Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 422 น่าสลดใจ

ตอนที่ 422 น่าสลดใจ

ต่อให้ตอนนี้เห็นว่าฉู่ขวงและอิ่งจือร่วมมือกันอีกครั้ง ก็เพียงพอให้คนนับไม่ถ้วนดีอกดีใจ เก้าภาพนี้ก็เพียงพอที่จะพิชิตสายตาอันเฉียบแหลมด้านศิลปะได้ แน่นอนไม่ต้องรอผลที่เกิดขึ้นตามมา

‘อิ่งจือเหรอเนี่ย!’

‘การร่วมมือกันที่สมบูรณ์แบบ!’

‘เป็นสิ่งที่รอคอยมาเนิ่นนาน หลังจากปรินซ์ออฟเทนนิส ในที่สุดฉู่ขวงกับอิ่งจือก็มีผลงานร่วมกันแล้ว ขอบคุณอาจารย์อิ่งจือที่ครั้งนี้ไม่แอบอู้งาน ในที่สุดก็งัดฝีมือด้านจิตรกรรมที่แท้จริงออกมา อิ่งจือที่จริงจังนี่น่ากลัวไปอีก!’

‘มิตรภาพที่แน่นแฟ้น!’

‘พอเห็นว่าฉู่ขวงถูกนักเขียนชื่อดังทั้งเก้าคนท้า ในที่สุดอิ่งจือก็ออกโรง เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ปกป้องกันและกัน และยังมีเรื่องที่เซี่ยนอวี๋ใช้เพลงจัดการชาวฉู่เพื่อระบายความโกรธให้อิ่งจือ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อสามคนนี้รักกันมาก!’

‘เซี่ยนอวี๋ควรปล่อยออกมาเก้าเพลง!’

‘ฝีมือวาดภาพของอิ่งจือเป็นหนึ่งในใต้หล้า เซี่ยนอวี๋เองก็ควรปล่อยเพลงออกมาร่วมด้วยสักหน่อย สามเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อควรมากันให้ครบใช่ไหมล่ะ เดาว่าชาวเยี่ยนยังไม่รู้จักสามเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ไม่ช้าก็เร็วสักวันพวกเขาก็ต้องรู้ว่าคนกลุ่มนี้น่ากลัวแค่ไหน!’

‘…’

ชาวเน็ตดีใจกันถ้วนหน้า

บันทึกรูปภาพยังไม่พอ แต่ละคนต่างเริ่มส่งข่าวอย่างอดใจรอไม่ไหว แน่นอนว่าเน้นการส่งต่อภาพเป็นหลัก และนั่นทำให้ข่าวที่ว่าฉู่ขวงปล่อยนิทานใหม่พลันเป็นกระแสยิ่งขึ้น การประสานความร่วมมือก็พลอยทำให้อิทธิพลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน!

ในขณะนี้

จู่ๆ การ์ตูนสี่ช่องอีกชุดหนึ่งก็แพร่สะพัดบนอินเทอร์เน็ต เห็นได้ชัดว่าผู้วาดการ์ตูนนี้เป็นแฟนคลับของเซี่ยนอวี๋ ฉู่ขวง และอิ่งจือ เพราะการ์ตูนสี่ช่องนี้วาดขึ้นมาจากเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อทั้งสามคน

การ์ตูนช่องแรก

เป็นภาพของชายหนุ่มรูปร่างโปร่งสวมเสื้อคลุมสีดำ ผมสั้น คิ้วโก่งสวย และดวงตาเป็นประกาย ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ทำให้ผู้คนรู้สึกลึกลับมีพลัง เหนือศีรษะมีกล่องคำพูดเขียนว่า

‘เหมือนว่าจะมีแขกมา’

‘ผู้ที่มามักไม่หวังดี หากหวังดีคงไม่มา’

การ์ตูนช่องที่สอง เป็นชายหนุ่มผมยาวซึ่งสง่าสามราวกับเจ้าชายกำลังยิ้มตาหยี เขาแลดูอบอุ่นและใจดี ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกถึงความไม่เป็นอันตราย ‘อิ่งจือเลิกนอนได้แล้ว’

การ์ตูนช่องที่สาม

ชายหนุ่มใบหน้าไร้อารมณ์ทว่าองคาพยพบนใบหน้างามได้รูป ออร่าแห่งความเกียจคร้านปกคลุมทั่วร่าง เขาขดตัวอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้ายังหลงเหลือความง่วงและไม่สบอารมณ์

‘พอแล้วน่า’

การ์ตูนช่องที่สี่

ทั้งสามคนมารวมตัวอยู่ในช่องเดียวกัน มีเส้นคมชัด เบื้องหลังคือจักรวาลอันกว้างใหญ่ มีอสนีบาตเป็นฉากหลัง และมีดาวสีสันแตกต่างกันเรียงกัน บนดาวแต่ละดวงมีตัวอักษรกำกับไว้ ซึ่งเป็นชื่อผลงานของทั้งสามคนตั้งแต่เดบิวต์มา

ดาวบางดวงก็ลอยเท้งเต้ง

ดาวบางดวงก็ส่องแสงเจิดจรัส

การ์ตูนสี่ช่องนี้สร้างขึ้นมาจากภาพของฉู่ขวง เซี่ยนอวี๋​ และอิ่งจือในจินตนาการ ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังมืดลึกลับบางอย่าง แต่สไตล์ของภาพและตัวการ์ตูนนั้นสอดคล้องกับการรับรู้ของชาวเน็ตต่อสามเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ จึงถูกเผยแพร่ออกไปบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว หลายคนก็แชร์ภาพนี้ต่อพร้อมกับภาพประกอบสวยสดของอิ่งจือทั้งเก้าภาพ

ครืน!

เดิมทีการต่อสู้แบบหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงนั้นได้รับความนิยมสูงบนโลกออนไลน์อยู่แล้ว ในยามนี้ได้กำลังเสริมจากอิ่งจือและภาพการ์ตูนโปรโมต นิทานฉู่ขวงยังไม่ทันได้วางแผงอย่างเป็นทางการ ก็กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวแล้ว!

……

สิ่งที่เรียกว่ามหากาพย์ความร่วมมือนั้น แน่นอนว่ามีมากกว่าภาพประกอบของอิ่งจือ เพราะขณะที่ชาวเน็ตกำลังตื่นเต้นกับการร่วมมือกันระหว่างฉู่ขวงและอิ่งจือ จู่ๆ หลินเยวียนก็ติดต่อไปหาซย่าฝานซึ่งไม่ได้พบหน้ากันนาน

“ว่างไหม”

“มีอะไรหรือเปล่า”

“เตรียมตัวอัดเพลง”

“เจอกันที่ห้องอัดของบริษัท”

ซย่าฝานตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดมาก ถึงแม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจขอให้หลินเยวียนเขียนเพลงให้เธอ แต่ถ้าหลินเยวียนเอ่ยปากเรียกเธอแล้ว เธอไม่ได้โง่เขลาพอที่จะปฏิเสธอย่างแน่นอน นอกจากนั้นพวกเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว แต่ต่อให้ไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น ใครบ้างจะกล้าปฏิเสธผลงานของเซี่ยนอวี๋ผู้ยิ่งใหญ่?

ในเช้าวันรุ่งขึ้น

ซย่าฝานและหลินเยวียนพบกันที่สตูดิโอบันทึกเสียงของบริษัท เธอกำลังอ่านเนื้อเพลงซึ่งมีชื่อว่า ‘แดนนิทาน’ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เหมือนว่านี่จะเป็นเพลงที่เกี่ยวกันนิทานนะ ฉู่ขวงเป็นคนเขียนเนื้อเพลงของเพลงนี้เหรอ?”

“จะว่างั้นก็ได้”

“เข้าใจแล้ว”

ซย่าฝานยิ้มกริ่ม

เธอชอบอ่านนิยายเช่นกัน จึงรู้จักฉู่ขวง และเป็นเพราะเซี่ยนอวี๋ กับความสัมพันธ์ของหลินเยวียนกับฉู่ขวง ระยะนี้เธอจึงติดตามเรื่องประชันวรรณกรรมระหว่างฉู่ขวงและนักเขียนนิทานชื่อดัง แน่นอนว่าเธอยืนมองจากมุมของผู้สังเกตการณ์

สองวันหลังจากนั้น

หลินเยวียนและซย่าฝานใช้เวลาไปกับการอัดเพลง

และเมื่อเพลงนี้บันทึกเสียงเสร็จอย่างเป็นทางการ หนึ่งในคู่แข่งของฉู่ขวงในการประชันวรรณกรรม ซึ่งก็คืออาจารย์จินซานซึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อฉู่ขวงครั้งหนึ่งแล้ว ก็ปล่อยผลงานนิทานสั้นของตน!

ผลงานมีชื่อว่า ‘ตำนานของวันคืน’

นิทานบอกเล่าเรื่องราวของพระอาทิตย์และพระจันทร์ซึ่งตกหลุมรักกัน เมื่อพระอาทิตย์และพระจันทร์ตกหลุมรักกัน นับเป็นหายนะครั้งใหญ่ของโลก ผู้คนเริ่มเพิกเฉยต่อกลางวันและกลางคืน และฤดูกาลต่างๆ ก็เริ่มวุ่นวาย

ตอนจบของเรื่องนี้ซาบซึ้งมาก

พระอาทิตย์และพระจันทร์แยกจากกัน เพื่อต่างคนต่างแสดงความรับผิดชอบ พวกเขาเลือกที่จะเสียสละความรักเพื่อเติมเต็มความงามของโลก พระอาทิตย์และพระจันทร์เริ่มสลับกันอีกครั้ง ฤดูทั้งสี่เริ่มแตกต่างอีกครั้ง และทุกสรรพสิ่งก็สงบสุข

‘ผลงานชั้นเยี่ยม!’

ผลงานชิ้นนี้ของจินซานได้รับการยอมรับจากในวงการศิลปะวัฒนธรรมในทันที คำวิจารณ์ที่ชาวเน็ตมีต่อเรื่องตำนานของวันคืนนั้นอยู่ในระดับที่ดีมาก ในวันนั้นจินซานแท็กฉู่ขวงบนปู้ลั่ว

‘โปรดชี้แนะ!’

การประชันวรรณกรรมเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ!

วันที่สอง อู๋กู้เตอเสี่ยวพั่งจื่อนักเขียนจากเยี่ยนก็เผยแพร่ผลงานใหม่ ในวันที่สาม นักเขียนซึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อฉู่ขวงในนิตยสารราชานิทานก็เผยแพร่ผลงานใหม่เช่นเดียวกัน…

พรึ่บๆๆๆๆ!

ในวันที่ 29 นักเขียนชื่อดังทั้งเก้าคนซึ่งนัดประลองวรรณกรรมกับฉู่ขวงไว้ มีแปดคนซึ่งทยอยปล่อยผลงานออกมา ผลงานของทุกคนได้รับคำชื่นชมในระดับที่แตกต่างกันไป เสียงตอบรับจากผู้ปกครองและเด็กๆ ก็ดีมากเช่นกัน

นักเขียนนิทานทุกคนทุ่มสุดกำลัง!

ไร้ซึ่งข้อผิดพลาดใด!

ผลงานของฉู่ขวงยังคงไม่ปล่อยออกมา ทว่าบนโลกออนไลน์เกิดประเด็นถกเถียงกันในวงกว้าง ผลงานซึ่งยังไม่ได้เผยโฉมต่อหน้าสาธารณชนอย่างนิทานฉู่ขวงถูกความสงสัยเข้าถั่งโถม โดยเฉพาะหลังจากที่ผลงานของนักเขียนเหล่านี้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างโดดเด่น

‘นักเขียนนิทานสุดยอดทุกคน!’

‘แม้แต่อาจารย์ฉีฉีที่ทุกคนมักคิดว่าฝีมือค่อนข้างเป็นรอง ก็ยังระเบิดศักยภาพออกมา ต่อให้ผมเป็นผู้ใหญ่ยังคิดว่านิทานเรื่องใหม่ของเธอสนุกมาก ลูกชายอายุแปดขวบของผมยิ่งชอบเรื่องนี้!’

‘ผลงานใหม่ของอาจารย์จินซานก็สนุกมาก!’

‘ผลงานของหลานเมิ่งก็แจ่มสุดๆ!’

‘ทั้งเก้าคนไม่มีใครออมมือเลย!’

‘ครั้งนี้ฉู่ขวงเล่นใหญ่มาก อ้างอิงจากสถานการณ์ในตอนนี้ดูแล้วไม่มีโอกาสชนะเลย แต่ถ้าฉู่ขวงเล่นใหญ่ขนาดนี้แล้วผลสุดท้ายคือต้องคุกเข่าติดต่อกันเก้าครั้งละก็ สิ่งที่เรียกว่าสู้แบบเก้าต่อหนึ่งคงไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ?’

‘ทำได้เพียงชื่นชมในความกล้าหาญ!’

‘เจ้าแก่ฉู่ขวงสู้เค้านะ อาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ต่อให้เชียร์เพราะภาพประกอบของแดนนิทาน ฉันก็ทนดูเซี่ยนอวี๋แพ้ราบคาบไม่ได้ ไม่ว่ายังไงขอให้เจ้าแก่ฉู่ขวงชนะสักยกเถอะนะ!’

‘ฉู่ขวงจะแพ้แล้วเหรอ’

‘ฉู่ขวงจะแพ้ก็เป็นเรื่องปกติของการประชันวรรณกรรม ถึงยังไงนิทานก็ไม่ใช่หมวดหมู่ที่เจ้าแก่ฉู่ขวงถนัด อีกอย่างครั้งนี้ยังบ้าบิ่นเล่นสงครามเก้าด้านอะไรนั่นอีก จากตำราพิชัยสงครามโบราณ นี่คือการจัดทหารเป็นเก้าเส้นทาง ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่นะ แต่อันที่จริงกำลังของแต่ละเส้นทางอ่อนแอลงมาก ขณะที่คู่แข่งสู่แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พลังจะแข็งแกร่งมากที่สุด’

‘รู้สึกหดหู่อยู่นะ’

‘ในความคิดของผมฉู่ขวงไม่มีทางแพ้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ผมก็เชื่อมั่นในตัวฉู่ขวงเต็มเปี่ยม รวมไปถึงครั้งนั้นที่เหลิ่งกวงสู้กับฉู่ขวง แต่ครั้งนี้ผมรู้ว่าฉู่ขวงอาจพลาดพลั้ง บางทีเขาอาจตั้งสติแล้วเลือกคู่แข่งแค่คนเดียว’

‘…’

ชาวเน็ตตกตะลึงกับการต่อสู้แบบหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเห็นดีเห็นงามกับฉู่ขวง ผลงานของคู่แข่งในประชันวรรณกรรมนั้นคุณภาพสูง และไม่มีนักเขียนคนใดเลยที่ผลิตผลงานแบบสุกเอาเผากิน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉู่ขวงไม่มีโอกาสชนะได้เลย

และเมื่อวันที่สามสิบมาถึง!

คู่แข่งในการประชันวรรณกรรมคนสุดท้ายของฉู่ขวง เทียนจี้ไป๋นักเขียนจากเยี่ยนก็แท็กฉู่ขวง ‘ผลงานชิ้นใหม่จะปล่อยอย่างเป็นทางการในราชานิทานวันพรุ่งนี้ โปรดชี้แนะ!’

นิตยสารราชานิทานของบลูสตาร์!

นี่คือนิตยสารที่ฉู่ขวงใช้เผยแพร่เรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ นับว่าเป็นพื้นที่ซึ่งฉู่ขวงเริ่มเขียนนิทานอย่างเป็นทางการ การย้ำเตือนครั้งนี้ของเทียนจี้ไป๋คล้ายกับกำลังเพิ่มความขลังของการปิดฉากประชันวรรณกรรมว่า ‘ฉันแค่ต้องการเอาชนะคุณในสนามเหย้าของคุณ’

ประโยคนี้เทียนจี้ไป๋ไม่ได้พูด

แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความหมายนี้ ไม่เช่นนั้นเทียนจี้ไป๋ไม่มีทางเลือกเผยแพร่ผลงานใหม่ในนิตยสารราชานิทานในสังกัดคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะความโกรธและวิธีการระบายโทสะของชาวเยี่ยน!

ฉู่ขวงไม่ได้ตอบโต้

ไม่มีใครหัวเราะเยาะซ้ำเติมว่าฉู่ขวงไม่ประมาณตน ความกล้าหาญของการต่อสู้แบบหนึ่งต่อเก้าก็สมควรได้รับการยกย่องแล้ว ถึงแม้ความเงียบงันของฉู่ขวงจะทำให้ภาพเหตุการณ์นี้น่าสลดใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ทว่า ท่ามกลางการรอคอยด้วยหัวใจอันหนักอึ้งของบรรดาแฟนคลับ ในที่สุดวันสุดท้ายของเดือนก็มาถึง…

นิทานของฉู่ขวงมาแล้ว!

……………………………………………………….

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท