เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 562 แค้นหนักต้องแก้แค้นโดยไม่ให้รู้ตัว (2)

ตอนที่ 562 แค้นหนักต้องแก้แค้นโดยไม่ให้รู้ตัว (2)

ปลายเดือนสิบเอ็ด ก็มีข่าวยกทัพกลับแคว้นพร้อมกับชัยชนะ

มั่วเชียนเสวี่ยก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพอตระกูลซูกับแดนตะวันตกร่วมมือกันจะจัดการหนานหลิงได้รวดเร็วเพียงนี้

ได้ยินว่าหลูเจิ้งหยางกำลังถูกจับตัวกลับมา

ได้ยินว่าคนที่กลับมาด้วยกันกับกองทัพใหญ่ยังมีทูตที่ยอมจำนนของหนานหลิง และองค์หญิงที่หนานหลิงเสนอให้แต่งงานเพื่อสงบศึกด้วย

หิมะตกลงมาอีกครา เสื้อคลุมจิ้งจองของเยวี่ยเซี่ยก็ทำเสร็จสิ้น

หนิงเซ่าชิงมองเสื้อคลุมจิ้งจอกตัวนี้ แล้วมองหิมะขาวโพลนบนพื้นด้านนอก ก่อนจะใส่ลงกล่องไปพร้อมกับชุดสีชาดที่เลือกไว้ให้มั่วเชียนเสวี่ยแต่แรก แล้วให้คนเอาไปส่งที่จวนกั๋วกง

เนื่องจากกลับมาพร้อมชัยชนะ ภายในเมืองหลวงจึงมีผู้คนออกมายืนเรียงรายอยู่สองฟากฝั่งถนนเพื่อต้อนรับ

มั่วเชียนเสวี่ยคลุมเสื้อคลุมจิ้งจอกขาวที่หนิงเซ่าชิงให้คนส่งมาให้เอาไว้ นางยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

ซูชีกับชังมู่นั่งอยู่บนม้าตัวสูงใหญ่ ด้านหลังเป็นขบวนทหารเดินตามมา พวกเขาเข้าเมืองกันอย่างองอาจผึ่งผาย

ซูชีที่อยู่ในชุดแม่ทัพตลอดร่างห่อหุ้มความเยาะเย้ยถากถางสังคมของเขาเอาไว้จนมิด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาเป็นความเย็นเยียบที่ทหารชาตินักรบที่ผ่านศึกสงครามมาแล้วเท่านั้นที่จะมีได้

ด้านหลังไม่ไกลกันนั้น มีรถนักโทษเคลื่อนตามมา

หิมะตกหนักในวันนี้เหน็บหนาวเย็นยะเยือก คนในรถนักโทษสวมเสื้อผ้าชั้นเดียว ขดตัวอยู่ในมุมรถ

ผมเผ้าเขายุ่งเหยิง ปิดบังใบหน้าไปครึ่งซีก ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยก็ยังคงจำได้จากเสื้อผ้าสีกรมชั้นเดียวและริมฝีปากที่เบ้คว่ำของเขาว่าคนผู้นี้คือหลูเจิ้งหยาง

สตรีสองฟากฝั่งถนนที่ออกมาต้อนรับต่างโยนกระเป๋าเล็กๆ ที่พกติดตัวและดอกไม้ให้ซูชีกับชังมู่

แต่กลับโยนเศษผักและไข่ไก่ใส่รถนักโทษ

ปวงชนต่างไม่ใช่คนที่มีวรยุทธ์ จะโยนไม่แม่นก็ไม่แปลก ดังนั้นไข่ไก่มากมายกระแทกโดนโครงไม้ก็แตกทันที

ทว่า แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ใดๆ ทั้งสิ้น

ไข่ขาวกับไข่แดงพวกนั้นหยดติ๋งๆ ลงด้านล่าง ซึ่งเป็นบนตัวของหลูเจิ้งหยาง เขาจึงมีสภาพอเนจอนาถยิ่ง

ตามพิธีการแล้ว กองทัพใหญ่คว้าชัยกลับมา ฮ่องเต้ต้องจัดงานเลี้ยงใหญ่ในวังหลวง และเชิญทหารน้อยใหญ่ในกองทัพที่มีคุณูปการมาเพื่อเป็นการขอบคุณ

ซูชีกลับปฏิเสธงานเลี้ยงฉลองไป หลังจากลงชื่อเข้างานในวังแล้ว ก็จับกุมหลูเจิ้งหยางมายังจวนกั๋วกง

มั่วเชียนเสวี่ยฟังผู้ดูแลมั่วรายงานอย่างปรีดา ซ้ำอารมณ์ก็ดีขึ้นพรวดพราด

ซูชีจับหลูเจิ้งหยางขังกับมือ นางก็สามารถล้างแค้นให้บิดาแท้ๆ ฆ่าไอ้สารเลวนี้ด้วยมือตัวเองได้แล้ว

นางให้สืออู่รีบไปรายงาน พลางขอให้ซูชีจับหลูเจิ้งหยางไปไว้ในลานต่อสู้อันกว้างขวาง ส่วนตัวเองเก็บกวาดเล็กน้อย ก่อนจะรีบตามไปที่ลานต่อสู้

เมื่อซูชีนำรถนักโทษมาถึง มั่วเชียนเสวี่ยก็รออยู่ในลานต่อสู้แล้ว

ในความทรงจำของซูชีนั้น มั่วเชียนเสวี่ยไม่ค่อยสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นนอกจากสีฟ้า เสื้อคลุมสีขาวที่ใส่วันนี้กลับสวมสีแดงไว้ด้านในตลอดร่าง

เดิมเขาคิดว่านางแค่เหมาะกับสีฟ้าซีดๆ แบบนั้น ในความงดงามและสุภาพมีความหยิ่งทระนงแฝงอยู่

คิดไม่ถึงว่าสีแดงเพลิงเร่าร้อนนี้จะยิ่งขับให้นางดูเปราะบางน่ารื่นรมย์

ชายกระโปรงยาวสีแดงสดฝังหินจันทราแวววาวเอาไว้ ราวกับดวงดาวพราวพร่างแสง

ชายกระโปรงที่ขาวราวหิมะวิบวับกับอาภรณ์สีชาดขับให้คนงามยิ่งจับตา งดงามดุจหยก

ซูชีดวงตาเป็นประกาย

บรรยากาศดุร้ายและความเย็นเยียบที่แผ่ออกมาจากร่างเพราะสวมชุดนักรบจางลงไม่น้อย สีหน้าอ่อนโยนขึ้นอย่างชัดเจน

“ข้าพาตัวหลูเจิ้งหยางมาแล้ว…”

บรรดาเจ้านายจะคุยกัน ไม่เพียงแต่ซูชีและทหารสองนายที่ขับรถนักโทษมาที่พากันถอยออกไปเงียบๆ เท่านั้น

สืออู่กับผู้ดูแลที่นำทางอยู่ข้างๆ ก็พากันถอยไปนอกป่าเช่นกัน

มั่วเชียนเสวี่ยมองเลยซูชีไปยังรถนักโทษด้านหลังเขา

ศัตรูคู่แค้นที่อยู่เบื้องหลังได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ขอแค่นางขยับนิ้ว…

แค้นของบิดาก็จะได้ชำระ!

น้ำใจนี้ใหญ่หลวงและหนักอึ้งนัก

มั่วเชียนเสวี่ยค่อนข้างซาบซึ้ง แต่ก็รู้สึกกดดันมากเช่นกัน

นางจะทำอย่างไรจึงจะตอบแทนน้ำใจใหญ่หลวงเช่นนี้ได้

หลูเจิ้งหยางทั่วร่างมีแต่ไข่แดงไข่ขาวเต็มตัว สกปรกยิ่งนัก

เขาหลับตาลง ขดตัวอยู่ในมุมนิ่งงันไม่ขยับไหวคล้ายตายไปแล้ว

หากไม่ใช่เพราะอากาศหนาวเหน็บเกินไป และลมหายใจเขาหนักอึ้งมาก สามารถเห็นไออากาศตรงจมูกเขาได้จางๆ เลยทีเดียว มั่วเชียนเสวี่ยคงได้นึกว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ

เผชิญหน้ากับคนใกล้ตายเช่นนี้ ความกระหายอยากจะฆ่าของมั่วเชียนเสวี่ยพลันมลายไปสิ้น

ให้ฆ่ามดไร้บ้านให้กลับเช่นนี้นางกลับหมดสนุก

มั่วเชียนเสวี่ยดึงสายตากลับมา

คนในกรงขังกลับลืมตาโพรงขึ้น

ดวงหน้าทะมึน แววตาเคียดแค้งชิงชังเย็นยะเยือกดุจงูพิษ

“มั่วเชียนเสวี่ย เป็นนังแพศยาหลายใจอย่างเจ้าจริงๆ ด้วย! เก่งจริงๆ! เจ้าไม่เพียงแต่ยั่วหนิงเซ่าชิงให้ตายใจ ยังยั่วซูชีเสียจนจิตใจหลงใหลจนหมด ยินดีเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้า…”

หลูเจิ้งหยางเหน็บแนมไม่หยุด

ทว่าเขายังไม่ทันด่าให้สาแก่ใจ ซูชีก็โบกพัดเหล็กในมือ นึกไม่ถึงว่ารถนักโทษนั่นจะถูกผ่าครึ่ง

“หลูเจิ้งหยาง เจ้าจะตายอยู่รอมร่อแล้วยังกล้าพูดเพ้อเจ้ออีก”

ซูชีตวาดใส่หลูเจิ้งหยางเสร็จก็หันมามองมั่วเชียนเสวี่ย “เชียนเสวี่ย รีบลงมือเถิด เดี๋ยวไอ้ระยำนี่มันจะกล่าววาจาสกปรกใส่เจ้าอีก…”

หลูเจิ้งหยางล้มออกจากกรงขัง แต่กลับหลบไม่พ้น จู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นเสียงดังไปทั่วทุกสารทิศว่า “หนิงเซ่าชิง ซูชีสวมหมวก…”

เขานอนจำศีลอยู่ในเทียนฉีมานานหลายปี จึงรู้เรื่องในจวนกั๋วกงเป็นอย่างดี

จากการจัดการเรื่องราวของหนิงเซ่าชิงนั้น ภายในรัศมีรอบตัวมั่วเชียนเสวี่ยสามร้อยเมตรต้องมีองครักษ์ลับซ่อนอยู่แน่

ในเมื่อเขาลำบาก คนอื่นมันก็ต้องลำบากด้วย!

คนหนึ่งเป็นคนที่เขาริษยาที่สุดในชีวิต คนหนึ่งเป็นคนที่จับตัวเขา ล้วนเป็นคนที่เขาแค้นเข้ากระดูกทั้งสิ้น และเป็นแกนนำหลักของเทียนฉีด้วย

หากทั้งคู่ต่อสู้กัน…ทั้งสองตระกูลก็จะแตกหักกัน…

ละครฉากนี้ต้องยอดเยี่ยมมากแน่!

หลูเจิ้งหยางยังไม่ทันเอ่ยจบ รอยยิ้มทะมึนบนสีหน้ายังไม่ทันเบ่งบานเต็มที่ กำลังจากฝ่ามือของซูชีก็มาถึง

กำลังจากฝ่ามือแหวกอากาศฟาดใส่หลูเจิ้งหยาง

หลูเจิ้งหยางกระเด็นลอยขึ้น ราวกับว่าวที่เชือกขาด เขาตกลงไปริมรั้ว ก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บภายในหนักไม่น้อย

หลูเจิ้งหยางที่กำลังภายในทั่วร่างเสียหายหมดเกลี้ยงแม้แต่หายใจยังไม่สม่ำเสมอ ฟุบกับพื้นหอบหายใจหนักราวกับสุนัข

แม้ว่าคำพูดของหลูเจิ้งหยางจะสกปรก แต่มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้สติขึ้นมา

นางส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเห็นหลูเจิ้งหยางเป็นแบบนี้แล้ว อวิ๋นเหยาจะคิดอย่างไร

จะแค้นหรือจะสงสาร…

หากวันนี้นางจัดการหลูเจิ้งหยางเป็นการส่วนตัว รับน้ำใจจากซูชีไว้ แล้วให้คำพูดของหลูเจิ้งหยางลอยเข้าหูหนิงเซ่าชิง ลอยเข้าหูตระกูลหนิง ลอยเข้าหูฝ่าบาท…

เกรงว่าจะเป็นก้อนหินก้อนเดียวสร้างคลื่นได้พันระลอก

เรื่องความหึงหวงของหนิงเซ่าชิงยังไม่ต้องพูดถึง อันตรายจากหนานหลิงได้จัดการสิ้นแล้ว ฝ่าบาทคงได้ยื่นมือมายุ่งอีกครา

ที่สำคัญกว่านั้นคือหากนางรับน้ำใจวันนี้เอาไว้ ข่าวลือไม่น่าฟังแพร่สะพัดออกไป เกรงว่าคงจะได้พัวพันกับซูชีจริงๆ แน่

มั่วเชียนเสวี่ยจัดการความคิดและอารมณ์เรียบร้อย ความพลุ่งพล่านบนสีหน้าก็เริ่มแข็งทื่อ

เมื่อนางมองไปยังซูชีอีกครา มันก็แข็งทื่อไปหมดแล้ว

“หลูเจิ้งหยางเป็นนักโทษร้ายแรงของเทียนฉี ตามหลักการแล้วควรให้ฝ่าบาทออกคำสั่งจัดการ ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนกั๋วกงของข้า คุณชายซูมาผิดที่แล้วกระมัง”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท