รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 552 หินอัศจรรย์กับผู้เฒ่าเต่าที่นำมา หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!

บทที่ 552 หินอัศจรรย์กับผู้เฒ่าเต่าที่นำมา หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!

บทที่ 552 หินอัศจรรย์กับผู้เฒ่าเต่าที่นำมา หลี่จิ่วเต้าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!

หลี่จิ่วเต้าสัมผัสได้อยู่เสมอว่า วาสนาของเขากับซีไม่ได้สิ้นสุดลงที่การพานพบ และอาจได้พานพบกันอีกครั้งในสักวัน

“ข้าหานางไม่พบ แต่นางอาจเป็นฝ่ายกลับมาหาข้าเองก็ได้?”

ชายหนุ่มยิ้มออกมา ความเศร้าโศกอาวรณ์เล็กน้อยเลือนหายไป วันคืนเหล่านั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขา ยามนั้นซีจากไปด้วยแววตาไม่เต็มใจอันเห็นได้อย่างชัดเจน ตัวเขานั้นไม่สามารถลืมซีได้ ซีเองก็ไม่อาจลืมเขาได้ใช่หรือไม่?

หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่าซีเองก็ไม่อาจลืมได้ เพียงแต่อาจมีเหตุผลบางอย่างทำให้ซีจำต้องจากไป ไม่ก็มีบางสิ่งที่นางจำเป็นต้องทำ

หลังจากซีจัดการเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซีอาจหวนกลับมาหาเขา

‘ข้าจะต้องออกกำลังกายให้แข็งแรง ไม่อาจทำให้ซีผิดหวังได้ ขอแค่อย่าให้เมื่อซีกลับมาแล้วข้ากลายเป็นชายชราที่ไม่มีแม้แต่แรงจะลุกยืน’

เขาคิดขึ้นมาในใจ

ซีไม่เคยสำแดงพลังอะไรต่อหน้าเขา ทว่าเขาเองก็รู้ดีว่าซีไม่ได้เป็นเพียงปุถุชน ซีสามารถต่อกรกับเสือป่าอันดุร้ายได้ด้วยร่างกายอันบอบบาง เกรงว่าแม้ก่อนหน้านี้ซีจะยังไม่ได้เข้าสู่หนทางแห่งการฝึกตนมาก่อน ตอนนี้ก็ต้องเข้าไปอยู่บนเส้นทางนั้นเป็นที่เรียบร้อย

เมื่อนางกลับมาหา มีโอกาสอย่างมากที่รูปร่างหน้าตาจะไม่เปลี่ยนแปลง คงความเยาว์วัยเอาไว้ได้ ในขณะที่เขากลายเป็นชายชราผมหงอกขาวโพลน

“แม้ว่าข้าจะกลายเป็นชายชรา ก็ต้องเป็นชายชราที่หล่อเหลาและแข็งแรงที่สุด!”

หลี่จิ่วเต้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เขาฝึกมวยและออกกำลังกายเป็นประจำ ร่างกายแข็งแรงมาก นอกจากนี้เขายังเชี่ยวชาญด้านยา เขามั่นใจว่าเมื่อตนเองอายุหกสิบหรือเจ็ดสิบก็ยังสามารถรักษาสภาพของตนเองเอาไว้ให้เหมือนวัยกลางคนได้

ถนนกว้างใหญ่มุ่งตรงสู่เมืองชิงซาน เวลาล่วงเลยจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีย่ำยาวเย็น หลี่จิ่วเต้าและเพื่อนร่วมทางที่ไปเก็บสมุนไพรต่างก็กลับไปยังเมืองชิงซาน

เขาอำลาเหล่าคนเก็บสมุนไพร กลับไปยังลานเล็ก ๆ ของตนเอง

“คุณชายกลับมาแล้ว!”

ลั่วสุ่ยเอ่ยทักทายขึ้นมาในทันที รอยยิ้มของนางประหนึ่งบุปผาแย้มบาง ดวงตาที่ทั้งบริสุทธิ์และห่วงหายิ่งทำให้ดูเปี่ยมเสน่ห์ สายลมพัดผ่านเรือนร่างงดงามนำพากลิ่นหอมล่องลอยมาด้วย

สิ่งนี้ทำให้หลี่จิ่วเต้ารู้สึกเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย คิดกับตนเองว่าเมื่อคืนนั้นเหตุใดตนเองจึงนอนหลับเป็นตายเช่นนั้น? น่าเสียดายเกินไปแล้ว!

ปีศาจจำแลงมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนมากที่สุด!

ดูเหมือนเรื่องนั้นจะเป็นความจริง!

เสี่ยวไป๋หลังจากกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ก็มีความดึงดูดยั่วยวนมากเกินไป

“ข้ากลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะกลับมาเร็วกว่า”

หลี่จิ่วเต้ายิ้ม เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความคิดเรื่อยเปื่อย หากเขาไม่ได้หลับเป็นตาย ในคืนนั้นเขาคงไม่อาจนอนร่วมกับเสี่ยวไป๋

เขาจะต้องออกไปนอนที่อื่นอย่างแน่นอน

แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าตนเองเป็นสุถาพบุรุษ แต่เขาไม่มีทางทำสิ่งที่เอาเปรียบผู้อื่น คืนนั้นเสี่ยวไป๋ดื่มสุราจนเมา หากทำเช่นนั้นจริง เขาคงจะดูถูกตัวเองอย่างยิ่ง เพราะนั่นไม่ใช่ความสมัครใจของเสี่ยวไป๋

“อ๊ะ คุณชายนั่งลงก่อน!”

ลั่วสุ่ยเดินเข้าไปหาหลี่จิ่วเต้า ก่อนจะนำตะกร้าสมุนไพรของคุณชายไปเก็บอย่างเป็นธรรมชาติ

จากนั้นนางก็เข้าไปยังห้องครัวเพื่อรินชาร้อนมาหนึ่งถ้วยมอบให้กับหลี่จิ่วเต้า และเชิญให้คุณชายนั่งบนเก้าอี้ในลานเพื่อพักผ่อน

เพราะนี่คือลั่วสุ่ยจึงสามารถทำเช่นนี้ได้ หากเป็นผู้อื่นอย่าว่าแต่รินชาเลย กระทั่งหยิบจับสิ่งของในครัวก็ไม่อาจทำได้

หลี่จิ่วเต้านั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ยกชาขึ้นจิบ

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน เขาก็รู้สึกกระหายน้ำอยู่บ้าง

ชายหนุ่มมองที่ไปลั่วสุ่ย บนใบหน้าแย้มยิ้มด้วยความพึงพอใจ คิดกับตนเองว่าลั่วสุ่ยมีความเอาใจใส่ ยามนั้นที่เขารับเลี้ยงเสี่ยวไป๋ นับเป็นทางเลือกดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเลือกมา

ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าวันหนึ่งเสี่ยวไป๋จะแปลงร่างเป็นมนุษย์มาดูแลเขา สุดท้ายความหวังดีครั้งนั้นก็ได้รับการตอบแทน…

เจ้าแมวสีขาวเมื่อแปลงร่างเป็นมนุษย์งดงามมากถึงเพียงนี้ แล้วถ้าเป็นจิ้งจอกล่ะ?

เขาอดคิดขึ้นมาไม่ได้ หากเป็นจิ้งจอกที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ขึ้นมา อาจงดงามน่าดึงดูดมากกว่านี้!

‘หากมีโอกาสพบจิ้งจอกไร้บ้านข้าจะนำมันมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะอยากเห็นจิ้งจอกน้อยแปลงร่างเป็นมนุษย์ แต่เพียงเพราะขนจิ้งจอกดูนุ่มลื่น น่าจะสบายยามได้ลูบ…’

หลี่จิ่วเต้ากล่าวในใจ

“คุณชาย ท่านลองมาดูหินที่ข้านำกลับมาด้วยว่าใช้ได้หรือไม่”

ลั่วสุ่ยหยิบหินอัศจรรย์ออกมาจากศาสตราบรรจุของ

หินอัศจรรย์นั้นสูงเกือบเท่าตัวคน ลวยลายธรรมชาติบนตัวมันทำให้เพียงแค่มองเช่นนี้ก็นับว่าสวยงามแล้ว

ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าเป็นประกาย หินก้อนนี้ไม่เลวเลย หากใช้มันสลักเป็นภูเขา จะต้องสวยงามมากอย่างแน่นอน

“แล้วก็ยังมีเต่าตัวนี้”

ลั่วสุ่ยยกผู้เฒ่าเต่าขึ้นมาจากบ่อให้คุณชายได้ดู

กระดองบนหลังผู้เฒ่าเต่านั้นเป็นสีน้ำตาล มีทั้งหมดแปดสิบเอ็ดลาย ให้ความรู้สึกหนักแน่นแก่ผู้คน เห็นได้ชัดว่ามันมีอายุอยู่มายืนยาวแล้ว

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม เหมือนกับที่ข้าต้องการไม่ผิด!”

หลี่จิ่วเต้าพอใจกับเต่าตัวนี้มาก เขาต้องการเลี้ยงเต่าชราตัวนี้ เต่าเป็นตัวแทนของความอายุยืนยาว การเลี้ยงไว้ที่บ้านไม่เพียงแต่มีความหมายดี เมื่อมองแล้วยังรู้สึกสบายอีกด้วย

ผู้เฒ่าเต่าเองก็มองไปที่หลี่จิ่วเต้า

นี่คือผู้ลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง อาจเป็นจักรพรรดิหรือบรรพจารย์ในหมู่เซียนอย่างนั้นหรือ?

มันสามารถสัมผัสอะไรได้ถึงความพิเศษ คนผู้นี้เหมือนกับปุถุชนทั่วไปผู้หนึ่ง

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นยามราตรี หลี่จิ่วเต้าเข้านอนทันทีหลังอาหารเย็น

เช้าตรู่วันต่อมา ฟ้าเพิ่งจะสาง หลี่จิ่วเต้าก็ตื่นขึ้นมาเรียบร้อย

หินก็มีแล้ว เขาจึงอดใจรอที่จะแกะสลักภูเขาจำลองขึ้นมาไม่ไหว บ่อน้ำของเขาจะได้ยิ่งดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น!

แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ลงมืออย่างรีบร้อน

ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้โยก ใช้นิ้วเลื่อน ‘แท็บเล็ต‘ ไปมา เขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดได้บังเอิญเห็นหินที่มีรูปร่างสวยงามเป็นอย่างมากในโลกเสมือนจริง ความคิดอยากมีภูเขาจำลองประดับบ่อน้ำก็เกิดจากการได้เห็นหินก้อนนั้นด้วย

แต่ตอนนั้นเขาปัดนิ้วเร็วเกินไป ภาพที่เห็นในจอจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงได้แต่เพียงมองแวบเดียวไม่ได้สังเกตให้ละเอียด

เขาต้องการจะค้นหาหินก้อนนั้น แล้วจึงใช้เป็นแบบแกะสลักภูเขาจำลอง

บริเวณด้านนอกภพเซียน พลังอันน่าหวาดกลัวปั่นป่วนเดินพล่าน บางคราวถึงกับมีกฎเกณฑ์อันเหนือจินตนาการโผล่ออกมาเป็นครั้งคราว ชวนให้รู้สึกพรั่นพรึงอย่างถึงที่สุด!

ที่แห่งนี้ไม่รู้ว่ามีเซียนมากน้อยเพียงใดที่จบสิ้นชีวิตลงไป ในช่วงเวลาอันยาวนาน มักมีเซียนคิดต้องการออกจากภพเซียนไปอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่สุดท้ายพวกเขาเกือบทั้งหมดก็ต้องเผชิญจุดจบภายใต้พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้

รวมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่ต้องตายลงไม่รู้เท่าไหร่เพื่อต้องการฝ่าเข้ามา คงมีจำนวนนับไม่ถ้วน

ในช่วงระยะเวลาอันยาวนาน ยังมีผู้โดดเด่นอีกจำนวนไม่น้อยที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้ และต้องการจะข้ามาในภพเซียน ทว่าพวกเขาเกือบทั้งหมดล้วนจบสิ้นลงที่นี้ ไม่สามารถประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ภพเซียน

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นเป็นระยะ มีร่างงดงามผู้หนึ่งกำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายในนั้น พลังอันน่าหวาดเกรงรวมตัวกันกลายเป็นอสูรร้ายตัวแล้วตัวเล่าพุ่งเข้าใส่ร่างงดงามผู้นั้น!

สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ของคนผู้นั้นไม่สู้ดีนัก เลือดไหลอาบร่างของนาง มีรอยแผลอยู่ทุกหนแห่ง แม้ผู้แข็งแกร่งเช่นนางจะสามารถฟื้นฟูบาดแผลให้หายไปได้ในพริบตา แต่ก็ตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเป็นอย่างมาก!

“เป็นดั่งที่คาดไว้ หากคิดอยากออกไปย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย…”

ร่างงามแย้มยิ้มอย่างเศร้าและอ้างว้าง นางพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจทำได้สำเร็จ นางยื้ออยู่ตรงนี้มาเป็นเวลานานพอสมควร ทว่าก็ยังไม่เห็นโอกาสจะออกไปได้

นางเคยทำลายฝ่าพลังนี้ได้สำเร็จมาก่อน แต่ในครั้งนั้นนับว่าเป็นความบังเอิญอย่างแท้จริง

และดูเหมือนว่าครั้งนี้นางจะไม่ได้โชคดีเช่นนั้น…

อสูรร้ายที่ควบแน่นขึ้นมาจากพลังอันน่าหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของนางค่อย ๆ สิ้นแรง แสงเรืองรองรอบกายนางก็ค่อย ๆ หรี่ลงเรื่อย ๆ

“ข้า…จะต้องจบสิ้นลงที่นี่อย่างนั้นหรือ?”

โลหิตไหลลงจากปากนางไม่หยุด สภาพของนางน่าย่ำแย่เป็นอย่างมาก เรี่ยวแรงในการต่อต้านก็เริ่มสูญหายหมดสิ้นไปในการต่อสู้อันดุเดือด

นางทรงพลังไร้ผู้เทียบเคียงในยุคอนันตกาล ใช้ชีวิตท้าทายสวรรค์มาชาติภพแล้วชาติภพเล่า

สุดท้ายนางต้องมาตายในที่แห่งนี้หรือ!?

ใช่แล้ว นางคือจักรพรรดินีอนันตกาล ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากประมุขตระกูลเซียวให้ออกจากภพเซียนไปตามหากล่องสี่เหลี่ยม

“ไม่!”

จักรพรรดินีระเบิดพลังออกมา ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่ยินยอม นางไม่ต้องการจะจบสิ้นลงที่นี่ นางยังต้องการจะเป็นอิสระอีกครั้ง ขึ้นไปสู่จุดที่อยู่สูงกว่าเดิม คืนชีพอาจารย์กลับมาอีกครั้ง

นางเปล่งประกายเจิดจ้า สู้ยิบตาจนถึงวินาทีสุดท้าย จนกระทั่งเรี่ยวแรงในร่างกายของนางหมดลง ไม่อาจสู้ต่อไปได้

อสูรร้ายคำราม อ้าปากเปื้อนเลือดกระโจนเข้าใส่ นางต้องการมีชีวิตอยู่และสู้ต่อ แต่ทว่ากลับไม่อาจทำสิ่งใดได้

แม้กระทั่งจะขยับนิ้วก็ทำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ…

นี่นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่ออสูรร้ายรุมกัดเข้ามา นางจะต้องถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ จบชีวิตลงแน่นอน!

จักรพรรดินีที่เคยไร้พ่ายในยุคสมัยหนึ่ง สุดท้ายจะต้องมาจบสิ้นลงที่นี่อย่างนั้นหรือ!?

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท