บทที่ 573 หากเปิดเผยวีรกรรมทั้งหมด คงได้สะเทือนเลือนลั่นเป็นแน่!
ผู้เฒ่าอมตะตวาดเสียงเย็นไม่หยุด มั่นใจในตัวเหล่าบูรพาจารย์อย่างยิ่งยวด เขาไร้ซึ่งความยำเกรง ประกาศกร้าวว่าจะหลอมจอบเซียนเป็นไม้กวนอุจจาระไม้หนึ่ง
“ใช่แล้ว! ชะตากรรมของเจ้าคือกลายเป็นไม้กวนอุจจาระ!”
“ลุย!”
เหล่าบูรพาจารย์ลงมือทันที พลังสยดสยองปะทุออกมาไม่หยุดหย่อน พวกเขาสำแดงสุดยอดวิชาออกมามากมาย ดุดันน่ากลัวเป็นที่สุด ฟ้าดินต่างสั่นคลอนรุนแรง คลื่นพลังชวนผวาซัดสาด
“พูดเหลวไหลกระไรอยู่!”
จอบเซียนลงมือ มิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย ตัวของมันมีประกายเจิดจ้าส่องสะท้อนอยู่ทั่ว ราวกับกลายเป็นเซียนแล้วจริง ๆ คลื่นพลังพิเศษแผ่ขยาย แยงตาเกินไปจนไม่อาจจ้องมองตรง ๆ!
มันไม่กักเก็บพลังอีกต่อไป เปล่งพลังปราณออกมาเต็มกำลัง สะท้านปฐพี แฝงไว้ด้วยความยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!
“ปราณ…นิรันดร์!”
“เป็นจอบเซียนจริง ๆ หรือ!”
เหล่าบูรพาจารย์สีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ พวกเขาสัมผัสถึงพลังปราณอันเป็นนิรันดร์ จนแทบไม่อาจเชื่อได้เลยว่าเหตุใดถึงมีอาวุธเซียนปรากฏออกมา?
ที่สำคัญ อาวุธเซียนก็อาวุธเซียนเถิด ผู้ใดเล่าจะฟุ่มเฟือยขนาดที่หลอมอาวุธเซียนเป็นจอบเล่มหนึ่ง
ประกายเซียนเจิดจ้าทิ่มแทง ทาบทับลงธรณี จอบเซียนดุดันโหดเหี้ยม มิอาจต่อกรด้วยได้เลย บูรพาจารย์ตนแล้วตนเล่าหมดสภาพอยู่กับพื้นด้วยฝีมือของมัน กระอักเลือดไม่หยุด
ภาพนี้น่ากลัวเกินไป สิ่งมีชีวิตตนอื่นในอาณาจักรม่อเยวียนต่างมีสีหน้าตะลึงระคนประหลาดใจ!
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะได้เห็นอาวุธเซียนจริง ๆ!
และสิ่งที่เหนือความคาดหมายพวกเขายิ่งขึ้นคือ อาวุธเซียนที่พวกเขาเห็นนั้นดันเป็น…จอบเล่มหนึ่ง!
พรวด พรวด พรวด!
โลหิตเศษเนื้อปลิวว่อน กระเด็นโดนหน้าผู้เฒ่าอมตะ เลือดเนื้อเหล่านี้ล้วนเป็นของบรรดาบูรพาจารย์ ผู้เฒ่าอมตะอึ้งงัน นิ่งค้างไม่ไหวติงราวกับแข็งเป็นหินไปแล้ว
จอบเล่มนี้คืออาวุธเซียนหรือนี่! แล้วจะให้สู้อย่างไรไหว!?
เขาสติแตก หรือเขาต้องถูกสะกดเข้าไปในหินจริง ๆ แล้วถูกโยนเข้าไปในบ่ออุจจาระ กลายเป็นหินพิทักษ์สุขา?
แม่เจ้า มิสู้ฆ่าเขาไปเสีย!
บูรพาจารย์ทั้งหลายไม่อาจต่อกรกับจอบเซียนได้เลย เป็นฝ่ายถูกจอบเซียนบดขยี้ ไม่ว่าเหล่าบูรพาจารย์เปล่งพลังอย่างไรก็ไม่ไหว แต่ละคนล้วนยับเยิน สภาพน่าสังเวชกันทั้งสิ้น!
พรวด!
จอบเซียนฟาดฟันลงมา ประกายเยือกเย็นชวนผวา บูรพาจารย์ท่านหนึ่งถูกจอบเซียนฟันแยกเป็นสองท่อน และมีพลังกล้าแกร่งสายหนึ่งบดขยี้วิญญาณของบูรพาจารย์ท่านนั้นจนแหลกเหลวในทันที บูรพาจารย์ท่านนั้นยังต่อสู้ได้ไม่นานนัก ก็ถูกจอบเซียนสังหารลงอย่างสิ้นเชิง!
ผู้เฒ่าอมตะสิ้นหวัง เขาสำนึกเสียใจเหลือคณา
หากรู้ว่าจอบเซียนน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้ ไยเขาต้องสบถก่นด่าจอบเซียน จนกลายเป็นเรียกเขามาด้วย!
หากไม่ก่นด่าจอบเซียน จอบเซียนก็คงไม่มา พวกเขาก็คงไม่อเนจอนาถเยี่ยงนี้!
ความจริง เขาคิดผิดมหันต์ จอบเซียนมิได้มาเพราะการนี้ ต่อให้เขาไม่ก่นด่าจอบเซียน จอบเซียนก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี
“ข้าไม่อยากกลายเป็นหินพิทักษ์สุขา!”
ผู้เฒ่าอมตะร้องลั่นด้วยความอาดูร สิ้นหวังอย่างแท้จริง บูรพาจารย์ท่านหนึ่งถูกจอบเซียนเข่นฆ่าง่าย ๆ เช่นนี้ เขาไฉนเลยจะยังเหลือความหวัง
ห่างชั้นกันมากเกินไป ฝ่ายพวกเขามิใช่คู่ต่อสู้ของจอบเซียนเลย ใช้เวลาเพียงไม่นาน บูรพาจารย์ที่เหลือต้องถูกจอบเซียนสังหารไปด้วยแน่
เขาไม่อยากตาย และยิ่งไม่อยากเป็นหินพิทักษ์สุขา เขาหมดสิ้นหนทาง รีดเร้นพลังในกาย หมายจะระเบิดตนเอง
เพราะเขารู้ดีว่า ดาบมารไม่มีทางยอมปล่อยเขา หากเขาไม่ฆ่าตัวตาย เขาย่อมต้องถูกดาบมารเปลี่ยนให้เป็นหินพิทักษ์สุขาแน่!
อนิจจา จอบเซียนสังเกตการณ์เขาอยู่ตลอด ไม่ให้โอกาสเขาได้ระเบิดตัวเองสักนิด
ทันทีที่เขาเริ่มรีดเร้นพลังในกาย ก็มีลำแสงลำหนึ่งจากจอบเซียนพุ่งเข้ามาที่ตัวเขา ขจัดพลังที่เขารีดเร้นมาได้จนสิ้น
“ขอร้องล่ะ ให้ข้าตายเถิด!”
เขาร่ำไห้วอนขอความเมตตา ไม่อยากกลายเป็นหินพิทักษ์สุขาจากใจจริง หากเป็นเช่นนั้น มิสู้ให้เขาตายไปเสียดีกว่า
“คิดอะไรอยู่!”
จอบเซียนยิ้มเย็น ไฉนเลยจะยอมให้ผู้เฒ่าอมตะสมปรารถนา มันเปล่งพลังอีกครั้ง พลังสยดสยองถาโถม ปลิดชีพบูรพาจารย์ทั้งหลายลงอย่างสิ้นเชิง
จากนั้น มันกระชากวิญญาณผู้เฒ่าอมตะออกมา ริดรอนพลังวิญญาณผู้เฒ่าอมตะ สะกดวิญญาณผู้เฒ่าอมตะเข้าไปในหินก้อนหนึ่ง
“วางใจเถิด ข้าจะหาสุขาอย่างดีให้เจ้า!”
จอบเซียนคลี่ยิ้มกว้าง
มันริดรอนพลังวิญญาณของผู้เฒ่าอมตะไปแล้ว วิญญาณของผู้เฒ่าอมตะจะค่อย ๆ สลายไปในกาลเวลา ตายตกอยู่ในบ่ออุจจาระ
สุดท้าย มันปลิดชีพสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรม่อเยวียนลงทั้งหมด แล้วไปจากที่แห่งนั้น
มันทำตามสัญญา หาสุขา ‘อย่างดี’ ให้กับผู้เฒ่าอมตะจริง ๆ ที่นั่นคือสุขาสาธารณะ ตั้งอยู่ในเมืองปุถุชนอันรุ่งเรือง ผู้คนที่สัญจรไปมานั้นไม่ขาดสาย
“อ๊าก!”
ผู้เฒ่าอมตะแทบคลั่ง เขาถูกโยนลงไปในบ่ออุจจาระ กลิ่นเหม็นเกินทน แต่ไม่ว่าเขาตะโกนคำรามอย่างไรก็ไร้ผล เสียงของเขาไม่อาจส่งออกไปนอกหิน
“เสพสุขกับชีวิตที่เหลือนี้ให้พอ”
จอบเซียนจากไปด้วยความพึงพอใจ
…
อีกด้าน เส้นทางต่าง ๆ ล้วนมีการเคลื่อนไหว กองกำลังจากอาณาจักรน่าประหวั่นพรั่นพรึงเหล่านี้ทยอยมาถึง
พวกเขาแข็งแกร่งมากจริง ๆ ผนึกในเส้นทางไม่อาจกีดขวางพวกเขาได้เลย พวกเขาทลายผนึกเส้นทางได้อย่างง่ายดาย เยื้องย่างออกจากเส้นทางทั้งหลาย
จากนั้น สงครามมากมายเปิดฉากในเส้นทาง
ลั่วสุ่ย มัจฉาสัตมายา และเต่าชราล้วนไปถึงที่หมาย สู้ศึกอย่างดุเดือด
เสี่ยวหยาและพี่ชายร่วมพิทักษ์เส้นทางเดียวกัน
ลำนำศึกชวนให้ฮึกเหิมเลือดร้อนบรรเลงโดยเสี่ยวหยา พี่ชายเสี่ยวหยาต่อสู้โชกเลือด สีหน้าเยียบเย็น พลังของเขาทวีคูณด้วยลำนำศึกตั้งไม่รู้กี่เท่า เขาหลอมดาบใหญ่ออกมาเล่มหนึ่งด้วยพลังนั้น ฟาดฟันเหล่าศัตรูจนสิ้น!
อีกฝ่ายมีกำลังรบเหนือเทียนตี้เช่นกัน อนิจจา ภายใต้เสียงฉินของเสี่ยวหยา กำลังรบเหนือเทียนตี้เหล่านั้นถูกย่อหย่อนรุนแรง กำลังรบด้อยลงไปอย่างยิ่งยวด
พรสวรรค์ด้านฉินของเสี่ยวหยาน่าทึ่งเหลือเกิน ภายหลังได้วิชาเพลงฉินทั้งหมดจากคุณชาย ความสำเร็จในวิถีแห่งฉินยิ่งพัฒนาพุ่งพรวด
แม้กระทั่งกำลังรบเหนือเทียนตี้ยังไม่อาจต้านทานบารมีแห่งเพลงฉิน ถูกกดพลังลงอย่างน่าอนาถ
พี่ชายเสี่ยวหยาลงมือด้วยความเด็ดขาด มิได้ละล้าละลังแม้แต่น้อย เขาเสมือนพลทหารมากประสบการณ์ ผ่านสงครามมาแล้วโชกโชน เอาชีวิตทุกกระบวนท่า ไม่ให้โอกาสศัตรูแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งกำลังรบเหนือเทียนตี้ยังตะลึงกับพี่ชายเสี่ยวหยา เขาเป็นใครกัน เสมือนถือกำเนิดเพื่อการเข่นฆ่าในใต้หล้า!
ในอดีต พี่ชายเสี่ยวหยาเคยถวายชีวิตรับใช้กองกำลังมืดแห่งหนึ่งอย่างยาวนาน ทุกวิชาที่เขาได้เรียนรู้ ล้วนเป็นวิชาพิฆาต ปราศจากลูกไม้แพรวพราว ทุกกระบวนท่าล้วนเพื่อเอาชีวิตศัตรูทั้งนั้น
โลหิตเศษเนื้อกระเด็นเปรอะเปื้อนทั้งตัวและใบหน้าของเขา กระนั้นเขาหาได้แยแสไม่ เย็นชาประดุจอาวุธฆ่าคน ปลิดชีพศัตรูคนแล้วคนเล่าด้วยดาบของเขา
ทว่าสายตาของเขาสดใสเกลี้ยงเกลา ไม่ได้รับผลกระทบจากการเข่นฆ่านี้เลยสักนิด
คุณชายมอบหนังสือให้เขามากมาย เปลี่ยนแปลงตัวเขาไปมหันต์ หากมิได้หนังสือเหล่านั้น หากเขามิได้ลิ้มรสประสบการณ์ ‘ชีวิต’ ในหนังสือครั้งแล้วครั้งเล่า เขาอาจไม่สามารถก้าวผ่านมาได้จริง ๆ คงถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ กลายเป็น ‘อาวุธ’ เข่นฆ่ากระหายเลือดอย่างแท้จริง!
การต่อสู้ในเส้นทางอื่นต่างดุเดือดเหลือแสนเช่นเดียวกัน และสิ่งมีชีวิตที่ก้าวออกจากเส้นทางล้วนแข็งแกร่งสยดสยอง มีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้อยู่
แต่พวกเขาไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญได้เลย ของวิเศษที่คุณชายประทานวิเศษอย่างยิ่ง แม้แต่กำลังรบเหนือเทียนตี้เหล่านั้นยังสู้มิได้ ถูกกำราบลงทั้งสิ้น!
และหากเรื่องเหล่านี้แพร่งพรายออกไป คงได้สะเทือนเลือนลั่น เป็นที่ตกตะลึงของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรทั้งปวง
อาณาจักรแต่ละแห่งที่ทรงพลังน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าอาณาจักรเก้าตอนบน กลับถูกปราบปรามสังหารอย่างง่ายดาย น่ากลัวเหลือเกิน!
ถึงอย่างไร ที่นี่ก็เป็นเพียงอาณาจักร ‘ชั้นล่าง’ กลับมีชัยเหนืออาณาจักรน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากมายเหล่านั้นได้ ทั้งยังกำจัดไม่เหลือซาก ผู้ใดเล่าจะคาดถึง!?
มิมีผู้ใดกล้าคิดเลย!
…
อีกด้าน ต้าเต๋อหามาก้อนหนึ่ง วางลงข้างหม้อใหญ่ที่เขาตั้งขึ้น
เขาเอนกายบนหิน ดื่มสุราไปพลาง เคาะหม้อด้วยตะหลิวไปพลาง
“เมื่อใดวิหคทองของข้าจะมาเสียที!” เขาบ่นพึมพำ
สิ่งมีชีวิตในสถานที่แห่งนี้ที่ถูกกำราบลง มิมีผู้ใดเข้าใจความหมายในวาจาของต้าเต๋อ
วิหคทองอันใด?
วิหคทองจากไหนกัน?
และตอนนั้นเอง ต้าเต๋อเด้งตัวขึ้นจากก้อนหิน
“มาแล้ว ๆ!”
เขาอ้าปากหัวเราะ น้ำลายแทบไหลย้อยลงพื้น
ด้านเส้นทางมีการเคลื่อนไหว ‘วิหคทอง’ ที่เขาเฝ้าถวิลหามาแล้ว!
“ตุ๋นน้ำแดง นึ่งสด หรือจะต้ม! ข้าคิดได้แล้ว อย่างละจานแล้วกัน!”
เขาเช็ดน้ำลายที่ไหลย้อยจากมุมปาก ดวงตาเล็ก ๆ เฝ้ามองเส้นทางอย่างมีความหวัง
วิหคทองเชียวนะ ต้องอร่อยมากแน่ ๆ!