางแค่คิดยังรู้สึกทนไม่ไหว โมโหจนอกจะระเบิด!
ที่สำคัญ หลังหลุดออกจากอสูรหมู นางยังถูกสามเณรน้อย ‘ขี่’ อยู่ใต้ตัวตลอด แม้ว่าการ ‘ขี่’ นี้ต่างจากการขี่นั้น กระนั้นก็สร้างความอัปยศให้นางอย่างเหลือแสน ทนไม่ไหวอีก!
ใช่แล้ว นางมิใช่ใครอื่น เซียวฮุ่ยที่หนีไปได้นั่นเอง!
ครานั้น สภาพของนางย่ำแย่ถึงขีดสุด ต้องมาอยู่ในร่างอสูรหมาป่าขาวตนนี้อย่างหมดทางเลือก ผลกลับกลายเป็นต้องประสบเคราะห์ร้ายอย่างที่นางไม่เคยพานพบมาก่อน!
ทว่าบัดนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!
ช่วงเวลาที่ผ่านมา นางเริ่มฟื้นตัวขึ้นมา มิใช่ตอนที่ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนอีกต่อไป!
ถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นการดำรงอยู่ที่เหนือชั้นกว่าเซียน แม้ว่าก่อนนี้จะบาดเจ็บสาหัส ทว่านางก็ยังฟื้นตัวได้ทีละนิดอย่างรวดเร็ว!
วิชาอภินิหารและคัมภีร์ซึ่งอยู่ในการครอบครองของนางสูงส่งมหัศจรรย์เป็นหนักหนา!
หากมิใช่เช่นนี้ นางไม่มีทางฟื้นตัวได้บ้างในเวลาอันสั้นแค่นี้
แน่นอนว่านางยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ หากนางคิดจะฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ ย่อมต้องใช้เวลาไม่น้อย
นางอาจไม่มีทางคืนกลับสู่ช่วงทรงพลังที่สุดอีกแล้วก็ได้
อาการบาดเจ็บของนางฉกรรจ์เกินไป ร้ายแรงจนสึกกร่อนไปถึงแหล่งกำเนิดพลังของนาง หากนางต้องการคืนพลังสมบูรณ์ ย่อมมิใช่เรื่องง่าย
แต่ถึงแม้นางยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ กระนั้นจัดการกับสามเณรน้อยในตอนนี้มิใช่ปัญหาแม้แต่น้อย!
“หมายความว่าอย่างไร!?”
สามเณรน้อยขมวดคิ้ว เอ่ยถามเซียวฮุ่ย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซียวฮุ่ยถึงทำเช่นนี้กับเขา
“ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือ ข้ารับเจ้ามาเป็นสัตว์พาหนะ ถ่ายทอดบทสวดให้เจ้าทุกวี่วัน จนเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ บัดนี้เจ้ากลับคิดต่อกรกับข้า เป็นปฏิปักษ์กับข้าอย่างนั้นหรือ?” เขาถามเซียวฮุ่ย
“ถุย! เจ้าเห็นทั้งหมดนั่นเป็นเหมือนพรอันประเสริฐที่เจ้าประทานแก่ข้าหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร! ริอ่านให้ข้าถือการเป็นสัตว์พาหนะของเจ้าเป็นเกียรติยศ!?”
เซียวฮุ่ยจิตสังหารพลุ่งพล่าน เอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร!?”
หลังสามเณรน้อยได้ยินคำกล่าวของเซียวฮุ่ย ก็หัวเราะออกมาทันที
“เจ้าได้เป็นสัตว์พาหนะให้ข้า ย่อมเป็นเกียรติยศสูงสุดของเจ้า!”
เขาหันมองเซียวฮุ่ยพลางกล่าว “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
นี่เซียวฮุ่ยคิดจะประชันภูมิหลังกับเขาอย่างนั้นหรือ
เขานึกขัน
เซียวฮุ่ยน่ะหรือจะสู้เขาได้?