รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 571 แดนมรณาและนครพิศวงต่างหาก คือภัยร้ายอย่างแท้จริง!

บทที่ 571 แดนมรณาและนครพิศวงต่างหาก คือภัยร้ายอย่างแท้จริง!

บทที่ 571 แดนมรณาและนครพิศวงต่างหาก คือภัยร้ายอย่างแท้จริง!

คลื่นพลังสยดสยองน่ากลัวซัดสาดออกจากส่วนลึก ทั้งยังมี ‘สิ่งของ’ มากมายเหินออกมา สิ่งเหล่านั้นคล้ายว่าจะเป็น…เศษซากร่างกาย!

“เศษซากร่างกายจริงด้วย!”

หลิงอินแน่ใจได้หลังจากได้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งหมดล้วนเป็นเศษซากร่างกายกึ่งเปื่อย บ้างเป็นของเผ่ามนุษย์ บ้างเป็นของเผ่าอสูร บ้างยังมีเลือดหลั่งรินอยู่ด้วยซ้ำ น่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด

เศษซากร่างกายเหล่านี้เคลื่อนไหวได้ว่องไวยิ่งนัก แทบจะเหินมาถึงด้านบูรพาจารย์ทั้งหลายในพริบตา

จากนั้น ภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งขึ้นปรากฏ บูรพาจารย์ทั้งหลายทยอยต่อร่างเข้ากับเศษซากร่างกายเหล่านั้น พลังปราณแต่ละคนพุ่งพรวดขึ้นมาในทันใด

“ฆ่า!”

จิตสังหารพวกเขาท่วมท้นนภา สำแดงวิชามหาพิฆาตอีกครั้ง พลังอันน่ากลัวถาโถมฟ้าดิน เสียงระเบิดดังไม่หยุดหย่อน ทั้งทะเลต้องห้ามระเหยภายใต้พลังน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ ไม่เหลือน้ำทะเลแม้แต่หยดเดียว!

เศษซากร่างกายเหล่านี้ล้วนมีประวัติไม่ธรรมดา เจ้านายในอดีตสยดสยองเหลือแสน ก้าวพ้นขั้นเทียนตี้กันแล้วทั้งสิ้น ต่อมา จบชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุ บ้างเพราะเข้าร่วมสงครามใหญ่

พวกเขาทุ่มทุนทุ่มแรงไปมหาศาล จ่ายราคาไปสูงลิ่วกว่าจะได้มาซึ่งเศษซากร่างกายเหล่านี้

ทว่าพวกเขามิกล้าเข้าประสานร่างโดยตรง

แม้ว่าการประสานร่างพวกเขาเข้ากับเศษซากร่างกายเหล่านี้ จักเพิ่มพูนพลังพวกเขาอีกมหาศาล แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับแรงพิโรธจากอาณาจักรต่าง ๆ

เพราะเจ้าของเศษซากร่างกายเหล่านี้ล้วนมาจากอาณาจักรที่ทรงพลังทัดเทียมพวกเขา เป็นสิ่งที่พวกเขาลักขโมยมา จึงมิกล้าเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้

พวกเขาขนย้ายเศษซากร่างกายเหล่านี้มายังอาณาจักรนี้ ฝังลงในส่วนลึกของทะเลต้องห้าม ก็เพื่อใช้ในยามคับขันคราวศึกแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหล

แดนบรรพโกลาหลเหลือร้ายเกินไป เพื่อการนี้ พวกเขายินดีแบกรับโทสะจากอาณาจักรต่าง ๆ เศษซากร่างกายเหล่านี้คือไพ่ตายก้นหีบของพวกเขา

อนิจจา พวกเขามาพบกับหลิงอินเข้า จึงจำต้องใช้เศษซากร่างกายเหล่านี้ และทันทีที่เศษซากร่างกายเหล่านี้ประสานเป็นร่างเดียวกับพวกเขา ก็ไม่อาจแยกออกไปได้อีก

ภายหน้า พวกเขาจำต้องหลบซ่อนมิเผยตัว กล้าออกสู่โลกก็ต่อเมื่อแดนบรรพโกลาหลปรากฏ มิฉะนั้น อาณาจักรทั้งหลายย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

หลิงอินค้อมกายดึงคัน ยิงศรออกไปอีกหลายดอก พลานุภาพแกร่งกล้ายิ่งกว่าศรอาบแสงที่ยิงออกไปก่อนหน้านี้ ทว่า หนนี้กลับไม่อาจแผ้วพานบูรพาจารย์เหล่านั้นได้ ถูกบูรพาจารย์เหล่านั้นตวัดร่วงหล่นลงพื้น

“ไล่ต้อนจนเราต้องใช้ไพ่ตายก้นหีบ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจรอดกลับไปได้!”

“ความผิดของเจ้ามหันต์นัก!”

บูรพาจารย์ทั้งหลายสุ้มเสียงเย็นยะเยือก ราคาในการใช้เศษซากร่างกายเหล่านี้ใหญ่หลวงนัก หากไม่ปลิดชีพหลิงอิน ณ ที่นี้ ยากจะคลายความแค้นในใจพวกเขา

พวกเขาเปล่งพลัง กำลังเหนือชั้นกว่าก่อนหน้ามากนัก นี่คือร่างของสิ่งมีชีวิตยอดฝีมือที่พวกเขาค้นพบจากเส้นทางที่ก้าวข้ามขั้นเทียนตี้ออกไป และทำการผสานปะติดปะต่อ

“พวกเจ้า…คิดเยอะไปแล้ว!”

สีหน้าหลิงอินเย็นชา นอกจากเศษซากร่างกายคณานับที่เหินออกจากส่วนลึกเกินความคาดหมายของนางแล้ว หลังจากนั้น มิได้มีเรื่องใดสั่นคลอนอารมณ์นางมากนัก

ฝีมือของนางยังมิได้รีดเร้นถึงขีดสุด…

อานุภาพของฉินเฟิ่งหมิง อานุภาพของคันศรวิเศษ อานุภาพของร่างระเบียบ ล้วนยังไม่ถึงขีดสุด

ยามนี้ นางมิได้ยั้งมืออีกต่อไป เร่งพลานุภาพแห่งฉินเฟิ่งหมิง คันศรวิเศษ และร่างระเบียบถึงขีดสุด!

ร่างกายของนางเปล่งแสงเจิดจ้าทั้งตัว จรัสแยงตาเสียยิ่งกว่าสุริยัน พลังปราณของนางท่วมท้นดุจมหาสมุทร สยดสยองชวนผวา!

นางค้อมกายดึงคัน พลังเหนือจินตนาการหลอมรวม เสียงระเบิดดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน แสงอาบศรไม่ทันได้ก่อรูปก่อร่าง ก็ทำให้บูรพาจารย์ทั้งหลายสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ อกสั่นขวัญแขวนถึงที่สุด!

“ไม่!”

“อย่าฆ่าพวกเรา!”

บูรพาจารย์ทั้งหลายร้องเสียงหลง หวาดผวาเหลือแสน พวกเขาไม่กังขาเลยว่ายามศรอาบแสงเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์แล้วยิงมาหาพวกเขาเมื่อใด พวกเขาไม่มีทางสกัดกั้นได้แน่!

น่าขัน ลำพังหลิงอินดึงคันก็น่าหวาดผวาพอแล้วสำหรับพวกเขา จิตใจพลันรู้สึกมิอาจต้านทาน หากศรอาบแสงยิงเข้ามาจริง ๆ พวกเขาไฉนเลยจะต้านอยู่!?

เป็นไปไม่ได้เลย!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

หลิงอินมิได้ยั้งมือ นางรู้ดีว่าเบื้องหลังแดนต้องห้ามเหล่านี้อำมหิตชั่วร้ายปานใด ไม่ต้องเอ่ยถึงการเข่นฆ่าที่แดนต้องห้ามเหล่านี้ก่อในอาณาจักรอื่น ลำพังการเข่นฆ่าที่แดนต้องห้ามเหล่านี้ก่อในอาณาจักรนี้ นางก็ไม่มีทางปล่อยสิ่งมีชีวิตในแดนต้องห้ามเหล่านี้ไป

เลือดสาดกระเซ็น ทั้งเนื้อกายและวิญญาณต่างระเบิดแหลกลาญ​ พลังจากศรอาบแสงนั้นมิอาจต้าน บูรพาจารย์ทั้งหลายถูกปลิดชีพในพริบตา!

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ย่อมยากจะให้ผู้ใดเชื่อ

พลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ กลับถูกสังหารอย่างง่ายดาย น่ากลัว น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

รู้หรือไม่ กำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้สังหารได้ยากยิ่ง ต่อให้บาดเจ็บหนักหนาเพียงใด ต่อให้เนื้อกายและวิญญาณมลายทั้งคู่ ก็มีโอกาสคืนชีพกลับมาอีกครั้ง

แต่เมื่อเผชิญกับหลิงอิน เหล่าบูรพาจารย์กลับถูกลบล้างอย่างสิ้นเชิง ยากจะเชื่อได้ลง

หลิงอินมิได้ยั้งมือ นางค้อมกายดึงคันอีกครั้ง ยิงศรหนึ่งออกไป พลังสยดสยองท่วมท้นนภา สมาชิกทะเลต้องห้ามที่เหลือถูกนางปลิดชีพไปจนสิ้น

ส่วนเส้นทางนั้น นางมิได้ทำลาย ทันทีที่ทำลายเส้นทางนี้ พลังที่คอยคุ้มครองอาณาจักรแห่งนี้จักพร่องลงไป มิอาจป้องกันได้อีก

“แดนมรณาเบื้องหลังอาณาจักรเทียนหยวนต่างหากคือภัยร้าย!”

นางหรี่ตาลง รับรู้ถึงการมีอยู่ของแดนมรณาแล้วเช่นกัน เมิ่งจีเล่าทุกอย่างให้นางฟัง

แดนมรณาน่ากลัวถึงขีดสุด ซ้ำยังมีเป้าหมายใหญ่หลวง เทียบกับอาณาจักรต้องห้ามเหล่านี้ อันตรายกว่ามากนัก

นางรู้สึกด้วยซ้ำว่าแดนมรณามีพลังเหนือเซียน!

อาณาจักรเทียนหยวนตั้งใจล้างบางสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นทั้งหมดในอาณาจักรนี้ หมายจะให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้หลั่งโลหิตไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

แดนมรณาต้องการสิ่งใดกันแน่!?

“ไหนจะนครพิศวงนั่นอีก!”

หลิงอินหวนนึกถึงนครพิศวงที่จองจำพี่ชายเสี่ยวหยาขึ้นมาอีกครั้ง

นางจำได้ดี เจ้าหลวงแห่งนครพิศวงกล่าวไว้ว่า สักวันหนึ่ง ความพิศวงจักคลี่แผ่ปกคลุมอาณาจักรทั้งปวง ทุกตารางนิ้วในจักรวาล แม้กระทั่งภพเซียนก็หนีไม่พ้น ย่อมเสื่อมโทรมจมปลักกันถ้วนหน้า!

ความพิศวงที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่!?

แม้กระทั่งภพเซียนยังสู้มิไหวหรือ

นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อนาคตไม่มีทางสงบแน่ คงได้กลายเป็นกลียุคอย่างสมบูรณ์

และทุกเหตุการณ์ในยามนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่นับเป็นปัญหาด้วยซ้ำ!

‘เพราะนี่คือกลียุค คุณชายถึงจุติมายังใต้หล้านี้หรือ’

นางคิดในใจ รู้สึกว่าการปรากฏตัวของคุณชายอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้

“ไม่ว่าอนาคตโกลาหลเพียงใด ข้าก็จะติดตามอยู่ข้างคุณชายตลอดไป!”

นัยน์ตาของนางวาวโรจน์ น้ำเสียงแน่วแน่ นางขอติดตามข้างกายคุณชาย รับบัญชาคุณชายไปตลอด

สุดท้าย นางเดินทางออกจากที่แห่งนี้ มุ่งหน้าไปช่วยหนุนเส้นทางอื่น

“ด้านม่อเยวียนเริ่มมีสุ้มเสียงแล้ว…”

เมิ่งจีมิได้ลังเล รีบนำศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อลั่วสุ่ยทันที นี่คือศาสตราสื่อสารที่หลิงอินมอบให้เขา สามารถติดต่อลั่วสุ่ยได้โดยตรง

จอบเซียนรับผิดชอบเส้นทางด้านม่อเยวียน เขาติดต่อลั่วสุ่ย ให้ลั่วสุ่ยแจ้งข่าวจอบเซียน

“ได้เลย!”

อีกด้าน หลังลั่วสุ่ยได้รับรายงานจากเมิ่งจี ก็รีบส่งข่าวให้จอบเซียน จากนั้น จอบเซียนเคลื่อนไหว รุดหน้าไปยังที่ตั้งม่อเยวียน

เมืองหนึ่งในดินแดนฮวง

ม่อเยวียน

“ดาบมาร รอคุกเข่าเรียกพ่อทูนหัวได้เลย!”

ผู้เฒ่าอมตะหัวเราะร่วน อย่าให้พูดเลยว่าสดชื่นปีติปานใด กองกำลังจากอาณาจักรม่อเยวียนใกล้มาถึงแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะทลายผนึกเข้ามาแล้ว

ถึงคราวนั้น มียอดฝีมือจากอาณาจักรม่อเยวียนคอยช่วย เขาย่อมกำราบดาบมารได้แน่!

“ลูกหมาเอ๋ยลูกหมา คราวนี้ ข้าจักเปลี่ยนเจ้าให้เป็นลูกหมาแน่!”

เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น ความชิงชังที่มีต่อมีดมารอยู่เหนือทุกสิ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้ เขาถูกตงฟางเวิ่นและเด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสามสี่คนปั่นหัวกำราบ เขายังไม่เจ็บใจเท่านี้ ความแค้นที่เขามีต่อดาบมารฝังกระดูกดำไปแล้ว!

อีกด้าน จอบเซียนซึ่งกำลังเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดจามอยู่หลายครา

“คงมิใช่ว่าตาเฒ่าอมตะนั่นสาปแช่งข้าอยู่กระมัง!?”

มันเอ่ยเสียงไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าตาเฒ่าอมตะนั่นกำลังด่ามันอยู่แน่

มันโมโหมาก จึงเร่งความเร็วขึ้นไปในบัดดล!

“ตาแก่น่าตาย รอก่อนเถิด!” มันสบถก่นด่า

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท