บทที่ 581 หลี่จิ่วเต้า ‘อยู่กันอย่างสันติสุขมิได้หรือ?’
สายลมเย็นสบายพัดผ่าน ใบหน้าเด็กสาวเปรอะเปื้อนด้วยโลหิต นางจ้องคนเหล่านั้นเขม็ง แม้จะไม่เหลือเรี่ยวแรงแก้แค้น ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดอีก นางก็อยากรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร
“ตระกูลเฟ่ย”
ชายวัยกลางคนผู้มีหอกยาวในมือตอบ กระตุกหอกยาวเล็กน้อย “เจ้าเดินทางไปภพหน้าได้แล้ว”
เด็กสาวซ่างกวนอิ๋งสั่นสะท้านไปทั้งร่าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นตระกูลเฟ่ย!
ตระกูลเฟ่ย หนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน ตั้งตนตระหง่านอยู่บนระดับสูงสุดแห่งภพเซียน เสมือนสิ่งโอฬารในแดนดิน ไยจึงหมายหัวตระกูลซ่างกวนของนาง?
ตระกูลซ่างกวนไม่ติดอันดับในภพเซียนด้วยซ้ำ เทียบกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฟ่ยแล้ว ตระกูลซ่างกวนของนางต้อยต่ำราวมดปลวก…
นี่คือกองกำลังอำนาจที่ตระกูลซ่างกวนของนางไม่อาจแม้แต่จะแตะต้องด้วยซ้ำ!
หรือเป็นดั่งที่คนเหล่านี้ว่าจริง ทั้งหมดเกิดเพราะตระกูลซ่างกวนของนางอ่อนแอเกินไป?
ทว่าเหตุใดถึงเป็นตระกูลเฟ่ย
ภพเซียนอลหม่าน ศึกชิงทรัพยากรดุเดือด แต่ละฝ่ายล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต กระนั้นยังมีข้อยกเว้น
ตระกูลเฟ่ยคือข้อยกเว้นนั้น
ตระกูลเฟ่ยมักเกื้อกูลกองกำลังอื่น ส่งทรัพยากรเข้าสนับสนุน มีชื่อเสียงดีงามในภพเซียน ภพเซียนมีวาจากล่าวขานกันมาว่า หากมีกิจอันใด จงไปหาตระกูลเฟ่ย ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ พวกเขาจักคอยช่วยเหลือเสมอ
ตระกูลเปี่ยมคุณธรรมเยี่ยงนี้ ไฉนถึงกลายเป็นเพชฌฆาต ก่อการเข่นฆ่าขึ้นเสียเอง ฆ่าล้างทุกคนในตระกูลซ่างกวนของนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เฒ่าผู้น้อย!?
“ก่อนนั้นเป็นการเสแสร้งของพวกเจ้า บัดนี้ต่างหากคือโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ!?”
ซ่างกวนอิ๋งมองจ้องกลุ่มคนตรงหน้า ทั้งหมดในตระกูลเชียวนะ สมาชิกตระกูลซ่างกวนของนางหนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว ถูกกลุ่มคนตรงหน้านี้สังหารจนสิ้น โลหิตย้อมดินแดนตระกูลซ่างกวนจนแดงฉาน
“มิใช่การเสแสร้ง พวกเราเองก็หมดหนทาง ในอนาคต ภพเซียนจักเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเราไม่ลงมือ มหาตระกูลอื่นก็ต้องลงมืออยู่ดี”
สายตาชายวัยกลางคนทอประกายสงสารแวบหนึ่ง ทว่าไม่นานก็อันตรธาน “อย่าถือโทษพวกเราเลย พวกเราเพียงต้องการอยู่รอดต่อไปเท่านั้น!”
ซ่างกวนอิ๋งหัวใจเย็นวาบแล้วเย็นวาบอีก
ภพเซียนกำลังจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้วจริง ๆ หรือ แม้กระทั่งตระกูลเฟ่ยผู้เลื่องชื่อว่าเปี่ยมคุณธรรมยังกลายเป็นเช่นนี้ น่ากลัวว่าภพเซียนใกล้จะเป็นกลียุคแล้วจริง ๆ
เพราะเหตุใด?
เกิดอะไรกับภพเซียนกันแน่!?
อนิจจา ตระกูลของนางอ่อนแอเกินไป ไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งใด ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเกิดอะไรกับภพเซียน
กระทั่งก่อนหน้านี้ไม่แม้แต่จะตะหงิดด้วยซ้ำ
“เจ้าได้รู้เรื่องที่อยากรู้แล้ว ไปสู่ที่ชอบเสียเถิด!”
ชายวัยกลางคนผู้ขี่อยู่บนเสือยักษ์เนตรอินทนิลยกหอกยาวในมือขึ้นช้า ๆ ปลายหอกยังมีหยดเลือดไหลริน หอกยาวเล่มนี้สังหารสมาชิกตระกูลซ่างกวนไปไม่รู้เท่าไร
ชายวัยกลางคนที่เหลือข้าง ๆ ล้วนเป็นเช่นนั้น อาวุธเซียนในมือถูกย้อมเป็นสีแดง หยดเลือดหลั่งริน แม้ว่าตระกูลซ่างกวนนั้นด้อยพลัง กระนั้นในตระกูลก็มีถึงหลายพันคน และทั้งหมดนั้นจบชีวิตด้วยมือพวกเขา รวมถึงเด็กทารกแบเบาะยังไม่เว้น ถูกสังหารด้วยอาวุธเซียนของพวกเขาทั้งสิ้น
“เฮ้อ…”
เวลานั้น หลี่จิ่วเต้าเดินเข้ามา ถอนหายใจเสียงแผ่ว ผ่านมาพบเรื่องเช่นนี้ เขาไม่มีทางไม่เข้าไปยุ่ง เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ สถานที่วิเศษดั่งวิมานเยี่ยงนี้ ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้เช่นกัน
เขาฟังจนจับใจความได้แล้วว่า ตระกูลของซ่างกวนอิ๋งถูกชายวัยกลางคนเหล่านี้ฆ่าล้างจนสิ้น เหลือเพียงซ่างกวนอิ๋งที่หนีออกมาได้ ชายวัยกลางคนเหล่านี้จึงไล่ตามมาจนถึงที่นี่
อย่างที่คิด เรื่องราวในใต้หล้าไม่ควรมองเพียงเปลือกนอก
สถานที่วิเศษดั่งวิมานเช่นนี้ ควรไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ทุกคนควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขถึงจะถูก ทว่าความจริงกลับโหดร้ายโชกเลือด ที่นี่มิได้ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข อย่างน้อยในตอนนี้ เขาก็ได้พบเจอเหตุการณ์น่าโมโหเข้า
ทั้งตระกูลเชียวนะ ฆ่าล้างจนสิ้นกันง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ ชายวัยกลางคนเหล่านี้อำมหิตเกินไปแล้ว ไม่เห็นชีวิตผู้อื่นอยู่ในสายตาสักนิด
พวกเขาเป็นใครกันแน่!?
เหล่าชายวัยกลางคนได้ยินเสียงถอนหายใจของหลี่จิ่วเต้า ถึงรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้ามาปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาทอดสายตาไปที่ชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง นัยน์ตาหรี่ลงทั้งหมด
หลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวที่นี่โดยมิให้สุ้มเสียง ก่อนนี้พวกเขากลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เป็นผลให้พวกเขาตกตะลึงกันถ้วนหน้า
“เจ้าเป็นใคร”
ชายวัยกลางคนผู้มีหอกยาวในมือถาม สีหน้าเคร่งเครียด ผู้มาต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน มิฉะนั้น ไม่มีทางที่พวกเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
ชายวัยกลางคนที่เหลือต่างระวังตัวต่อหลี่จิ่วเต้าอย่างมาก ยกอาวุธเซียนในมือขึ้นมา
“คนไร้นาม”
หลี่จิ่วเต้าตอบเสียงเรียบ ไม่ยอมทิ้งชื่อเสียงเรียงนาม
เพราะไม่มีความจำเป็น
ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นแบบจำลอง แม้จะเสมือนจริงเหลือแสน ราวกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีชีวิตอยู่จริง ๆ มีความคิดและจิตสำนึกของตัวเอง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงของจำลองเท่านั้น
ฟึ่บ!
ชายวัยกลางคนชี้หอกยาวในมือมาที่หลี่จิ่วเต้า ตวาดลั่น “ตระกูลเฟ่ยกำลังปฏิบัติหน้าที่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องจงถอยห่างออกไปบัดเดี๋ยวนี้!”
ขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนที่เหลือก็ยกอาวุธเซียนขึ้น เล็งตรงไปที่หลี่จิ่วเต้า
แม้ว่าหลี่จิ่วเต้าดูลึกล้ำเกินหยั่งอยู่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากตระกูลเฟ่ย หนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน พวกเขาไม่มีทางกลัว และไม่มีทางขวัญเสียหนีอุตลุด พวกเขาเป็นตัวแทนศักดิ์ศรีของตระกูลเฟ่ย!
ซ่างกวนอิ๋งซึ่งนอนหมดสภาพอยู่กับพื้นหันมองหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาทอประกายความหวัง
เด็กหนุ่มผู้ดูมีอายุไม่ต่างจากนางมากนักจะช่วยนางได้จริงหรือ?
แต่ไม่นานนางก็ฝืนตัดความหวังตนเอง
ถึงแม้นางคาดหวังให้หลี่จิ่วเต้าช่วยนางไว้อย่างยิ่งยวด กระนั้นนางไม่ต้องการพาเขาลำบากไปด้วย
ตระกูลเฟ่ยเป็นถึงหนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน เป็นตระกูลโอฬารอย่างไม่ต้องสงสัย หากไปยุ่งกับพวกเขาเข้า ยากจะมีที่พักพิงในภพเซียนอีก ต้องถูกตระกูลเฟ่ยตามคิดบัญชี
“เจ้า…ไปเสียเถิด ขอบคุณความหวังดีของเจ้า แต่พวกเขามาจากตระกูลเฟ่ย เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งในบ่วงกรรมนี้!”
นางบอกกับหลี่จิ่วเต้า ไม่ต้องการให้เขาติดร่างแหไปด้วยจากใจจริง คนดีควรต้องได้ดี ไม่ควรประสบเคราะห์ร้าย หรือแม้กระทั่งถึงแก่ชีวิตเพราะทำความดี
หลี่จิ่วเต้าคิดไม่ถึงนิดหน่อย เด็กสาวตรงหน้าผู้นี้ดูเป็นคนจิตใจดีเหลือเกิน ที่เกลี้ยกล่อมให้เขาไปคงเพราะหวังดีต่อเขา
อนิจจา เด็กสาวจิตใจดีเยี่ยงนี้กลับต้องพานพบเรื่องราวโหดร้ายที่สุดในใต้หล้า คนทั้งตระกูลถูกฆ่าล้างจนสิ้น
แม้เขาเข้าใจดีว่าทั้งหมดนี้ไม่มีอยู่จริง ทว่าก็เป็นเพียงความเข้าใจของตัวเขาเองเท่านั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ล้วนไม่เข้าใจ ต่างเข้าใจว่าพวกตัวเองคือสิ่งที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ และต่างคิดว่าโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่มีอยู่จริง
“ไม่เป็นไร พวกเขาแผ้วพานข้าไม่ได้”
หลี่จิ่วเต้าบอกกับซ่างกวนอิ๋ง “ตระกูลเฟ่ยเบื้องหลังพวกเขาก็แผ้วพานข้าไม่ได้”
ไฉนเลยจะแผ้วพานเขาได้เล่า?
เขามีอำนาจควบคุมทุกสิ่งในโลกนี้
หลังเหล่าชายวัยกลางคนได้ยินวาจาของหลี่จิ่วเต้า ก็เลิกคิ้วขึ้นกันทั้งหมด
คนโอหังจากไหนกัน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองพูดอะไรอยู่”
เสียงของชายวัยกลางคนเย็นยะเยือกลง “บารมีของตระกูลเฟ่ยไม่ยอมให้ผู้ใดท้าทาย ครั้งนี้ข้าจักถือว่าเจ้าพูดโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี จงขอขมาตระกูลเฟ่ย แล้วไปจากที่นี่เสีย แล้วข้าจักไม่ถือสาหาความ! มิฉะนั้น เจ้าต้องเผชิญกับเปลวเพลิงแห่งโทสะจากตระกูลเฟ่ย!”
“นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า! อย่าได้ทำร้ายตัวเอง ล้อเล่นกับชีวิตตัวเองเด็ดขาด!”
“ไม่ว่าเจ้าจะมีฝีมือเพียงใด หรือมีภูมิหลังประวัติความเป็นมาอย่างไร เจ้าก็ไม่อาจต่อกรกับตระกูลเฟ่ยได้ อย่าได้หวังให้โชคช่วย!”
ชายวัยกลางคนอื่น ๆ พากันตวาดเสียงเย็น
ลงท้าย พวกเขาก็มองหลี่จิ่วเต้าไม่ออก หากมิใช่เช่นนั้น พวกเขาไฉนเลยจะเปลืองน้ำลายกับอีกฝ่ายอยู่เช่นนี้ คงได้ยกอาวุธเซียนปลิดชีพเขาไปแล้ว
“เฮ้อ”
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “เหตุใดถึงต้องรบราฆ่าฟันกันอยู่เรื่อย อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ดีหรือ แดนวิมารเช่นนี้ น่าเสียดายจริง ๆ”
เขาไม่คิดไปไหน