ผู้ชมคิดว่าการขับไล่ที่ล้มเหลว จะเป็นโอกาสให้คุณนายอันยอมรับเสี่ยวปา ปมในใจของเธอค่อยๆ คลายออก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าคุณนายอันจะทำใจไล่เสี่ยวปาได้ลงคอ หนำซ้ำยังคงกดดันศาสตราจารย์อัน คุณนายอันและศาสตราจารย์อันทะเลาะกันอย่างรุนแรง
“ฉันเหลือทนแล้ว! พรุ่งนี้คุณต้องเอาไปส่งคืน!”
“พรุ่งนี้?”
“ฉันฟังคุณพูดประโยคนี้มาเกินครึ่งเดือนแล้วนะ!”
“ผมขอโทษ”
หลังจากที่ศาสตราจารย์อันเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงเบา
ในใจของเขาคล้ายกับกำลังตัดสินใจ
ในขณะนั้นกล้องจึงเปลี่ยนไปเป็นมุมมองของเสี่ยวปา
เสี่ยวปาคล้ายกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง มันมองผ่านช่องของแผ่นไม้ ท่ามกลางโลกสีดำขาวเทา เห็นศาสตราจารย์อันกล่าวคำขอโทษ หางของมันค่อยๆ หยุดกระดิกลงช้าๆ
“ไม่สิ!”
“อย่าไล่มันไป”
“น้องเป็นหมาของพวกคุณนะ”
“มันจำว่าพวกคุณเป็นเจ้านายไปแล้ว”
ผู้ชมหลายคนพึมพำ ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความวิงวอน
มีผู้ชมซึ่งอารมณ์ค่อนข้างอ่อนไหวน้ำตาคลอเบ้า จ้องมองเสี่ยวปาในภาพยนตร์ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“…”
หยางอันซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศตัวว่าตนเป็นคนบ่อน้ำตาลึกเริ่มกัดริมฝีปาก จมูกเริ่มแสบขึ้นมา
เขาลอบมองเยี่ยหงอวี๋ซึ่งอยู่ด้านข้าง
เยี่ยหงอวี๋ยังคงรักษาท่าทีเฉกเช่นตั้งแต่เปิดเรื่อง ใบหน้าของเธอไม่ปรากฏสีหน้าที่ไม่จำเป็น เช่นเดียวกับที่เธอดูภาพยนตร์ทุกเรื่อง
สงบนิ่งและมีเหตุมีผล
หยางอันคล้ายกับถูกเตือนสติ จึงสูดจมูกเบาๆ ข่มกลั้นความรู้สึกอึดอัดไว้
บนหน้าจอขนาดยักษ์ใหญ่
ท้องฟ้า มืดลงอีกแล้ว
เช่นเดียวกับเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ศาสตราจารย์อันลุกขึ้นอย่างเงียบๆ หลังจากที่ภรรยาของเขาหลับไป และพาเสี่ยวปาเข้าไปยังห้องหนังสือ
เขาหยิบอาหารสุนัขกระป๋องและขนมสุนัขออกมาให้เสี่ยวปากิน
เมื่อก่อนเขาไม่ปล่อยให้เสี่ยวปากินขนมมากเกินไป เพราะเขาคิดว่าการปล่อยให้สุนัขเลือกอาหารไม่ใช่การบ่มเพาะนิสัยที่ดีนัก แต่วันนี้เขากลับหยิบอาหารกระป๋องทั้งหมดออกมา
“วันนี้แกอยากกินแค่ไหนก็กินเลย”
ศาสตราจารย์อันมองไปทางเสี่ยวปาด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มค่อนข้างจะแข็งทื่อเล็กน้อย
ปกติแล้วเสี่ยวปาซึ่งมักจะตื่นเต้นมากเมื่อเจอขนมเหล่านี้ แต่วันนี้กลับจ้องมองศาสตราจารย์อันเขม็ง ฉายแววยืนหยัดและดื้อรั้นบางอย่าง
มันไม่กินอาหารกระป๋องแม้แต่คำเดียว
ราวกับว่าของเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง
ดวงตาของศาสตราจารย์อันชื้นเล็กน้อย เขาอุ้มเสี่ยวปาขึ้นมา ลูบหลังของมันเบาๆ กระซิบว่า “เด็กดี เด็กดี…”
เสี่ยวปาไม่ส่งเสียงใด
ช่วงหลายคืนที่ผ่านมา ขณะที่ศาสตราจารย์อันอุ้มมันเข้ามาในห้องหนังสือ เขามักจะปลอบให้เสี่ยวปาไม่ส่งเสียง เพื่อไม่ให้มันส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นจนคุณนายอันตื่น
ทว่าคืนนี้เสี่ยวปาแสนรู้เป็นพิเศษ มันไม่แม้แต่ส่งเสียงร้องหงิงๆ ด้วยความน้อยใจ เพียงแค่นอนอย่างเงียบเชียบในอ้อมแขนของศาสตราจารย์อัน
ในขณะนี้
กล้องเคลื่อนไปเล็กน้อย
ด้านนอกห้องหนังสือ คุณนายอันสวมชุดนอน สายตาจ้องมองสามี ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอน
บางทีค่ำคืนนี้ หลายคนอาจเหนื่อยล้าแสนสาหัส
วันรุ่งขึ้นเมื่อศาสตราจารย์อันตื่นนอน ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว
ภรรยาซึ่งอยู่ข้างกายหายไป
ทันใดนั้นศาสตราจารย์อันก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวเล็กยังอยู่ในห้องหนังสือ เขาตบหน้าผากด้วยความหงุดหงิด และรีบไปยังห้องหนังสือในชุดนอนพร้อมกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อศาสตราจารย์อันมาถึงห้องหนังสือ ก็ต้องตกตะลึงเพราะภาพตรงหน้า
คุณนายอันกำลังลูบศีรษะเสี่ยวปา แววตาอ่อนโยนทอดมองไปยังเสี่ยวปาซึ่งกำลังกินอาหารที่เมื่อคืนมันไม่ยอมกิน
ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยวาจา โทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น
คุณนายอันลุกขึ้นไปรับสาย ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี “สวัสดีค่ะ ฉันได้ยินว่าพวกคุณกำลังตามหาเจ้าของให้น้องหมาตัวหนึ่งอยู่ ฉันยินดีรับเลี้ยงค่ะ ฉันชอบน้องหมามาก…”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ”
ในเมืองเล็กๆ ซึ่งแสงแดดยามอรุณรุ่งสาดส่อง ความสุขอันเงียบสงบและชวนคิดถึงซาบซ่านไปทุกอณู
คุณนายอันมองดูศาสตราจารย์อันซึ่งกำลังกระวนกระวาย ยิ้มพลางบอกกับคนจากปลายสาย “เสี่ยวปามีบ้านแล้วค่ะ”
อึก
เสี่ยวปาดูเหมือนจะฟังออก มันหยุดกินขนมในทันที จากนั้นก็คาบขนมทรงยาวไปวางไว้ที่ข้างขาของคุณนายอัน
“เสี่ยวปา เธอไม่กินแบบนี้”
ศาสตราจารย์อันหลุดหัวเราะ ร่างกายคล้ายกับผ่อนคลายลงในชั่วพริบตา และความโล่งใจในขณะนี้สดใสราวกับแสงอาทิตย์ด้านนอก
“โครม”
เสี่ยวปากระโดดด้วยความตื่นเต้น จนไปชนเก้าอี้ตัวหนึ่งล้มลง สีหน้าของคุณนายอันเดือดดาลขึ้นมาในฉับพลัน!
“โฮ่ง!”
เสี่ยวปาเห่าใส่เธอ ก่อนจะคาบขนมวิ่งออกไป
คุณนายอันและศาสตราจารย์อันมองหน้ากัน ทันใดนั้นก็หัวเราะลั่นออกมา
“หลังจากนี้ไม่ต้องตื่นกลางดึกแล้วนะ” หลังจากขำขันกันอยู่สักพัก คุณนายอันก็เอ่ยเตือน “ถึงยังไงก็เป็นห้องหนังสือของคุณ ยอมให้ใครเข้าไปอยู่ก็เป็นอิสระของคุณ”
“คุณรู้แล้ว?”
“ฉันรู้นานแล้ว”
ปมในใจของคุณนายอันคลายลง เพียงแต่ผู้ชมเดาไม่ออกว่าเป็นเพราะความรักที่เธอมีต่อสามี หรือเพราะเธอทำใจปล่อยเสี่ยวปาออกไปไม่ได้
บางที่อาจเป็นเพราะทั้งสองเหตุผล
มีผู้ชมด้านหน้าเริ่มปาดน้ำตา และเมื่อต้องการหากระดาษทิชชู กลับพบว่ามันวางอยู่ด้านข้างที่นั่ง จึงอดหลุดยิ้มออกมาไม่ได้
มีบางคนเข้าใจในที่สุด ว่าทำไมที่นี่ถึงมีกระดาษทิชชูวางไว้ให้พร้อมสรรพ
เพียงแต่การมีกระดาษทิชชูวางไว้ทุกที่เช่นนี้ ออกจะเล่นใหญ่ไปสักหน่อย
‘ดีจัง’
หยางอันชำเลืองมองสีหน้าซึ่งแลดูเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงของเยี่ยหงอวี๋ พลางคิดในใจ
นึกไม่ถึงว่าเยี่ยหงอวี๋จะเลิกคิ้วเล็กน้อย
ฉากหลังจากนั้นเป็นของเสี่ยวปาทั้งหมด…
เสี่ยวปาค่อยๆ เติบโตขึ้น
เสี่ยวปาที่โตขึ้นยังคงน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเคย ทั้งยังมีจิตวิญญาณมากขึ้น
ในภาพอันละเอียดอ่อนและอบอุ่นเหล่านี้ อารมณ์ซึ่งเรียบง่ายและจริงแท้ระหว่างมนุษย์และสัตว์จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มที่
เมื่อเสี่ยวปาเติบโตขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษามนุษย์ในการสื่อสารด้วยซ้ำไป อาศัยเพียงท่าทางและการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงอารมณ์ ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นระหว่างมนุษย์และสุนัข
