หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1365 มาถึง

บทที่ 1365 มาถึง
ฟ้าสว่างแล้ว
แสงตะวันแรกสาดส่อง ที่ด้านนอกป่าของโลกาชั้นที่สอง หวังเป่าเล่อเดินออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ เขาเดินไปพลางก็ลูบท้องไปพลาง ท่าทางดูอิ่มหนำสำราญนัก
ต้นไม้ในป่าด้านหลังที่ล้มระเนระนาด บ่งบอกได้ชัดว่ามีร่องรอยการโจมตีด้วยพลังมหาศาล
เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาอยู่ในป่าแห่งนี้ หลังจากรวบรวมสิ่งมีชีวิตจากกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงได้มากพอแล้ว หวังเป่าเล่อก็ปลดปล่อยกฎเกณฑ์ปรารถนารสออกมา แล้วเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงอย่างตะกละตะกลาม
ต้องบอกว่าสิ่งมีชีวิตจากกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเหล่านั้น แม้จะแปลกประหลาดอยู่บ้าง ทว่าพลังของพวกมันแต่ละตัวกลับแข็งแกร่งมาก แต่จากการวิเคราะห์แล้วนั้น หลังจากหวังเป่าเล่อแปลงร่างเป็นเจ้าสวาปามก็จัดการพวกมันได้ไม่ยาก
ถึงอย่างไรกฎเกณฑ์ปรารถนารสและกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงก็อยู่ในระดับเดียวกัน ส่วนเจ้าสวาปาม…ก็เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดกฎเกณฑ์ปรารถนารส หากเทียบเช่นนี้เมื่อเขาแปลงร่างเป็นเจ้าสวาปาม ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาได้ก็มีเพียงผู้ฝึกตนนักร้องที่มีดนตรีสมบูรณ์
ดังนั้นสำหรับหวังเป่าเล่อแล้วนี่ก็คืองานเลี้ยงฉลองดีๆ นี่เอง ส่วนกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงแม้จะถูกกฎเกณฑ์ปรารถนารสกลืนกินไปไม่น้อย ทว่าเส้นไหมสีครามที่ดูดซับมานั้นไม่เพียงซ่อมแซมมันให้เหมือนเดิม แต่ยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้การก่อตัวของอักขระเสียงหลักตัวที่สองของเขาก็อยู่ห่างออกไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น
เพียงแต่ในการฝึกฝนกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง สิ่งที่หวังเป่าเล่อเชี่ยวชาญเป็นเพียงวิธีเรียบง่ายและหยาบกระด้าง เขาเชื่อว่าในเมืองปรารถนาเสียงน่าจะมีความเข้าใจที่ดีกว่านี้เพื่อให้รับรู้ความคืบหน้าได้
และสิ่งที่ทำให้เขาพอใจยิ่งกว่าคือกฎเกณฑ์ปรารถนารสได้ประโยชน์มากมายจากงานเลี้ยงครั้งนี้ บัดนี้ร่างปรารถนารสของเขาสูงขึ้นถึง 690 จั้งแล้ว ห่างจาก 700 จั้งเพียงนิดเดียวเท่านั้น
และ 700 จั้งก็เป็นความสูงอันดับหนึ่งของเจ้าสวาปามในเมืองปรารถนารส
หวังเป่าเล่อหันหน้ารับแสงอาทิตย์ด้วยจิตใจอิ่มเอม ขณะเหาะไประหว่างฟ้าดินก็ยังทำท่าว่าอยากจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตจากกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง ความเร็วของเขาไม่ช้าไม่เร็ว หูตั้งตรง กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงไหลเวียนทิ้งเจตจำนงไว้ทุกแห่ง
แต่จนถึงเที่ยงวัน หวังเป่าเล่อก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าระหว่างทางไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากโลกแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเลยซึ่งนั่นทำให้หวังเป่าเล่ออดคิดไม่ได้
“หรือว่าเมื่อวานนี้ข้าสังหารมากไป?”
“ไม่สิ พูดให้ชัดเจนคือเมื่อวานตอนกลางวันข้าก็ไม่รู้สึกถึงพวกมันเลยสักนิด ครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตในโลกปรารถนาเสียงก็คือตอนค่ำคืนอันมืดมิดมาเยือน”
ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแววครุ่นคิด เขาคาดเดาบางอย่างได้แล้ว
“บางทีสิ่งมีชีวิตในโลกปรารถนาเสียงอาจถูกแยกออกไปในเวลากลางวันของโลกนี้ เวลากลางคืนเท่านั้นที่พวกมันจะซ้อนทับกันและปรากฏในการรับรู้ของผู้ฝึกกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง”
“ข้อพิสูจน์นี้เมื่อถึงกลางคืนก็จะรู้เอง” หวังเป่าเล่อคิดได้แล้วจึงออกเดินทางต่อ จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วยาม เมื่อสายัณห์ผ่านพ้น ดวงจันทร์สว่างไสวลอยเด่น กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของเขาก็ไหลเวียน ตอนนั้นเองหวังเป่าเล่อก็ได้ยินเสียงลมหวีดหวิว
นี่ไม่ใช่ลมในโลกที่เขาอยู่ แต่เป็นลมที่พัดมาจากโลกซึ่งสัมผัสได้ด้วยกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเท่านั้น
ในสายลมดูเหมือนจะนำบางสิ่งมาตกใส่เขาด้วย คล้ายกับเกสรที่พยายามจะหยั่งรากลึกเข้าไปในเลือดเนื้อ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของหวังเป่าเล่อจะแข็งเกินกว่าที่เกสรเหล่านี้จะเจาะเข้าไปได้ ดังนั้นพวกมันจึงจากไปกับสายลม
เมื่อสัมผัสได้ถึงทุกสรรพสิ่ง หวังเป่าเล่อก็แย้มยิ้ม เขาพบว่าตนชอบยามค่ำคืนอันมืดมิดของโลกแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงมากกว่ายามกลางวัน
และความชอบนี้ก็ดำเนินไปอีก 20 กว่าวัน
20 กว่าวันนี้ หวังเป่าเล่อเดินทางไปพร้อมกับอดทนให้กลางวันผ่านพ้น เฝ้ารอยามค่ำคืนที่จะมาถึง ในค่ำคืนมืดมิดเขากลายเป็นคบเพลิงดึงดูดสิ่งมีชีวิตของโลกปรารถนาเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า กลายร่างเป็นเจ้าสวาปามครั้งแล้วครั้งเล่า ดูดซับและกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า
อักขระเสียงของเขาสร้างขึ้นมาได้ห้าตัวแล้ว
ร่างปรารถนารสก็ทะลุ 800 จั้งไปเป็น 860 กว่าจั้ง หวังเป่าเล่อกลายเป็นเจ้าสวาปามอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง
ทว่า ก็เกิดวิกฤตขึ้นถึงสองครั้ง
ครั้งแรกคือเมื่อ 11 วันก่อน คบเพลิงที่เขาแปลงขึ้นดึงดูดความสนใจสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมาตัวหนึ่ง สิ่งมีชีวิตจากโลกปรารถนาเสียงตัวนั้น แม้หวังเป่าเล่อจะไม่รู้ว่ามันรูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่ด้วยกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเขาจึงพอจะสร้างภาพในหัวได้อย่างเลือนราง
มันน่าจะเป็นศพที่เติบโตอยู่บนพิณ ไม่ว่าศพนี้จะเดินไปที่ใดก็จะมีเสียงดนตรีที่ทำให้เลือดเนื้อพังทลายดังขึ้น แม้หวังเป่าเล่อจะกลายร่างเป็นเจ้าสวาปามก็ยังต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อยกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
จากการวิเคราะห์และคาดการณ์หลังเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว เขารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้…ไม่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในโลกปรารถนาเสียง แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นผู้ฝึกตนนักร้องนิรนามที่ไม่รู้ว่าเสียชีวิตไปนานเท่าไรแล้ว
