บทที่ 586 ไม่ต้องกังวล ข้าหลี่จิ่วเต้ามาเพื่อ ‘ขอยืม’ บางสิ่ง!
จักรพรรดินีก้าวข้ามเอกภพ ฟื้นพลังได้โดยไม่ต้องชะงักฝีเท้าบำเพ็ญ นี่คือความแข็งแกร่งของนาง!
…
ภพเซียน
พายุฝนกระหน่ำ ซ่างกวนอิ๋งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ปล่อยให้เม็ดฝนตกกระทบเรือนร่างของนาง แววตาของนางเด็ดเดี่ยว ไม่คิดยอมแพ้แม้แต่น้อย
นางไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นยังสนใจนางอยู่หรือไม่ บางทีท่านผู้นั้นอาจลืมนางไปนานแล้ว ถึงอย่างไร ในสายตาท่านผู้นั้น นางคงต้อยต่ำไม่น้อยไปกว่าธุลี ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสักนิด
กระนั้น นางยังโขกศีรษะต่อไปไม่หยุด โขกจนหน้าผากเป็นแผลถลอกปอกเปิด เผยให้เห็นกระดูกสีขาวชวนสะพรึงข้างใน แต่นางยังไม่ยอมแพ้
หลี่จิ่วเต้าเห็นทุกอย่าง เขามิได้ปรากฏตัว
เขายิ่งชื่นชมซ่างกวนอิ๋งขึ้นไปเรื่อย ๆ มีความคิดอยากรับนางเป็นศิษย์
ส่วนจะสั่งสอนซ่างกวนอิ๋งอย่างไรนั้น เขาก็พอมีทิศทางแล้ว
เขาทำไม่ได้ ผู้อื่นก็ทำไม่ได้หรือไร
เขาไม่มีคัมภีร์ฝึกตน ผู้อื่นก็ไม่มีหรือไร
อย่างเช่น…ตระกูลเฟ่ย
ตระกูลเฟ่ยเป็นถึงมหาตระกูล คิดแล้วคงมีประสบการณ์ฝึกฝนโชกโชน ส่วนคัมภีร์ฝึกตนนั่น ยิ่งไม่มีทางขาดแคลนไปใหญ่
ภายในบ่อน้ำ
เหล่าปลามังกรดูแคลนซ่างกวนอิ๋งเข้าไปใหญ่
ซ่างกวนอิ๋งคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะได้เป็นลูกศิษย์คุณชายอย่างนั้นหรือ
โง่เง่าน่าขันเกินไปแล้ว!
ผ่านไปอีกหลายวัน หลี่จิ่วเต้าปรากฏกายเบื้องหน้าซ่างกวนอิ๋ง
เวลาผ่านไปตั้งหลายวัน ซ่างกวนอิ๋งหมดสิ้นเรี่ยวแรง สติเริ่มเลือนราง นางไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าหลี่จิ่วเต้าปรากฏกายตรงหน้านาง
นางยังคงโขกศีรษะต่อไป โลหิตที่สาดกระเซ็นอยู่รอบ ๆ ย้อมผืนดินแถบนี้จนเป็นสีแดง
ก่อนนี้ นางถูกไล่ฆ่าอย่างน่าสังเวช จนบาดเจ็บสาหัส ทว่านางมิได้ฟื้นพลังตัวเอง เอาแต่คุกเข่าโขกศีรษะอยู่ที่นี่ ที่ป่านนี้นางยังไม่ตาย เป็นเพราะความยึดติดเสี้ยวหนึ่งที่หลงเหลือในใจ
แม้ว่านางเกิดในภพเซียน กระนั้นนางหาได้บรรลุเป็นเซียนไม่ ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตทุกตนในภพเซียนล้วนเป็นเซียน หรือเหนือเซียน และขอบเขตพลังของนางก็มิได้สูงมากนัก
แน่นอนว่า มิได้สูงมากนักหมายถึงเมื่อเทียบกับระดับของภพเซียน หากเป็นด้านนอกนั่น ขอบเขตพลังของนางไม่ถือว่าต่ำ นางเป็นจ้าวสูงสุดคนหนึ่ง
จ้าวสูงสุดหนึ่งคน หากเป็นระดับของข้างนอก ไม่ว่าระดับจิตใจและพลังด้านอื่นที่มี ล้วนวิเศษน่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าซ่างกวนอิ๋งมิได้เป็นเช่นนั้น
ถึงแม้นางเป็นจ้าวสูงสุด แต่กลับมิได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก นางเป็นเหมือนดอกไม้ในเรือนกระจก ผ่านอะไรมาเพียงน้อยนิด แทบไม่เคยออกจากดินแดนตระกูลด้วยซ้ำ ขอบเขตพลังสูงส่งนี้ก็ได้มาเพราะสิ่งแวดล้อมในภพเซียนสูงส่ง ถึงบรรลุได้ง่ายดาย
“เกิดภาพหลอนแล้วหรือนี่”
เมื่อนางโขกศีรษะเสร็จ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็ได้เห็นหลี่จิ่วเต้า
นางฝืนยิ้ม มิได้เห็นเป็นความจริง สภาพของนางย่ำแย่เกินไป นางคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอน
หลี่จิ่วเต้ามิได้พูดจา เขาโบกมือ พลังอันมองไม่เห็นพลันปกคลุมตัวซ่างกวนอิ๋ง พริบตาเดียว ซ่างกวนอิ๋งก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม บาดแผลทั้งหมดมลายหายไป ฟื้นสภาพกลับมาถึงจุดที่ดีที่สุด
“ใช่ท่านจริง ๆ หรือนี่!”