ฉากถูกเปลี่ยนบ่อยครั้งขึ้น และกล้องถูกวางไว้ในระดับที่ต่ำ
สีดำ ขาว เทา
ภาพยนตร์พาทุกคนมองโลกรอบตัวผ่านสายตาของเสี่ยวปา
และด้วยความสนิทสนมของเสี่ยวปาและศาสตราจารย์อัน ความอบอุ่นก็พรั่งพรูเข้าสู่ก้นบึ้งในหัวใจของผู้ชม
เสี่ยวปากลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักในครอบครัวของศาสตราจารย์อัน ค่อยๆ เติบโตพร้อมกับความคุ้นเคยและความเข้าใจ
เมื่อใดก็ตามที่ศาสตราจารย์อันต้องโดยสารรถไฟไปยังมหาวิทยาลัย เสี่ยวปามักจะเดินตามหลังเสมอ เฝ้าดูศาสตราจารย์อันขึ้นรถไฟ และนั่งรอข้างสวนดอกไม้ตรงข้ามสถานีรถไฟตลอดทั้งวัน
แรกเริ่มเดิมที ศาสตราจารย์อันมักจะไล่มันกลับบ้าน
ต่อมาศาสตราจารย์อันพบว่าเสี่ยวปาแลดูประหนึ่งถูกเข้าสิง มันจะไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะเห็นว่าเขาออกมาจากสถานีรถไฟอีกครั้ง ดังนั้นศาสตราจารย์อันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนน และปล่อยให้มันรอ
นานวันเข้า แม้แต่คุณลุงร้านขายแพนเค้ก หรือคุณป้าแผงขายหนังสือพิมพ์ในสถานีรถไฟต่างก็รู้จักสุนัขที่มาส่งศาสตราจารย์ไปทำงาน และรอรับกลับบ้านทุกวันตัวนี้
เสี่ยวปาซื่อสัตย์มาก
มันเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน ถึงขนาดที่นำอาหารมาให้เสี่ยวปากิน และในทุกๆ ครั้ง เสี่ยวปาก็จะใช้วิธีของตนเพื่อแสดงความขอบคุณ
หยางอันชอบเสี่ยวปามากจริงๆ
บนหน้าจอ ยามที่เห็นหลุมสุนัขซึ่งเสี่ยวปาขุดใต้รั้วเพื่อส่งศาสตราจารย์ไปทำงาน มุมปากของหยางอันยกขึ้น ยามมองดูหางของเสี่ยวปาซึ่งกระดิกรัวด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่ศาสตราจารย์เลิกงาน แววตาของหยางอันก็สั่นไหวเล็กน้อย…
คนและสุนัขไม่ห่างจากกัน
ในตอนนี้เรื่องราวดำเนินไปได้ครึ่งทางแล้ว และทุกคนยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกเบื่อกับปฏิสัมพันธ์และการเติบโตระหว่างคนกับสุนัขซึ่งดำเนินไปอย่างเนิบช้า นี่เป็นความรู้สึกที่แม้แต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบัสเตอร์ซึ่งใช้สเปเชียลเอฟเฟ็กต์นั้นไม่สามารถให้ได้
เฉกเช่นหลังจากที่กินปลาและเนื้อเลิศรสจนเบื่อ จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงมนตร์เสน่ห์ของการกินกับข้าวรสอ่อนบ้าง
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่านี่คือกับดักแห่งความอบอุ่นที่ภาพยนตร์สร้างขึ้นมาอย่างแยบยล
และในจุดนี้ ผู้ที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุดก็คืออี้เฉิงกงและบรรดาหัวหน้าระดับสูงจากสตาร์ไลท์ในแถวที่เก้า ซึ่งดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว
‘เตรียมรับความเจ็บปวดได้เลย…’
เหล่าโจวลอบคิดในใจ พลางมองไปยังผู้ชมหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหน้า
ผู้ชมหญิงคนนี้เป็นตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์ขนาดกลางสักแห่ง เธอกำลังเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ประหนึ่งกำลังลิ้มลองไอศกรีมรสหวานสดชื่นในฤดูร้อน ใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความสุขและความอบอุ่น…
สายตาของเหล่าโจวกวาดไปยังคนอื่นๆ
ทุกคนเคลิบเคลิ้มในความสุขจนคล้ายว่าจะหลงลืมตัวตนไป
………………………………………