ลูกสะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์ครั้งแรก แต่คนที่มารายงานกลับเป็นป้ารับใช้ของฟังซื่อ
สืออีเหนียงท่าทีนิ่งสงบ เอ่ยถามป้าฟัง “…รู้ตั้งแต่เมื่อไร ช่วงนี้คุณนายน้อยใหญ่สบายดีหรือไม่ อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่”
ป้าฟังเป็นคนไหวพริบดีจึงตอบกลับอย่างฉะฉาน “ช่วงปีใหม่ไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ แต่ว่าที่จวนมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย แล้วยังรับใช้ฮูหยินสามอยู่ที่เรือนตลอดจึงไม่ได้สนใจอะไรเจ้าค่ะ ตื่นขึ้นมาเมื่อสองวันก่อน จู่ๆ ก็อาเจียน จึงเชิญท่านหมอมาตรวจดูถึงได้รู้ว่าตั้งครรภ์” นางยิ้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี “คุณชายสามดีใจเป็นอย่างมาก เขาจะมารายงานไท่ฮูหยินตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฮูหยินสามบอกว่าอย่าพึ่งตื่นตระหนก เชิญท่านหมอมาดูอีกสักสองท่าน หากมั่นใจแล้ว ค่อยไปรายงานไท่ฮูหยินก็ไม่สาย ดังนั้นจึงมารายงานวันนี้เจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็ยิ้มแล้วย่อเข่าคำนับสืออีเหนียง “บ่าวขอแสดงความยินดีกับฮูหยินสี่ด้วย จะได้เป็นท่านย่าคนแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดต่ออีก “คุณนายน้อยใหญ่สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาโดยตลอด ลูกในท้องก็รู้ความ นอกจากตื่นขึ้นมาตอนเช้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ช่วงอื่นก็ไม่รู้สึกอะไรเจ้าค่ะ แต่แค่อยากทานปลาแห้ง กุ้งแห้ง ตอนปีใหม่ทางหูโจวส่งมาให้แต่คุณนายน้อยใหญ่กลับทำนำไปมอบให้คนอื่น ตอนตัวเองอยากทานก็ไม่มีให้ทานแล้ว แต่ว่าคุณนายน้อยใหญ่ส่งคนนำจดหมายไปส่งที่หูโจวบอกให้พวกเขาส่งปลาแห้งกับกุ้งแห้งมาให้แล้วเจ้าค่ะ” แล้วพูดเชิงหยอกล้อในตอนท้าย “บ่าวบอกคุณนายน้อยใหญ่ว่ากว่าปลาแห้งและกุ้งแห้งจะส่งมาจากหูโจว เกรงว่าคุณชายน้อยของเราคงจะคลอดแล้ว ปกติคุณนายน้อยใหญ่เป็นคนอดทนอดกลั้น แต่ตอนนี้กลับราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน อยากทานของพวกนั้นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าคนที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเหตุผลมากแค่ไหน แต่บางครั้งก็มักจะทำเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเช่นกันเจ้าค่ะ!”
สืออีเหนียงกลั้นหัวเราะ แล้วหันไปบอกจู๋เซียง “นำปลาแห้งกับกุ้งแห้งที่ตรอกกงเสียนส่งมาให้ป้าฟัง แล้วก็สมุนไพรบำรุงร่างกายอย่างรังนก โสมและพุทรามาให้นางด้วย “ จากนั้นก็หันมาพูดกับป้าฟัง “ข้าก็แต่งงานมาจากเจียงหนานเหมือนกัน ที่บ้านคิดว่าข้าอยู่ที่เยี่ยนจิงเลยอาจจะอยากทานของพวกนี้ ช่วงเทศกาลของทุกปีพวกเขาก็จะส่งของพวกนี้มาให้ข้าเป็นกอง ของพวกนี้คนอื่นไม่มี แต่ข้ากลับไม่เคยขาดแคลน ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาจากที่ไกลๆ เขียนจดหมายไปถึงหูโจวเช่นนั้น”
ป้าฟังได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณนายน้อยใหญ่ก็แค่อยากจะเอาใจญาติพี่น้อง ปลาแห้ง กุ้งแห้งตั้งสิบเข่งเลยหายไปในพริบตา ถึงแม้จะรู้ว่าสกุลเดิมของฮูหยินสี่ก็ส่งมาให้ท่าน แต่เมื่อนึกว่าท่านเป็นคนใจกว้าง จึงไม่กล้าคิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็ย่อเข่าคำนับสืออีเหนียงสามครั้ง “บ่าวขอบพระคุณท่านแทนคุณนายน้อยใหญ่ ประเดี๋ยวกลับไปรายงานคุณนายน้อยใหญ่ ให้คุณนายน้อยใหญ่มาขอบพระคุณท่านอีกครั้ง”
ป้าฟังก็แค่อยากเล่าเรื่องพวกนี้ให้สืออีเหนียงฟัง สำหรับเรื่องที่ฟังซื่อชอบทานปลาแห้งกุ้งแห้งจริง หรือไม่ ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สืออีเหนียงพูดคุยกับนางสองสามประโยค จากนั้นก็พานางไปรายงานข่าวดีกับไท่ฮูหยิน
ไท่ฮูหยินได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบถามขึ้นว่า “นานแค่ไหนแล้ว สบายดีหรือไม่”
ป้าฟังตอบกลับได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องที่เล่าให้สืออีเหนียงฟังให้ไท่ฮูหยินฟังด้วยวิธีอีกวิธีหนึ่ง แล้วยังถือโอกาสพูดถึงบ่าวรับใช้ “…พวกบ่าวคือบ่าวรับใช้เก่าแก่จากสกุลฟัง ไม่รู้ว่าที่จวนมีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง กลัวว่าจะเผลอทำอะไรผิด จึงมักจะรู้สึกหวาดกลัวในใจเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินอุทานเพียง “อ้อ” ด้วยสีหน้าที่กำลังครุ่นคิด นางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามสืออีเหนียง “ป้าเถียนและป้าวั่นยังรับใช้อยู่ที่เรือนของฮูหยินห้าใช่หรือไม่”
ป้าเถียนและป้าวั่นคือป้ารับใช้ที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลคนตั้งครรภ์และคลอดลูก พวกนางมีประสบการณ์เรื่องนี้มากที่สุด แล้วก็ยังเป็นหนึ่งในท่านป้าที่ไท่ฮูหยินเชื่อใจมากที่สุด
ป้าฟังคิดไม่ถึงว่าไท่ฮูหยินจะคิดแบบนี้ นางได้ยินแล้วก็ดีใจ
ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่ไท่ฮูหยินมีความคิดเช่นนี้ พวกนางก็คงจะไม่ลำบากเหมือนตอนนี้อีกแล้ว!
นางอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ ฟังไท่ฮูหยินและสืออีเหนียงพูดคุยกัน
“ยังอยู่เจ้าค่ะ!” ยิ่งสืออีเหนียงอยู่กับไท่ฮูหยินนานแค่ไหน นางยิ่งรู้สึกว่าไท่ฮูหยินดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องอันใด แต่หากนางสนใจขึ้นมาจริงๆ นางทำอะไรรอบคอบเป็นอย่างมาก “เซินเกอยังไม่หย่านม น้องสะใภ้ห้าจึงให้ท่านป้าทั้งสองคนอยู่ดูแลที่นั่น”
“เช่นนั้นเจ้าไปบอกนาง” ไท่ฮูหยินพูด “บอกว่าคุณนายน้อยใหญ่ตั้งครรภ์ คนที่รับใช้ก็มีแต่คนที่มาจากเจียงหนาน สภาพอากาศและอาหารการกินของทั้งสองที่ล้วนแต่ไม่เหมือนกัน ไม่มีคนที่มีประสบการณ์คอยแนะนำ บอกให้ป้าเถียนไปดูแลนางสักสองสามวัน”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” ส่วนป้าฟังกำลังกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงเก็บอาการดีใจไม่ให้ออกหน้าออกตาจนเกินไป จากนั้นก็ย่อเข่าคำนับพลางเอ่ยขอบพระคุณไท่ฮูหยิน
*****
ทันทีที่ฮูหยินห้ารู้นางก็บอกให้ป้าสือไปที่ตรอกซานจิ่งกับป้าเถียน แล้วยังนำสมุนไพรไปให้ฟังซื่อตั้งมากมาย
ฟังซื่อดูแลครรภ์ที่เรือน ไม่สะดวกที่จะเดินทาง เมื่อครบสามเดือน ทารกในครรภ์มั่นคงแล้ว ฟังซื่อก็มาขอบพระคุณไท่ฮูหยิน สืออีเหนียงและฮูหยินห้า
ไท่ฮูหยินจับมือฟังซื่อมองซ้ายมองขวา แล้วพูดกับจินซื่อที่ยิ้มอยู่ข้างๆ “เจ้าก็ต้องทำตามพี่สะใภ้ของเจ้า!”
จินซื่อไม่ได้มาที่ตรอกเหอฮวาหลี่บ่อยๆ เหมือนฟังซื่อ ทุกครั้งที่นางมาก็มักจะเดินตามหลังฮูหยินสามตลอด สืออีเหนียงและฮูหยินห้าไม่ค่อยสนิทสนมกับนางสักเท่าไร แต่เพราะว่าไท่ฮูหยินเป็นคนกำหนดเรื่องแต่งงานของนาง แน่นอนว่าไท่ฮูหยินสนิทสนมกับนางมากกว่า คนในตรอกเหอฮวาหลี่เจอนางก็ไม่มีใครไร้มารยาทกับนาง
ได้ยินไท่ฮูหยินพูดเช่นนี้ นางก็หน้าแดงแล้วไปหลบอยู่หลังฮูหยินสาม
ฮูหยินสามรีบปกป้องนาง “พึ่งจะแต่งเข้ามา คุณนายน้อยใหญ่ของเราก็ไม่ได้แต่งเข้ามาแล้วมีข่าวดีเลยเสียหน่อยเจ้าค่ะ!” นางไม่มองฟังซื่อเลยแม้แต่น้อย
ไท่ฮูหยินยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็แนะนำเรื่องที่ควรระวังให้ฟังซื่อ
ซินเจี่ยเอ๋อร์วิ่งมาดึงเสื้อของจินซื่อ “พี่สะใภ้สามเจ้าคะ ครั้งก่อนพี่สะใภ้สามบอกว่าจะไปดูเจ้าขาวกับเจ้าเขียวของข้าไม่ใช่หรือ ข้าสวมที่คาดผมสีแดงให้เจ้าขาวและเจ้าเขียว พวกมันสวยมากเลย พี่สะใภ้สามอยากดูหรือไม่เจ้าคะ”
จินซื่อมองไปที่ฮูหยินสามด้วยสายตาที่เป็นประกายและเต็มไปด้วยความปรารถนา
ไม่ต้องพูดถึงฮูหยินสาม แม้แต่ไท่ฮูหยินที่เห็นท่าทีเช่นนี้ของนางก็ยังต้องใจอ่อน นางยิ้มแล้วสะบัดมือ “ไปเถิด!” จากนั้นก็บอกคนของตัวเอง “พวกเจ้าระวังด้วย อย่าให้คุณหนูสองและคุณนายน้อยสามหกล้มไป!” จากนั้นก็บอกซินเจี่ยเอ๋อร์และจินซื่อว่า “อย่ามัวแต่เล่นจนลืมกลับมาทานข้าวเที่ยง้วยดเล่า” นางแสดงท่าทีเอ็นดูจินซื่อเหมือนกับซินเจี่ยเอ๋อร์และจิ่นเกอ
ฮูหยินสามเห็นเช่นนี้ก็ดีใจ นางรีบพูด “ในเมื่อท่านย่าพูดเช่นนี้ พวกเจ้ารีบไปรีบกลับเถิด!”
จินซื่อขานรับ จากนั้นก็จับมือซินเจี่ยเอ๋อร์เดินออกไปอย่างมีความสุข “ทำไมเจ้าต้องมัดเชือกสีแดง เจ้าขาวและเจ้าเขียวไม่เจ็บหรือ”
น้ำเสียงของซินเจี่ยเอ๋อร์เสียงดังฟังชัด “จิ่นเกอก็ผูกผ้าโพกหัวสีแดงมัดให้สุนัขของเขา แล้วยังบอกให้อวี้เหมยทำเสื้อผ้าให้สุนัข ข้าก็จะทำเสื้อผ้าให้เจ้าขาวและเจ้าเขียวเหมือนกัน… “
เงาของพวกนางสองคนค่อยๆ หายไปจากสายตา
ไท่ฮูหยินหัวเราะ
ฮูหยินสามที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นว่า “โชคดีที่ท่านแม่สู่ขอสกุลจินให้เจี่ยนเกอ ถึงแม้ว่านายท่านสกุลจินและนายหญิงสกุลจินจะไม่ค่อยพูด แต่พวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์และจริงใจ ท่าทีราวกับเด็กน้อยของจินซื่อ นิสัยจริงใจกับผู้อื่นของนาง คือวาสนาของเจี่ยนเกอเจ้าค่ะ!”
ไท่ฮูหยินไม่พูดอะไร แต่กลับจิบชาแล้วพูดกับฟังซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างอ่อนโยน “มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามป้าเถียน”
ฟังซื่อรีบขานรับ “เจ้าค่ะ”
ฮูหยินสามเห็นเช่นนี้ก็สีหน้าเปลี่ยน ความร่าเริงบนใบหน้าของนางก็จางลงไม่น้อย
*****
หลังจากนั้นก็มีข่าวลือแพร่กระจายมาที่ตรอกเหอฮวาหลี่
ประเดี๋ยวก็บอกว่าฮูหยินสามไปที่ไหนก็พาคุณนายน้อยสามไปด้วย แล้วยังอ้างว่าคุณนายน้อยใหญ่กำลังตั้งครรภ์ บอกให้คุณนายน้อยใหญ่มอบป้ายคู่ให้คุณนายน้อยสาม ประเดี๋ยวก็บอกว่าคุณนายน้อยใหญ่มอบป้ายคู่ให้คุณนายน้อยสามแล้ว และถึงแม้ว่าคุณนายน้อยสามจะรับมาแล้ว แต่ครั้งแรกที่คิดบัญชีกับคนในร้านขายของแห้ง นางก็นำเงินยี่สิบตำลึงไปให้คนอื่น ทำฮูหยินสามโมโหไปสามวัน จากนั้นก็นำป้ายคู่มาไว้ที่ตัวเอง
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของครอบครัวฮูหยินสาม คนในตรอกเหอฮวาหลี่ก็ได้แค่รับฟัง เพราะในตรอกเหอฮวาหลี่ก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเหมือนกัน
หนึ่งวันก่อนวันเกิดของไท่ฮูหยิน ท่านหมอบอกว่าฮูหยินห้าตั้งครรภ์ ทำเอาไท่ฮูหยินยิ้มไม่หุบ เมืองซังโจวส่งคนนำจดหมายมาส่ง บอกว่าเจินเจี่ยเอ๋อร์เองก็ตั้งครรภ์แล้ว กำหนดคลอดปลายเดือนสิบไม่ก็ต้นเดือนสิบเอ็ด ต่อมาเอ้อร์สือเหนียงก็คลอดบุตรสาวคนโต หลานถิงคลอดบุตรชายคนที่สอง สกุลเฉินเก๋อเหล่ามีหลานชายเพิ่ม สกุลโต้วเก๋อเหล่ามีหลานสาว อู่เหนียงคลอดบุตรสาวคนโต ระหว่างนั้นยังมีเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง…มีงานเลี้ยงทุกสองสามวัน กว่าจะมีเวลาพักผ่อนก็เข้าสู่เดือนเจ็ดแล้ว
หน้าร้อนของปีนี้ร้อนกว่าปีก่อนๆ ต้นเดือนห้าฝนตกสองสามครั้ง ฟ้าสว่างตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ลมร้อนพัดเข้ามากระทบกับกิ่งไม้ สุนัขพันธุ์ปักกิ่งสีขาวหกตัวที่จิ่นเกอเลี้ยงไว้ยืนเรียงแถวลิ้นห้อยอยู่ใต้ชายคา
ฮูหยินห้าเข้ามา เห็นเช่นนี้นางก็ตกใจ
“เหตุใดถึงเลี้ยงเยอะแยะขนาดนี้” นางตั้งครรภ์ห้าเดือนแล้ว แบกท้องโตเดินมาหาสืออีเหนียง ถึงแม้ว่าทางเดินจะมีราวจับ แต่นางก็เหงื่อออกเต็มตัว ใบหน้าอมชมพูราวกับพระอาทิตย์ตกยามพลบค่ำก็ไม่ปาน “พี่สะใภ้สี่ไม่ห้ามปรามจิ่นเกอ! ใครเห็นเข้าก็ตกใจ”
ครั้นได้ยินเสียง จู๋เซียงก็รีบเปิดม่านให้ฮูหยินห้าเดินเข้ามา
ลมเย็นที่พุ่งเข้ามาปะทะ ทำเอาฮูหยินห้าพรูลมหายใจ
“อากาศร้อนขนาดนี้ มีเรื่องอันใดก็ให้สาวใช้มารายงานข้าก็ได้” สืออีเหนียงสวมชุดสีขาวเดินออกมาจากห้องข้างใน นางม้วนผมเป็นมวยด้วยปิ่นปักผมง่ายๆ พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก เผยให้เห็นกำไลมรกตสีเขียวสดที่แขน ยิ่งขับให้แขนของนางขาวราวกับหิมะ พลอยทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกเย็นสบาย
“นั่งอยู่ที่เรือนก็ร้อนเหมือนกันเจ้าค่ะ” ฮูหยินห้าเดินเข้าไปในห้องข้างในกับสืออีเหนียง ตรงมุมห้องข้างในเต็มไปด้วยน้ำแข็ง เย็นสบายกว่าห้องโถงเสียอีก
จิ่นเกอสวมเสื้อสีเขียวอ่อน นอนตะแคงอยู่บนเตียงเตา อาจิน สาวใช้นั่งถือพัดอยู่ข้างๆ มือเล็กๆ ที่อวบอ้วนของเขากำหมัดอยู่ตรงแก้ม กำลังหลับสนิท
ฮูหยินห้าเดินช้าลง จากนั้นก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือข้างสืออีเหนียง
จู๋เซียงยกแตงโมที่แช่น้ำเข้ามา
พวกนางสองคนทานแตงโมพลางพูดคุยกัน
“คนตั้งครรภ์มักไม่ชอบอากาศร้อน” สืออีเหนียงพูดด้วยรอยยิ้ม “หรือว่า เจ้าลองถามป้าวั่นว่าวางน้ำแข็งในห้องเพิ่มได้หรือไม่”
“ข้าถามนางแล้ว” ความรู้สึกที่เย็นสบายทำให้ฮูหยินห้าหยิบแตงโมขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น “แต่นางไม่กล้าตัดสินใจ” จากนั้นก็พูดถึงฟังซื่อ “…ได้ยินมาว่านายอำเภอฟังลาออกจากตำแหน่งแล้ว ฟังฮูหยินพาบุตรชายมาเยี่ยมเยียนคุณนายน้อยใหญ่ ต้นเดือนหน้าก็คงจะถึงแล้วกระมัง!”