มันเป็นสถานเริงรมย์ไม่ผิดแน่
สำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวย บรรยากาศของที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนปาร์ตี้วันฮาโลวีนในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดมาก
ทุกคนแต่งกายด้วยชุดโบราณ และสวมหน้ากากเอาไว้บนใบหน้า มันทำให้ยากจะบอกได้ว่าคนที่อยู่หลังหน้ากากและชุดนี้คือใคร
สิ่งหนึ่งที่ควรค่าให้พูดถึงในที่นี้คือระดับความเปิดกว้าง ที่นี่เปิดกว้างมากจนถึงขั้นที่สามารถใช้คำว่าร้อนแรงมาอธิบายได้เลยทีเดียว
แตกต่างจากโลกมนุษย์ในสมัยโบราณ แดนปีศาจไม่มีข้อจำกัดจุกจิกมากนักเพราะพวกเขาต่างรู้ว่าจะปรนเปรอความสุขของตัวเองได้อย่างไร พวกเขานั่งพลอดรักกันราวกับอยู่ใต้แสงจันทร์สลัว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหาที่ว่างได้ เขานั่งลงพร้อมกับยกขาขึ้นไขว่ห้าง
หลังจากนั้นไม่นาน หญิงรูปงามคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกนางด้วยจุดประสงค์อันชัดเจน นางกำลังจะวางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่ของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แต่แล้วนางก็ชะงักไปหลังจากสังเกตเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวย “มนุษย์หรือ บุรุษในแดนปีศาจเริ่มถูกใจมนุษย์ตั้งแต่เมื่อใดกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านจะกลืนพวกเขาเป็นอาหารหลังจากสนองความต้องการของตัวเองเสร็จแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำเพียงแค่มองนางด้วยรอยยิ้ม
ท่าทางเยือกเย็นของนางเรียกความสนใจจากผู้หญิงคนนั้นได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาสีอำพันของนางหันกลับมามองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย “ข้าไม่ถือหากพวกเราสามคนจะสนุกกัน”
“แต่ข้าถือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโยนบางอย่างไปทางนาง
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปทันทีหลังจากเห็นของสิ่งนั้น
“ข้า ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยสงสัย “ท่านโยนอะไรไปหรือ”
“ขนสีแดงของกิเลน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา “บางครั้งกิเลนก็ชอบกินปีศาจชั้นต่ำ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดกับตัวเองว่าการปลอมเป็นสัตว์พาหนะของตัวเองเช่นนี้ช่างเป็นความคิดที่ทั้งชาญฉลาดและโหดเหี้ยมทีเดียว…
เมื่อลองคิดดูให้ดี หากฝ่าบาทเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ด้วยฐานะที่แท้จริงของตัวเองละก็ ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีเฉยเมยเพียงใด แต่ก็คงมีผู้หญิงมากมายคิดที่จะเข้ามาหาเขาอยู่ดี
การปลอมเป็นสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
แม้การใช้ชื่อของกิเลนอัคคีเพื่อเข้ามาในสถานเริงรมย์เช่นนี้จะค่อนข้างผิดศีลธรรมอยู่บ้างก็ตาม
อย่างไรครั้งหนึ่งกิเลนอัคคีก็เคยกล่าวว่ามันจะไม่ออกไปไหนในยามวิกาล มันเป็นสุดยอดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้สมบูรณ์แบบ และยังเป็นตัวเลือกสามีที่ดีที่สุดอีกด้วย
แต่…ความจริงมักโหดร้ายเสมอ
หลังจากกลับไป บางทีนางควรบอกให้กิเลนอัคคีได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เขาหาคนที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของตัวเองไม่เจอ
หากพิจารณาจากความช่ำชองของฝ่าบาทในตอนที่เขาโยนขนสีแดงเส้นนั้น ดูเหมือนว่าฝ่าบาทคงจะใช้วิธีการนี้บ่อยทีเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดาว่าจนถึงตอนนี้กิเลนอัคคีก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่อของมันเป็นที่รู้จักไปทั่วแดนปีศาจเพราะการเที่ยวกลางคืนเช่นนี้
เฮ้อ… การเป็นสัตว์พาหนะของฝ่าบาทเองก็ลำบากไม่ใช่เล่น
“ฮัดเช้ย!” กิเลนอัคคีที่ก้มหน้าเย็บอะไรบางอย่างอยู่จามออกมาอย่างแรง มันมองไปที่หนังสัตว์ที่เย็บเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยความตื่นเต้นพลางคิดว่าสัตว์อสูรตัวที่มันสนใจอยู่จะต้องตกลงแต่งงานกับมันอย่างแน่นอนหากมันนำหนังสัตว์พวกนี้ไปให้ในวันพรุ่งนี้ อย่างไรเสียสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงคุณธรรมอย่างมันก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ!
แม้เงามืดยามสนธยาจะมากขึ้น แต่ความสำราญสนุกสนานในแดนปีศาจก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับยกชาที่นางไม่รู้จักชื่อขึ้นดื่ม ไม่มีใครเข้ามาหาพวกนางอีกแม้จะผ่านไปพักใหญ่ นางคิดว่าเรื่องคงจบลงเพียงเท่านี้
นึกไม่ถึงว่าจะมีสัตว์อสูรหน้าตาชั่วร้ายร่างท้วมตัวหนึ่งเดินผ่านมาพอดี มันดูเหมือนจะขายอะไรบางอย่างอยู่ มันมองมาที่นางกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสองครั้ง แล้วจึงถามว่า “พวกท่านสนใจซื้อสินค้าขายดีในช่วงนี้หรือไม่ขอรับ มันเป็นสินค้าทำมือจากบรรดาชาวเงือก ทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วยนะขอรับ”
“ตอนนี้เจ้ามีของที่ว่าอยู่กับตัวหรือเปล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยถามพลางคิดว่าสิ่งที่ชาวเงือกเป็นคนทำขึ้นย่อมมีค่ามากแน่ๆ เพราะในโลกยุคปัจจุบันนั้นสิ่งที่มาจากชาวเงือกล้วนแต่มีค่ามหาศาล ว่ากันว่าน้ำตานางเงือกสามารถกลายเป็นไข่มุกได้ และพวกมันหายากยิ่งนัก
เมื่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ก้มหน้าเล่นกับถ้วยชาในมืออยู่นั้นได้ยินสิ่งที่นางพูด เขาก็มองนางด้วยสายอันลึกล้ำยากจะเข้าใจ ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อย “เจ้าสนใจหรือ”
“ใช่ ข้าสนใจมากทีเดียว” ถ้าของสิ่งนั้นเป็นของมีค่าจริง นางก็อยากดูให้เห็นกับตา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกริมฝีปากบางของตัวเองขึ้น และเอ่ยกับสัตว์อสูรตัวนั้นอย่างชั่วร้ายว่า “นำสินค้าทั้งหมดที่เจ้ามีออกมาให้ข้าดู ข้าจะเลือกจากในนั้น”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น มันก็รู้ว่านี่เป็นธุรกิจใหญ่ มันหยิบสินค้ากว่ายี่สิบชิ้นออกมาเหมือนเล่นมายากล
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่ารูปร่างของสินค้าพวกนั้นกลับดูค่อนข้างที่จะแปลกตา
นิ้วเรียวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลูบของที่อยู่ในนั้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้าไม่คิดว่าข้าจะชอบของพวกนี้ พวกมันหนาเกินไป”
“นี่เป็นชิ้นที่บางที่สุดแล้วขอรับ” สัตว์อสูรตัวนั้นปกป้องตัวเอง “ข้าขอแนะนำไม่ให้ท่านทำรุนแรงเกินไปนักขอรับ มิฉะนั้นถึงจะใช้มันไปก็คงไม่มีประโยชน์ สุดท้ายสิ่งนั้นก็จะไหลเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา ท่านคงลำบากแน่หากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น”
เดี๋ยวก่อนนะ สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาหมายความว่าอย่างไรกัน
สิน… สินค้าพวกนั้นคือ…
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยเห่อร้อนในทันที
จากนั้นนางก็เห็นไป๋หลี่เจียเจี๋ยเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งค้ำใบหน้าของตัวเองไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็หยิบสินค้าชิ้นที่ว่าขึ้นมา “ถ้าเจ้าสิ่งนี้หนาเกินไปมันย่อมไม่สนุก แต่ในเมื่อเจ้าอยากได้ เช่นนั้นเราก็ซื้อเอาไว้สักชิ้นก็แล้วกัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
นางบอกตั้งแต่เมื่อไหร่หรือว่านางอยากได้!
