เมื่อคิดได้ดังนี้ หนานกงเลี่ยก็หมุนตัวกลับทันที และมองไปยังไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรง
เขาเชื่อว่าอาเจวี๋ยจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน!
“เจ้าสาม ขุนนางเหล่านี้ล้วนแต่ร้องขอความเมตตาแทนเจ้าอยู่ พวกเขากำลังขอร้องให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า” ฮ่องเต้หัวเราะออกมาเบาๆ ”นี่คือการก่อกบฏ ไม่ใช่ความผิดเล็กน้อยทั่วไป ไหนบอกข้ามาสิว่าข้าควรจะไว้ชีวิตเจ้าที่เป็นกบฏหรือไม่”
ในเวลานี้ ขันทีเกาหวาดกลัวสุดขีด เขาตัวสั่นอย่างรุนแรงขณะยืนอยู่ข้างฮ่องเต้
ฮ่องเต้ไม่สามารถระบายความโกรธใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ ดังนั้นเขาจึงถีบขันทีเกาที่อยู่ข้างๆ และตะคอกใส่เขาเสียงดังลั่น แต่เสียงนั้นจงใจพูดถึงไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง!”
“ฝ่าบาท” สายตาของผู้อาวุโสอู่เป็นประกาย ”ทนกับองค์ชายสามอีกสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ ถือเสียว่าเขายังเด็ก…”
“เขาน่ะหรือยังเด็กอยู่” ฮ่องเต้ยิ่งโกรธหนัก เขาโตพอที่จะรู้จักซ่อนชุดคลุมลายมังกรแล้ว!”
ผู้อาวุโสอู่รู้ว่าแผนการของตัวเองสำเร็จแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบปิดปากเงียบ แล้วถอยหลังกลับไป ความพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาอย่างปิดไม่มิด ยิ่งมีคนช่วยพูดแทนองค์ชายสามมากเท่าใด ความตายของเขาก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เขาวางไว้ และเมื่อบวกกับเสียงทหารและม้าที่อยู่ข้างนอกเข้าไปอีก ฮ่องเต้ย่อมไม่สามารถข่มความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป!
เขาเชื่อว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ องค์ชายสามก็คงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่จะปลิดชีพเขาคืออะไร!
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ควรวางตัวเองเอาไว้สูงกว่าคนอื่น ใครเล่าจะรู้ว่าจะร่วงลงมาจากจุดสูงสุดนั้นเมื่อใด และจะร่วงลงมากระแทกพื้นแรงขนาดไหน!
ผู้อาวุโสอู่ส่ายศีรษะ และแสร้งถอนหายใจออกมา
แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ
ตอนนั้นเองที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอ้าปากขึ้นพูดอย่างไม่รีบร้อน น้ำเสียงของเขายังเย็นชาและเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ”พวกเจ้าพูดจบแล้วหรือ ถึงตาข้าพูดหรือยัง”
แม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับฟังดูเหมือนประโยคบอกเล่าเสียมากกว่า
เขายืนขึ้นอย่างสง่างามพร้อมกับกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปาก รอยยิ้มจางๆ นั้นราวกับเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งจักรวรรดิได้
“ผู้อาวุโสอู่ เป็นเพราะข้าใจดีกับเจ้าและจวนผู้อาวุโสเกินไปหรือ เจ้าถึงได้กล้าใส่ร้ายข้าเช่นนี้”
ผู้อาวุโสอู่เงยหน้าขึ้น เขาดูไม่พอใจอย่างยิ่ง ”องค์ชายสาม เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ท่านไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ แต่เหตุใดต้องกล่าวหากระหม่อมด้วยหรือ กระหม่อมเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโส และหน้าที่ของกระหม่อมก็คือการปกป้องจักรวรรดิแห่งนี้ องค์ชายอาจจะรู้สึกว่ากระหม่อมเป็นคนชั่วช้าที่พยายามเปิดโปงท่านกลางท้องพระโรงเช่นนี้ แต่นี่คือสิ่งที่มโนธรรมของกระหม่อมบอกให้กระหม่อมทำพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมพบว่ามีคนกำลังวางแผนก่อกบฏ และไม่คิดที่จะนำเรื่องนั้นมากราบทูบกับฮ่องเต้ ย่อมหมายความว่ากระหม่อมละเลยในหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ! องค์ชาย กระหม่อมก็ไม่อยากเชื่อว่าท่านจะเป็นคนเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พยานและหลักฐานที่เรามีก็แน่นหนาถึงเพียงนี้! ใครเล่าจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ใจของกระหม่อมได้!”
“ดูเหมือนว่าข้าจะใจดีเกินไปจริงๆ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่สนใจคำพูดนั้น เขาหมุนแหวนเงินบนนิ้วไปมา ”เจ้ากล้าแสดงละครต่อหน้าข้าหรือ หืม”
เสียงกลั้วหัวเราะของเขาน่าฟังอย่างมาก ต้องบอกว่ามันมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมากทีเดียว
แต่ความเย็นชาที่แผ่ออกมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนตัวสั่นเทา
ผู้อาวุโสอู่กัดฟัน แล้วมองไปอีกทางหนึ่ง เขาไม่พูดอะไรกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอีก แต่กลับมองไปที่ฮ่องเต้แล้วเอ่ยว่า ”ฝ่าบาท ท่านย่อมรู้ความคิดของกระหม่อมดียิ่งกว่าผู้ใด คนจากจวนผู้อาวุโสล้วนแต่ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาหลายปี และทุ่มเทถวายการรับใช้ท่านด้วยหัวใจ แต่กระนั้นเรากลับมักถูกเข้าใจผิดอยู่เสมอ เวลานี้แม้กระทั่งองค์ชายก็ยังมองกระหม่อมด้วยสายตาเช่นนั้น กระหม่อมเกรงว่าหากฝ่าบาทไม่ลงโทษองค์ชายสาม เขาจะมาเอาผิดกับคนทั้งตระกูลของกระหม่อมเอาได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าสาม!” ใบหน้าของฮ่องเต้ดำทะมึน ”ที่นี่คือตำหนักเจาหยาง เจ้ากล้าประพฤติตัวโอหังเช่นนี้ที่นี่ได้อย่างไร เจ้ายังเห็นหัวข้าที่เป็นพ่อของเจ้าอยู่หรือเปล่า!”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปัดฝุ่นที่เสื้อคลุมออกอย่างไม่รีบร้อน เขายังคงเย็นชาและสง่างามเหมือนปกติ แต่น้ำเสียงที่เขาใช้พูดนั้นกลับเจือไปด้วยความเย้ยหยันอย่างยากจะอธิบายได้ ”เสด็จพ่อ ท่านมิเอาผิดกับข้าเร็วไปหน่อยหรือ ท่านร้อนใจเกินไปหรือเปล่า”
หลังจากได้ยินที่เขาพูด ดวงตาของฮ่องเต้ก็หรี่เข้าหากันอย่างอันตราย!
ผู้อาวุโสอู่รีบตอบกลับทันทีว่า ”องค์ชาย เราหาชุดลายมังกรเจอแล้ว ท่านยังมีอะไรมาแก้ตัวอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ชุดลายมังกรหรือ” สายตาเปี่ยมไปด้วยอำนาจของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเคลื่อนลงมองห่อผ้าสีดำที่อยู่บนพื้น ”แค่นี้หรือ”
ผู้อาวุโสอู่เอ่ยอย่างใจเย็นว่า ”ดูเหมือนว่าองค์ชายคงไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ หากไม่ได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง ทหาร แกะห่อผ้านี้ออกเสีย!”
“ขอรับ!” หนึ่งในทหารสองคนนั้นขานรับ และย่อตัวลง
ผู้อาวุโสอู่เชิดหน้าขึ้นอย่างคนมีชัย เขากำลังรอดูไป๋หลี่เจียเจวี๋ยในสภาพพูดไม่ออก!
แต่สิ่งที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงอุทานดังลั่น!
“นั่นมันอะไรกัน”
“หน้าตาเหมือนเนื้อแดดเดียวเลยมิใช่หรือ”
“ในนั้นมีขนมพุทราอยู่ด้วยหรือ”
เนื้อแดดเดียวรึ?! ขนมพุทรารึ?!
ผู้อาวุโสอู่เหมือนเพิ่งสังเกตเห็นของพวกนั้น เขารีบก้มหน้าลงมองอย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาเห็นคือภาพของขนมทานเล่นจำนวนหนึ่งที่หล่นออกมาจากห่อผ้าสีดำห่อนั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสั่นระริก
“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้อย่างไร! ไม่มีทาง!”
เขาเป็นคนนำสิ่งนั้นใส่ลงไปในห่อผ้านี้ด้วยตัวเองเชียวนะ!
ชุดลายมังกรจะกลายเป็นเนื้อแดดเดียวได้อย่างไร?!
ห่อผ้าสีดำห่อนี้เป็นอันเดียวกันกับที่เขาสั่งให้คนนำเข้าไปซ่อนไว้ในตำหนักจิ่วฉง
หรือว่า!
ผู้อาวุโสอู่เงยหน้าขึ้นในทันใด ใบหน้าของเขาซีดเผือดทันทีที่มองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
เป็นเขา!
มันต้องเป็นเพราะเขาแน่!
เขารู้ว่ามีคนเข้าไปซ่อนห่อผ้าห่อนี้เอาไว้!
ดังนั้นเขาก็เลยเล่นตามน้ำและเปลี่ยนเอาชุดลายมังกรตัวนั้นออกไป!
แต่ทำไมเขาไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะว่าสิ่งที่อยู่ข้างในห่อผ้าคือขนมทานเล่นพวกนี้
มิหนำซ้ำเขายังไม่ทำอะไรคนที่เข้าไปซ่อนห่อผ้าห่อนี้เอาไว้อีกด้วย
เขาปล่อยคนคนนั้นกลับมาหาข้า เพื่อแจ้งให้ข้ารู้ว่าแผนการสำเร็จ…
ความตื่นตระหนกอันรุนแรงที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนพลันปะทุขึ้นในร่างของผู้อาวุโสอู่ ความตื่นเต้นยินดีที่เขาเคยมีถูกบดขยี้จนไม่เหลือซากในเวลานั้นนั่นเอง
เขามองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มผู้หล่อเหลายังคงมีสีหน้าดังเดิม เมื่อเขามองมา สายตานั้นทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองตัวตลกสภาพน่าอดสูตัวหนึ่งอยู่เท่านั้น
มันทำให้ผู้อาวุโสอู่รู้สึกเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเผลอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าของเขาแข็งค้างอยู่เช่นนั้น
ฮ่องเต้เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วหนาเข้าหากันแน่น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางหยิบเนื้อแดดเดียวขึ้นมาชิ้นหนึ่ง นิ้วเรียวภายใต้ถุงมือสีดำของเขาบดขยี้เนื้อชิ้นนั้นอย่างช้าๆ เขาดูสง่างามและหล่อเหลาอย่างมาก ”ผู้อาวุโสอู่ เป็นอะไรไปหรือ สีหน้าของเจ้าดูเหมือนจะผิดหวังอยู่มิใช่หรือ ข้ากำลังจะถามเจ้าอยู่เชียวว่าทำไมเจ้าถึงได้กล่าวหาว่าห่อผ้าสีดำที่ข้าใช้เก็บขนมไว้ให้เจ้าเจ็ดถึงกลายเป็นห่อผ้าที่มีชุดลายมังกรอยู่ได้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเลยด้วยซ้ำ”
คำถามนั้นทำให้ผู้อาวุโสอู่ตัวสั่นจนแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่
เสียงโห่ร้องที่ดังขึ้นในท้องพระโรง และสายตาที่จ้องมองมายังผู้อาวุโสนั้นเต็มไปด้วยสายตาทิ่มแทง
ผู้อาวุโสอู่กัดฟันแน่น และพยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง
เขายังมีโอกาสอยู่!
เขายังไม่ได้ล้มเหลวไปซะทุกอย่าง!
ตราบใดที่ความโกลาหลนอกท้องพระโรงยังไม่สิ้นสุด เขาย่อมมีโอกาสพลิกกลับมาชนะได้!
ในเมื่อเขาตัดสินใจไม่ส่งทหารออกไป ดังนั้นต่อให้แผนการซ่อนชุดลายมังกรจะล้มเหลว แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่สามารถหนีจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกบฏในครั้งนี้ได้!
ตั้งใจฟังในสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ให้ดีก็แล้วกัน!