ซ่างกวนอิ๋งเบิกตากว้าง ตาแดงนิดหน่อย
“ใช่แล้ว ข้าเอง”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ที่เขาโผล่มาตอนนี้ เพราะตัดสินใจได้แล้ว
“ข้าจะไม่สอนสิ่งใดกับเจ้า และไม่มีทางรับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าจะถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกตน รวมถึงคัมภีร์ฝึกตนกับเจ้า”
เขาทอดมองซ่างกวนอิ๋ง “เจ้าไปได้ไกลเท่าใด ขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น เจ้าเต็มใจหรือไม่”
“ขอบคุณ! ข้าเต็มใจ!”
ซ่างกวนอิ๋งรีบโขกศีรษะขอบคุณหลี่จิ่วเต้า
“หากข้าบอกว่า วันหน้าหลังเจ้าสำเร็จจนได้ทำทุกอย่างที่ปรารถนาแล้ว ข้าจักริบทุกอย่างของเจ้าไป อีกทั้งลบความทรงจำทั้งหมดด้วย เจ้ายังเต็มใจอยู่หรือไม่”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ข้าเต็มใจ!”
ซ่างกวนอิ๋งมิได้ลังเล ตอบกลับทันควัน
ที่นางรอดมาได้ ถือเป็นความโชคดีสูงสุดของนางแล้ว ซ้ำนางยังได้รับคัมภีร์ฝึกตน และประสบการณ์ฝึกตนที่ท่านผู้นี้ประทานอีกด้วย เป็นความโชคดีที่ยิ่งสูงขึ้นไปอีกสำหรับนาง นางมิกล้าเรียกร้องขอครอบครองทั้งหมดนี้
“ได้ เจ้ายอมรับเอง วันหน้า ข้าจักริบทุกอย่างนี้ไป”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าพลางกล่าว
“อืม!”
ซ่างกวนอิ๋งพยักหน้าหนักแน่น ไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด นางเอ่ยถาม “แล้วข้าควรเรียกขานท่านว่าอย่างไรหรือ”
“เรียกคุณชายแล้วกัน”
ชายหนุ่มตอบ จากนั้น เขาสะบัดมือใหญ่ของตน พาซ่างกวนอิ๋งไปจากที่นี่
เมื่อเขาและซ่างกวนอิ๋งปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ได้มาถึงดินแดนตระกูลของตระกูลเฟ่ยเสียแล้ว
ดินแดนตระกูลเฟ่ยนั้นกว้างใหญ่ไพศาล สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่เคยถูกทำลาย บัดนี้ฟื้นคืนสภาพเดิมแล้ว สิ่งปลูกสร้างสูงตระหง่านเก่าแก่มากมายทะยานขึ้นฟ้า อย่าให้พูดเลยว่ายิ่งใหญ่โอ่อ่าเพียงใด
สสารฝึกฝนชั้นสูงที่ไหลเวียนอยู่ในที่แห่งนี้โลดแล่นเป็นพิเศษ จนแทบมองเห็นด้วยตาเปล่า และสสารนิรันดร์ที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตมองข้ามพลังแห่งกาลเวลาได้ มีชีวิตเป็นอมตะ ก็มีอยู่ที่นี่มากมาย
นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนอิ๋งได้มาเยือนดินแดนของมหาตระกูลเช่นนี้ นางสะท้านใจอย่างยิ่งยวด สมเป็นมหาตระกูลที่อยู่ในจุดสูงสุดนับแต่มีภพเซียน แม้ว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงมุมหลืบดินแดน แต่ยังมีระดับสูงกว่าดินแดนตระกูลซ่างกวน
ซ้ำยังเหนือกว่าเป็นเท่าตัว!
ทว่า ในใจของนางใคร่รู้อย่างยิ่ง ใคร่รู้ว่าเหตุใดคุณชายถึงพานางมายังดินแดนตระกูลเฟ่ย
เมื่อหลี่จิ่วเต้าพาซ่างกวนอิ๋งมาถึงดินแดนตระกูลเฟ่ย คนตระกูลเฟ่ยรู้สึกถึงหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋งได้ทันที ไม่ใช่เพราะพวกเขาสัมผัสพลังปราณในตัวชายหนุ่มและซ่างกวนอิ๋งได้ แต่เพราะพวกเขาเห็นทั้งสองปรากฏตัวที่นี่ด้วยตาตนเอง
พวกเขาเห็นหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋งทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ เป็นเพราะผู้นำตระกูลได้มีรับสั่งให้สมาชิกออกลาดตระเวนทั้งวันทั้งคืนกันจำนวนมาก ป้องกันมิให้ชายผู้นี้บุกมาหาพวกเขา
นี่หรือ เด็กหนุ่มผู้นั้น?
บรรดาสมาชิกตระกูลเฟ่ยที่ได้เห็นหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋ง ล้วนตะลึงเหลือแสน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าพวกเขาแท้ ๆ แต่พวกเขากลับจับสัมผัสพลังปราณของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้เลยสักนิด ราวกับเขามิได้อยู่ที่นี่ น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทว่าพวกเขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว รายงานผู้นำตระกูลในทันที
ครืน!
เสียงดังสนั่นดังออกมาจากส่วนลึก ผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสทั้งหลายในตระกูลเฟ่ย รวมถึงเหล่า ‘เสาหลัก’ แห่งตระกูลเฟ่ย ผู้ติดอันดับกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดในภพเซียนต่างรีบรุดหน้ามาที่นี่
ผู้นำตระกูลเดินอยู่หน้าสุด สีหน้าเคร่งเครียด ทอดมองหลี่จิ่วเต้าผ่านอากาศ
เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่จิ่วเต้าจะกล้ามาเยือนดินแดนตระกูลของพวกเขาจริง ๆ
ต้องมั่นใจมากเพียงใดถึงทำได้ขนาดนี้!?
รู้หรือไม่ ดินแดนตระกูลคือรากฐานแห่งตระกูล ย่อมต้องมีการตระเตรียมไว้มากมาย และมหาตระกูลเยี่ยงพวกเขา ย่อมตระเตรียมได้มากกว่า ไม่มีทางที่หลี่จิ่วเต้าไม่เข้าใจข้อนี้
และในสถานการณ์ที่หลี่จิ่วเต้าตระหนักถึงข้อนี้ดี ยังกล้ามาที่นี่ บ่งบอกว่าหลี่จิ่วเต้าต้องมีบางอย่างสร้างความมั่นใจให้เขาแน่
ชั่วขณะนั้น เขายิ่งให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้ามากขึ้น
เบื้องหลังตัวเขา เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยมิกล้าแม้แต่จะหายใจแรง พวกเขาเคยประจักษ์ในฝีมือหลี่จิ่วเต้ามาแล้ว เกินกว่าที่พวกเขาจะต่อกรด้วยไหว
‘เสาหลัก’ ตระกูลเฟ่ย ผู้มีกำลังรบติดอันดับสูงสุดในภพเซียน ผู้อาวุโสสูงสุดตั้งหลายท่าน ก็มีสีหน้าคร่ำเครียดเหลือคณาในเวลานี้
พวกเขาก็สัมผัส ‘การดำรงอยู่’ ของอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน!
เป็นไปได้อย่างไร!?
หลี่จิ่วเต้าเยาว์วัยถึงเพียงนี้ กลับมีขอบเขตพลังเหนือชั้นพวกเขาขึ้นไปไกลแล้วหรือ?
ไม่!
พวกเขาไม่เชื่อ และไม่อยากเชื่อ พากันสงสัยว่าหลี่จิ่วเต้าอาจมีของวิเศษบางอย่างกับตัว ถึงส่งผลให้พวกเขาสัมผัส ‘การดำรงอยู่’ ของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้
“ไม่ต้องกังวล ข้ามาคราวนี้ มิได้คิดทำอะไรพวกเจ้า ข้ามาเพียงเพื่อ ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตน และคัมภีร์ฝึกตนจากพวกเจ้า”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาววาววามเรียงตัวเป็นระเบียบ
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ ประโยคที่ว่าไม่ต้องกังวลนั้น กลับยิ่งทำให้สมาชิกทั้งหมดในตระกูลเฟ่ยกังวลขึ้นมา