เลิกพูดจาคลุมเครือเช่นนั้นเสียทีได้ไหม!
ก็ตอนแรกนางไม่รู้นี่ว่าของพวกนี้คือถุงยางอนามัย!
ใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่มาจากยมโลกจะรู้จักวิธีหาความสนุกดีถึงเพียงนี้! พวกเขาล้ำยุคกว่าคนที่อยู่ในยุคโบราณนั่นเสียอีก!
พวกเขารู้จักวิธีป้องกันกันเร็วถึงเพียงนี้เชียว!
“หูเจ้าแดงไปหมดแล้ว” ริมฝีปากบางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยักขึ้น “ดูเหมือนเจ้าจะสนใจพวกมันจริงๆ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยลดเสียงลง “ท่านเอาความแดงของหูข้ากับการที่ข้าสนใจเรื่องนั้นมาเชื่อมโยงกันได้อย่างไร”
“โดยปกติแล้วมนุษย์อย่างเจ้ามักจะพูดอย่างใจอย่าง มีแต่ร่างกายของเจ้าเท่านั้นที่ตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ เขาหยุดอยู่ข้างหูนางแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยใช้มันมาก่อน แต่ข้าก็ยินดีที่จะใช้มันกับเจ้าหากเจ้ายืนกรานเช่นนั้น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเหมือนหัวใจของนางถูกอะไรกระแทกเข้าอย่างจังเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ด้านหลังใบหูของนางชาวาบ เขาหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าหากนางยืนกรานเช่นนั้น? นางเพียงแค่สงสัยก็เท่านั้นเอง!
“ข้าเอาอย่างละชิ้นก็แล้วกัน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่สนใจคำตอบของนาง เขาใช้ใบไม้สีทองจ่ายเงินให้กับสัตว์อสูร แล้วรับถุงสองสามใบมาจากมัน
สัตว์อสูรเก็บเงินแล้วพึมพำกับตัวเองก่อนเดินจากไป “นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีจากโลกมนุษย์จะร้อนแรงถึงเพียงนี้”
เฮ่อเหลียนเวยเวย: … ข้าถูกหัวเราะเยาะอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งยังพูดอะไรไม่ได้อีกด้วย! เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! คนที่ต้องการซื้อของพวกนั้นอย่างเห็นได้ชัดคือฝ่าบาทต่างหาก!
“เจ้าชอบแบบไหน” แน่นอนว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป เขาเข้าไปใกล้ๆ เฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วถามต่อ “แบบสีเขียว แบบสีน้ำเงิน หรือว่าแบบบาง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหายใจเข้าลึก น้ำเสียงของนางราบเรียบไม่แยแส “ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนข้าก็ล้วนไม่ชอบ” หากนางเลือก ฝ่าบาทจะต้องยกเรื่องนี้มาล้อเลียนนางในโอกาสหน้าอย่างแน่นอน
เขาคงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร เขาเพียงแค่อยากแกล้งนาง รสนิยมอันเลวร้ายของฝ่าบาทก็เป็นเช่นนี้มาตลอด!
“บังเอิญจริงๆ ที่ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน” นิ้วเรียวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไล้ไปตามแขนจนมาหยุดอยู่ที่เอวของนาง จากนั้นเขาจึงสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ปากของเขาวาดขึ้นเป็นเส้นโค้งอันงดงาม “พวกมันสกปรกเกินไป แต่ถ้าเป็นเจ้า ก็คงไม่สกปรกมากนักกระมัง…”