ผู้ฝึกตนนี้ยามมีชีวิตอยู่คงจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี แต่อีกฝ่ายเสียชีวิตในโลกปรารถนาเสียงและศพของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติบางอย่างจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับแหล่งกำเนิด แม้กฎเกณฑ์ปรารถนารสของหวังเป่าเล่อจะอยู่ระดับเจ้าสวาปาม แต่ก็ไม่สามารถคงอยู่ได้นานนัก มิเช่นนั้นมันจะกลืนกินกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของเขามากเกินไป
นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้เขาต้องหนี
เพราะทันทีที่เขาจนมุม เขาต้องรักษาสภาพเจ้าสวาปามไว้ต่อไป และในที่สุด…กฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงของเขาจะถูกกลืนกินจนหมดสิ้น ถึงเวลานั้นต่อให้เขาชนะ แต่ก็ยังสูญเสียมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลถึงการจัดการในอนาคต
ครั้งนี้ได้ทำให้หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งกลืนกินอย่างบ้าคลั่งมีสติขึ้นมาก
ครั้งที่สองคือเมื่อสามวันก่อน เขาพบกับอันตรายครั้งใหญ่ มันคือเสียงนกหวีด ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกปรารถนาเสียงก็วิ่งไปยังที่ที่เสียงนกหวีดดังอย่างควบคุมไม่ได้
หวังเป่าเล่อตกใจยิ่งกว่าเมื่อพบว่าร่างกายของเขาเองก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าเสียงนกหวีดนี้จะมีพลังเขย่าจิตวิญญาณและสามารถควบคุมทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาได้
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เขาต้องหนีจากวิกฤตอีกครั้งด้วยพลังควบคุมของร่างต้นแบบและพลังแห่งเจ้าสวาปาม สุดท้ายอันตรายทั้งสองนี้จึงทำให้หวังเป่าเล่อค่อยๆ ปัดเป่าความคิดที่จะกลืนกินเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงอยู่ด้านนอกออกไป
เขาคิดว่าสิ่งที่ตนต้องทำตอนนี้คือรีบไปยังเมืองปรารถนาเสียงให้เร็วที่สุด เพื่อทำความเข้าใจความลับของกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเข้าใจโลกใบนั้นที่มีเพียงกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงเท่านั้นที่รับรู้ได้ จึงจะสะดวกต่อการฝึกฝนกฎเต๋าของเขาที่สุด
หากเขายังอยู่ข้างนอกต่อไป แม้จะหลีกเลี่ยงอันตรายทั้งสองได้สำเร็จและเพิ่มอักขระเสียงหลักได้เล็กน้อย แต่เขาก็รู้ดีว่าตราบใดที่มีเหตุไม่คาดฝันเพียงครั้งเดียว กำไรทั้งหมดที่เขาได้รับแม้จะพูดไม่ได้ว่าเสียเปล่า แต่ในกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงนั้นจะต้องเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่หรือไม่ก็หายไปอย่างสมบูรณ์แน่
ราคาที่ต้องจ่ายนี้หวังเป่าเล่อไม่อาจรับไหว ดังนั้นหลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว เขาก็เพิ่มความเร็วขึ้น และในที่สุด…หลังจากผ่านไปอีกห้าวัน หวังเป่าเล่อก็เห็นเมืองเมืองหนึ่งปรากฏอยู่บนขอบฟ้าไกลๆ
รูปทรงของเมืองนี้พิเศษมาก…
มันมีรูปร่างคล้ายหู ราวกับว่ามีศีรษะยักษ์นอนตะแคงข้างและฝังอยู่ในพื้นดิน โดยมีเพียงหูข้างเดียวที่โผล่ขึ้นมาจากพื้น
ที่นี่คือ… เมืองปรารถนาเสียง
……………………………………………..
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท