บทที่ 559 ตงฟางเวิ่นเอ่ยปาก รับหน้าที่จัดการเส้นทางสังสารวัฏ!
ตงฟางเวิ่นและคนอื่น ๆ ไปที่กองกำลังฮวงเฉวียนเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกทั้งหมดที่มาอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไป…‘เยี่ยมเยียน’ ทีละแห่ง ก่อนจะปิดผนึกเส้นทางจากภายนอก
นี่คือจุดหมายสุดท้ายของพวกเขา
ด้านล่างหุบเหว ผู้เฒ่าอมตะขมวดคิ้วสีขาวทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากเบื้องบน
“เจราจาอะไร…”
สีหน้าของเขาเย็นชาขึ้น ก่อนเอ่ยออกมา “เมื่อใดกันที่สถานที่ของพวกเรายอมให้คนเข้ามาได้ง่ายดาย คิดเจราจาเมื่อไหร่ก็ทำได้?”
แดนต้องห้ามไม่มีผู้ใดอนุญาตให้ย่างกรายเข้ามา ไม่เช่นนั้นจะต้องแลกด้วยการหลั่งรินโลหิต ทว่าตอนนี้กลับมีคนมายังสถานที่แห่งนี้ ทั้งยังเปิดปากอยากเจรจากับพวกเขา..
นี้หมายความว่าพวกเขาสูญสิ้นบารมีความน่าเกรงขามแล้วอย่างนั้นหรือ จึงถูกมองว่า ‘เข้าหาได้ง่าย’?
เขาไม่จำเปิดต้องพูดอะไรอีก สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนภายในหุบเหวก็พุ่งทะยานออกไปทันที ความภาคภูมิของแดนต้องห้ามไม่อาจท้าทายได้
จิตสังหารโพยพุ่งราวกับสายน้ำ พวกมันทะยานขึ้นมาจากหุบเหวลึก พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา พวกมันต่างแข็งแกร่งเป็นอย่างมา ล้วนอยู่ในขอบเขตสูงสุดขึ้นไป!
ตู้ม!
ตอนนั้นเอง พลันมีฝ่ามือขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า มือนั้นเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า เพียงพริบตาเดียวก็ตกใส่เหล่าร่างที่กำลังพุ่งขึ้นมา!
ผู้ลงมือคือตงฟางเวิ่น เขาสัมผัสได้ถึงขั้นเทียนตี้แล้ว กลายเป็นกึ่งเทียนตี้ ห่างไกลจนเหล่าขั้นสูงสุดไม่อาจเทียบได้
“ที่แห่งนี้ก็เป็นที่สุดท้ายแล้ว พวกเรามาเจรจากันอย่างสันติไม่ได้หรือ?”
ตงฟางเวิ่นถอนหายใจออกมา ตลอดทางที่ผ่านมา ไปเยี่ยมเยือนฐานที่มั่นของสิ่งมีชีวิตภายนอกที่แล้วที่เล่า ทุกแห่งล้วนไม่อาจจบได้ด้วยการเจรจาอย่างไม่ต้องลงมือ
อ่า ที่จริงมีสถานที่แห่งหนึ่งที่พวกเขาไม่ต้องลงมือ
เพราะที่แห่งนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่
ที่นั่นคือเส้นทางสังสารวัฏที่ดำรงอยู่มาข้ามผ่านยุคสมัยนับไม่ถ้วน สิ่งมีชีวิตที่ใกล้สิ้นอายุขัยและปราศจากความหวังหรือหนทางออกจะเลือกเข้าไปเสี่ยงโชคในเส้นทางแห่งสังสารวัฏ
มีข่าวลือว่ามันนำไปสู่การเกิดใหม่ ขอเพียงแค่สามารถผ่านเส้นทางแห่งสังสารวัฏไปได้ก็จะสามารถได้รับชีวิตใหม่อีกชาติ
เส้นทางสังสารวัฏเต็มไปด้วยความลึกลับ ตั้งแต่ปรากฏก็เป็นปริศนามาโดยตลอด ทว่าสถานการณ์ของเส้นทางสังสารวัฏก็ยังคงถูกบันทึกเอาไว้ในกองกำลังฮวงเฉวียน
ด้วยเหตุนี้ พวกตงฟางเวิ่นจึงสามารถล่วงรู้ได้ว่าเบื้องหลังของเส้นทางสังสารวัฏคือสิ่งใด พวกเขาจึงเลือกจะปิดผนึกเส้นทางสังสารวัฏเช่นเดียวกัน
ในตอนนั้นตงฟางเวิ่นยังกล่าวออกมาอีกด้วยว่า เส้นทางสังสารวัฏเต็มไปด้วยความลึกลับตั้งแต่ครั้งโบราณ เขาเองก็อยากรู้เป็นอย่างมากว่าสิ่งชีวิตของแดนสังสารวัฏเป็นเช่นไร
เขากล่าวว่าตนเองจะรับผิดชอบเส้นทางสังสารวัฏเอง หากมีสิ่งมีชีวิตจากแดนสังสารวัฏข้ามผ่านมาจนผนึกเกิดความเคลื่อนไหว เขาก็หวังว่าผู้เฒ่าเมิ่งจีจะแจ้งให้เขาทราบเป็นคนแรก เพื่อจะได้มาจัดการกับสิ่งมีชีวิตจากแดนสังสารวัฏด้วยตนเอง
ด้านผู้เฒ่าเมิ่งจีนั้นก็ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นก็ปิดทางออกจากภายนอกเส้นทางด้วยพู่กันที่คุณชายเป็นคนมอบให้เขา
“กระทั่งเทียนตี้ก็ยังไม่ใช่ แต่กลับกล้าที่จะมาที่นี่ด้วยความกำเริบเสิบสาน?”
ผู้เฒ่าอมตะเอ่ยเสียงเย็นชา ก่อนลอยขึ้นจากหุบเหวขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงลิบ ปรายตาลงมองพวกตงฟางเวิ่น
เขาสัมผัสได้ถึงพลังของตงฟางเวิ่น อีกฝ่ายยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นเทียนตี้เต็มขั้นดี ทำได้แต่สัมผัส เป็นเพียงกึ่งเทียนตี้คนหนึ่ง
สำหรับเขาแล้ว กึ่งเทียนตี้ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ เขามาถึงจุดสูงสุดของขั้นเทียนตี้นานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงขั้นกึ่งเทียนตี้เลย กระทั่งขั้นเทียนตี้เต็มขั้น เขายังสามารถสังหารได้ตามใจชอบ!
ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังตงฟางเวิ่น เขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไรแม้แต่น้อย เมิ่งจีและคนอื่น ๆ ต่างมีพลังต่ำกว่า ไม่ต้องกล่าวถึงขั้นเทียนตี้ กระทั่งขอบเขตจักรพรรดิยังไม่อาจเอื้อมถึง
“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร ในวันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจักต้องตาย ที่นี่ไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใดย่างกราย!”
น้ำเสียงของผู้เฒ่าอมตะเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง พลังอันน่าสะพรึงกลัวของระดับสูงสุดขั้นเทียนตี้ถูกปลดปล่อยออกมา เขายืนอยู่บนยอดเมฆอย่างองอาจ คิ้วสีขาวย่นเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับเป็นนายเหนือผู้ปกครองโลกหล้า
เขาย่ำเท้าลงเพียงก้าวเดียวด้วยความเฉยชาไม่แยแส กฎเกณฑ์พลันกระโดดโลดเต้นข้างกายของเขา สว่างไสวจนเกินจะเทียบ ฝีเท้าแต่ละก้าวหนักอึ้งราวกับขุนเขา
เขากำลังสำแดงพลังระดับสูงสุดของขั้นเทียนตี้ออกมา โชติช่วงเปล่งประกายเกินจะเปรียบ
ก่อนหน้านี้เขากล่าวไว้แล้วว่า นับตั้งแต่นี้อนาคตจะถูกปกคลุมไปด้วยความรุ่งโรจน์เปล่งประกาย จะไม่ยอมให้เกิดความหมองมัวขึ้นมาเป็นอันขาด!
การทุบตีและสบประมาทจากดาบมารสร้างความเสียหายให้กับเขารุนแรงเกินไป ความคิดมุมมองของเขาจึงเปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องแสดงออกเช่นนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ
น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้จุดจบของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องลงเอ่ยอย่างน่าเศร้า
พวกตงฟางเวิ่นนั้นไม่มีใครธรรมดา
ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง ทะเลเพลิงขนาดมหึมาก็ลุกไหม้โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เปลวเพลิงขยับไหวคล้ายกลายเป็นอสูรร้ายตัวหนึ่ง แผ่ตัวออกไปถึงปกคลุมยังบริเวณที่ผู้เฒ่าอมตะก้าวท้าวลงมาทันที
นี่เกิดจากเซวียเหวินลี่เรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา พลังของตุ๊กตาตัวนี้คือการควบคุมเปลวเพลิง
สีหน้าของผู้เฒ่าอมตะแปรเปลี่ยนไปทันที ริมฝีปากบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ถอยฝ่าเท้าออกไปด้วยความเร่งรีบ
นี่มันอะไรกัน? ทรงพลังเกินไปแล้ว!?
เขาได้กลิ่นไหม้จึงมองไปยังเท้าของตนเอง มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทั้งยังถูกเผาไหม้จนมีควันดำลอยออกมา
กระทั่งร่างกายของระดับสูงสุดขั้นเทียนตี้ยังไม่อาจทนได้อย่างนั้นหรือ? ตุ๊กตานั่นคือสิ่งใดกันแน่ เปลวไฟที่พ่นออกมาจึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้!
ภายในใจเขาอดตกใจกลัวขึ้นมาไม่ได้ สังหรณ์ว่าครั้งนี้เขาก็อาจเผชิญเคราะห์ร้ายอย่างหนัก!
“ถูกไฟเผาอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะโปรยฝนนิดหน่อยลงมาดับไฟให้”
ชุยช่านหัวเราะ เขาเองก็เรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา ตุ๊กตาจะอ้าปากพ่นม่านน้ำขึ้นฟ้า ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นมวลน้ำพุ่งตรงเข้าใส่ผู้เฒ่าอมตะ
ผู้เฒ่าอมตะไม่ทันได้ตอบสนอง มวลน้ำนั้นรวดเร็วจนเกินไป ประหนึ่งมองข้ามระยะทางพุ่งเข้าใส่เขาโดยตรง พริบตาที่สัมผัสเขาก็ไม่อาจควบคุมร่างของตนเองได้ ถูกมวลชนกระแทกจนตกลงไปในหุบเหว อีกทั้งยังทำให้หุบเหวไร้ก้นบึ้งถูกน้ำท่วม สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนรีบหนีออกมาจ้าละหวั่น!
นี่เรียกว่าฝนนิดหน่อย!?
ผู้เฒ่าอมตะสบถด่าในใจ เขาพุ่งออกมาจากน้ำด้วยสภาพไม่น่าดู ทั้งเปียกปอน อวัยวะภายในสั่นสะท้านอย่างแรงราวกับถูกกระแทกจนผสมเข้าด้วยกัน
การโจมตีของมวลน้ำสร้างความเสียหายให้เขามากเกินไป เขาบาดเจ็บหนักและอยู่ในสภาพย่ำแย่
“ฮ่าฮ่า เสื้อผ้าของเจ้าเปียกหมดแล้ว เช่นนั้นข้าจะช่วยทำให้แห้งเอง”
เด็กอีกคนอ้าปากหัวเราะ เผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงเป็นแถว เขาเองก็เรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ออกมา พลังของมันคือการควบคุมอสนีบาต
เปรี้ยง!
ทั่วท้องนภาเกิดเสียงฟ้าร้องอย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมาผู้เฒ่าอมตะก็ถูกสายฟ้าฟาดใส่จนด้านนอกไหม้เกรียม มีน้ำลายไหลออกมาจากปาก
ใช้สายฟ้ามาทำให้เสื้อผ้าของเขาแห้ง?
มุมปากของเขากระตุก นี่นับว่าเป็นการทำให้เสื้อผ้าแห้งอย่างนั้นหรือ? เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดแทบถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว!
“ขออภัย ดูเหมือนจะแรงเกินไป!”
เด็กคนนั้นแลบลิ้นออกมา
ตามด้วยเด็กอีกคนที่เปิดปากเอ่ยมาขณะจับจ้องไปทางผู้เฒ่าอมตะ “เมื่อครู่เจ้าคิดจะเหยียบพวกเราสินะ คิดโอ้อวดว่าเท้าของเจ้าใหญ่แค่ไหนหรือ? ไม่เป็นไร พวกเรามีเท้าที่ขนาดใหญ่กว่าเจ้า!”
เขาเรียกตุ๊กตาที่คุณชายมอบให้ ตุ๊กตาตัวนี้มีความสามารถในการปรับขนาดร่างกายตามต้องการ มันสามารถสูงเสียดฟ้า หรือกระทั่งเล็กกว่าเศษฝุ่นธุลีก็ได้
เมื่อตุ๊กตาตนนั้นเหยียบลงไป ก็ราวกับท้องฟ้ากดทับลงมา ใบหน้าของผู้เฒ่าอมตะเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำไม่น่าดูอย่างยิ่ง!
เขาพยายามต่อต้านอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ถูกฝ่าเท้านี้เหยียบย้ำลงไป อวัยวะภายในทั้งหมดแทบแหลกสลาย!
“นี่มันอะไรกัน! แดนบรรพโกลาหลยังไม่ได้ปรากฏออกมาเสียด้วยซ้ำ!”
เขาร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เหตุใดเขาจึงรู้สึกราวกับตัวเองไม่เข้าใจอะไรในอาณาจักรแห่งนี้เลย?
ก่อนหน้านี้ก็มีดาบมาร ตอนนี้ก็มีเด็กเหล่านี้ ทำไมแต่ละสิ่งล้วนน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง!?
หากแดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมาเรียบร้อยก็แล้วไปเถอะ แต่นี้ดินแดนบรรพโกลาหลยังไม่ทันปรากฏ เหตุใดอาณาจักรแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าหวาดกลัวมากมาย!
คำพูดก่อนหน้านี้ของเขาราวกับเรื่องไร้สาระ!
เขาเพิ่งจะกล่าวไปเองว่าจะรุ่งโรจน์เปล่งประกายชั่วนิรันดร์ ไม่มีวันต้องมาทนรับความอัปยศอดสู่แม้แต่น้อย ยังไม่ทันจะพูดจบดี เขาก็ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช โดนเล่นงานจนปางตายจากเหล่าเด็กน้อย!
“ข้าน่าเวทนาเกินไปแล้ว!”
ใบหน้าชราเต็มไปด้วยน้ำตา วันนี้เขาเพิ่งจากออกจากเงาในจิตใจเดิมได้ เพิ่งจะสามารถรวบรวมจิตใจกลับมาให้มั่นคง แต่เพียงช่วงครู่ต่อมา เขาก็ถูกทุบตีอย่างหนัก
เหตุใดกัน หรือว่าสวรรค์จะไม่ชอบเขา จึงต้องการให้เขาไม่อาจโผล่หัวขึ้นมาได้ตลอดกาล!
เขาเศร้าโศกและทุกข์ทนเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเมิ่งจีก็เริ่มลงมือ ใช้พู่กันเพื่อนำเอาสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ มาปิดผนึกเส้นทางเชื่อมไปยังภายนอกอาณาจักรของสถานที่แห่งนี้
แน่นอนว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ล้วนเป็นของผู้เฒ่าอมตะ
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็จากไป ในตอนนี้เส้นทางที่เชื่อมกับภายนอกอาณาจักรทั้งหมดถูกพวกเขาปิดผนึกไปแล้ว หากสิ่งมีชีวิตภายนอกต้องการจะเข้ามา เมิ่งจีจะสามารถรับรู้ได้ในทันที
…
ภายนอกอาณาจักร
เรือโบราณขนาดใหญ่ลำหนึ่งแล่นผ่านความว่างเปล่า ตัวเรือล้อมรอบด้วยแสงสว่างไสว สุกสกาวท่ามกลางจักรวาลหมื่นดาราอันเต็มไปด้วยความมืดมิดและเหน็บหนาว
“เหตุจึงได้รับการซ่อมแซมแล้ว? เกิดอันใดขึ้นกับเหลิงเจี้ยนที่เข้าไปด้านในแล้ว!?”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีรูปร่างกำยำ ผมยาวสีดำ และแววตาน่าหวาดเกรงเอ่ยรำพึงกับตนเอง
เขาไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาคือผู้นำของอาณาจักรเทียนหยวน!
ในตอนนี้ เขาได้นำสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งทั้งหมดของอาณาจักรเทียนหยวนมาถึงแล้ว