ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 605 ทำอย่างไรดี (ปลาย)

ตอนที่ 605 ทำอย่างไรดี (ปลาย)

เมื่อ​จิ​่น​เกอ​ได้ยิน​เช่นนั้น​ ​ก็​วิ่ง​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​ราวกับ​ได้​พบ​สหาย​รู้ใจ

​ไท่ฮู​หยิน​โอบกอด​เขา​ ​“​นี่​เป็นความ​ตั้งใจ​ของ​จิ​่น​เกอ​ของ​พวกเรา​ ​ความตั้งใจ​สำคัญ​ยิ่งกว่า​สิ่ง​อื่นใด​ ​มิเช่นนั้น​จะ​มีคำ​กล่าว​ที่ว่า​ ​‘​เดินทาง​พัน​ลี้​เพื่อม​อบ​ขน​หงส์​[1]​’​ ​ได้​อย่างไร​ ​จิ​่น​เกอ​ของ​พวกเรา​เก็บ​ส้ม​มา​อย่าง​ยากลำบาก​ ​ก็​เพื่อที่จะ​ให้​ทุกคน​ได้​ชิม​ส้ม​สดๆ​ ​จาก​ต้น​ ​ใช่​หรือไม่​จิ​่น​เกอ​”

​จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​ ​มุด​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ดวงตา​ยิ้ม​จน​เป็น​รูป​จันทร์​เสี้ยว​ ​สีหน้า​เบิกบานใจ

​สวี​ซื่อ​อวี​้​มา​พอดี

​เมื่อ​เห็น​ส้ม​กอง​ใหญ่​อยู่​บน​โต๊ะ​ ​เขา​ก็​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก​ ​“​เก็บ​ส้ม​มา​เยอะ​ขนาด​นี้​เลย​หรือ​!​”

​จิ​่น​เกอ​ตบ​ถุง​กระสอบ​ปัก​ลาย​ดอก​เบญจมาศ​สีน้ำเงิน​ที่​แขวน​อยู่​บน​ตัว​เขา​ ​พูด​โอ้อวด​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ทำให้​ข้า​ ​สามารถ​ใส่​ส้ม​ได้​เยอะแยะ​เลย​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยิ้ม​พลาง​มอง​ถุง​กระสอบ​ที่​แขวน​อยู่​บน​แผ่น​อก​ของ​เขา​ ​สาย​กระสอบ​ไม่​ยาว​ ​ปาก​ถุง​อยู่​ตรง​แผ่น​อก​ของ​จิ​่น​เกอ​พอดี​ ​รูปร่าง​ดู​แปลก​เล็กน้อย​ ​แต่กลับ​สะดวก​สำหรับ​การ​เก็บ​ส้ม​เป็นอย่างมาก

​เมื่อ​จิ​่น​เกอ​เห็น​ว่า​เขา​กำลัง​จ้องมอง​ตัวเอง​ก็​คิด​บางอย่าง​ขึ้น​มา​ได้​ ​วิ่ง​ไป​ที่​โต๊ะ​แล้ว​หยิบ​ส้ม​หนึ่ง​ลูก​ส่ง​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​พี่​สอง​ทาน​ส้ม​ขอรับ​!​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยิ้ม​พลาง​รับ​ส้ม​มา

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​เขา​ ​“​วันนี้​ไม่​ออก​ไป​ข้างนอก​หรือ​”​

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ตอบ​อย่างนอบน้อม​ ​“​ทุกคน​เอาแต่​เป็นห่วง​เรื่อง​ผลสอบ​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่มี​อารมณ์​จะ​ออก​ไป​ไหน​ ​ก็​เลย​อ่านหนังสือ​อยู่​ที่​เรือน​ขอรับ​”

​“​ในเมื่อ​สอบ​เสร็จ​แล้วก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไป​คิด​อะไร​มาก​แล้ว​”​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​ค่อย​พอใจ​กับ​คำตอบ​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดูเหมือน​กำลัง​สั่งสอน​เล็กน้อย​ ​“​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ควร​ทำ​ก็​พอแล้ว​ ​หาก​สอบผ่าน​ ​ก็​ไม่ต้อง​ไป​โอ้อวด​ ​หนทาง​ข้างหน้า​ยัง​อีก​ยาว​ไกล​ ​หาก​สอบ​ไม่​ผ่าน​ ​ก็​ไม่ต้อง​ท้อแท้​ ​ยัง​มีโอกาส​อีก​ ​เจ้า​อายุ​ยังน้อย​ ​ใน​ภายภาคหน้า​ก็​ไม่รู้​ว่า​จะ​ต้อง​เจอ​เรื่อง​ผิดหวัง​อีก​กี่​ครั้ง​ ​ครั้งนี้​เป็นการ​สอบ​ครั้งแรก​ก็​ตื่นเต้น​แบบนี้​ ​ต่อไป​จะ​ไม่​ตื่นตระหนก​จน​เลอะเลือน​ไป​เลย​หรือ​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ ​ตอบ​อย่าง​เคร่งขรึม​ ​“​ขอรับ​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​เป็น​ลูก​ที่​เรียนรู้​ไม่พอ​ ​ลูก​จะ​จดจำ​คำสอน​ของ​ท่าน​พ่อ​!​”

​บรรยากาศ​ใน​ห้อง​เริ่ม​ตึงเครียด​ด้วย​คำถาม​และ​คำตอบ​ของ​สอง​พ่อ​ลูก

​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่นั่ง​อยู่​ก็​รู้สึก​อึดอัด​เล็กน้อย

​ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ดังนั้น​ก็​หัวเราะ​ ​“​เอาล่ะ​ ​เอาล่ะ​!​ ​ไม่บ่อย​นัก​ที่​อากาศ​จะ​ปลอดโปร่ง​เย็นสบาย​อย่างเช่น​วันนี้​ ​เด็ก​ๆ​ ​ได้มา​อยู่​พร้อมหน้าพร้อมตา​กัน​อีกครั้ง​ ​เจ้า​ไม่ต้อง​ตำหนิ​เด็ก​ๆ​ ​แล้ว​ ​มีเรื่อง​อัน​ใด​ ​อีกสักครู่​ค่อย​เรียก​เด็ก​ๆ​ ​ไป​พูดคุย​ที่​ห้อง​หนังสือ​ก็แล้วกัน​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พลาง​ขานรับ​ ​“​ขอรับ​”

​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ต่าง​ก็​โล่งอก

​จิ​่น​เกอ​เร่งเร้า​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​พี่​สอง​กิน​ส้ม​สิ​ขอรับ​!​”

คง​อยาก​จะ​ช่วย​แก้​สถานการณ์​ให้​ตน​กระมัง

​สวี​ซื่อ​วี​้​ยิ้ม​ขอบคุณ​จิ​่น​เกอ​ ​ปอกเปลือก​ส้ม​อย่างรวดเร็ว​ ​แบ่ง​ให้​จิ​่น​เกอ​หนึ่ง​กลีบ

​จิ​่น​เกอ​ส่ายหน้า​ ​“​พี่​สอง​กิน​เถิด​!​”​ ​ดวงตา​หงส์​กลม​โต​มอง​เขา​ตา​ปริบๆ​

​มี​อาหาร​และ​สุรา​เลิศ​รส​ต้อง​ให้​ผู้สูงอายุ​ก่อน​ ​ระหว่าง​พี่น้อง​ก็​ต้อง​คำนึงถึง​ความ​อาวุโส

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยิ้ม​พลาง​กำลังจะ​เอา​ส้ม​เข้า​ปาก

​สือ​อี​เหนียง​ ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​ทั้ง​สาม​คน​พลัน​ตะโกน​ขึ้น​พร้อมกัน​ว่า​ ​“​อวี​้​เกอ​/​พี่​สอง​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ส้ม​มัน​เปรี้ยว​มาก​!​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​สะดุ้ง​ตกใจ

​เห็น​เพียง​สีหน้า​ของ​จิ​่น​เกอ​ที่​เผย​ให้​เห็น​อารมณ์​ไม่พอใจ​อยู่​แวบ​หนึ่ง​ ​หันกลับ​ไป​จ้อง​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

​เขา​เป็น​เด็ก​ที่​ฉลาด​มาก​ ​เมื่อ​คิดได้​เช่นนั้น​ก็​เริ่ม​เข้าใจ​ขึ้น​มาบ​้าง​แล้ว​ ​ไม่ได้​พูด​อะไร​มาก​ ​ยิ้ม​พลาง​หยิบ​ส้ม​ใส่​ปาก​ ​เคี้ยว​อยู่​สอง​สาม​ครั้ง​แล้ว​กลืน​ลง​ไป

​“​แม้ว่า​จะ​ไม่​หวาน​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​เปรี้ยว​!​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​มอง​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยด​้ว​ยสี​หน้า​เหมือน​ไม่เข้าใจ​สิ่ง​ที่​พวกเขา​พูด

​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ท่าทาง​มึนงง​ ​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​ประหลาดใจ​อย่างมาก​ ​ส่วน​จิ​่น​เกอ​ตกตะลึง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ไป​หยิบ​ส้ม​เข้า​ปาก

​แต่​พอ​เคี้ยว​ไป​ได้​ครู่เดียว​ก็​อุทาน​ ​“​แหวะ​!​”​ ​แล้ว​คาย​ส้ม​ออกมา​ ​“​เปรี้ยว​มาก​ ​เปรี้ยว​มาก​!​”​ ​เขา​จ้อง​สวี​ซื่อ​อวี​้​ตาโต​ ​“​พี่​สอง​ ​ท่าน​หลอก​ข้า​!​”​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความขุ่นเคือง

​สวี​ซื่อ​อวี​้​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง​อย่างรวดเร็ว

​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ปิดปาก​หัวเราะ​เงียบๆ​ ​ไม่ได้​มีท​่า​ทาง​ไม่พอใจ

​ใน​ใจ​เขา​สงบ​ลง​ ​จ้องมอง​จิ​่น​เกอ​ ​พูด​ช้าๆ​ ​ว่า​ ​“​ข้า​โกหก​เจ้า​เมื่อไร​กัน​”​ ​สีหน้า​ดูเหมือน​ไม่รู้​สึก​รู้​สา​อะไร​ ​“​ข้า​ลอง​ทาน​แล้ว​ไม่​เปรี้ยว​เลย​สักนิด​…​”​ ​พูด​พลาง​หยิบ​ส้ม​ใส่​ปาก​ ​“​มัน​ไม่​เปรี้ยว​จริงๆ​!​”​ ​เขา​เน้นย้ำ​ ​สีหน้า​ไม่​เปลี่ยนไป​เลย​แม้แต่น้อย​ ​จากนั้น​ก็​ยื่น​ส้ม​ที่​เหลือ​ไป​ตรงหน้า​จิ​่น​เกอ​ ​“​หาก​ไม่เชื่อ​เจ้า​ก็​ลองดู​สิ​”

​จิ​่น​เกอ​ลังเล​เล็กน้อย

​“​คน​เจ้าเล่ห์​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​หัวเราะ​พลาง​ว่า​สวี​ซื่อ​อวี​้

​เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​จิ​่น​เกอ​ก็​เข้าใจ​ในทันที​ ​เขา​วิ่ง​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​“​พี่​สอง​หลอก​ข้า​!​ ​ข้า​ไม่​หลงกล​หรอก​!​”​ ​มอง​สวี​ซื่อ​อวี​้​อย่าง​มีชัย

​สวี​ซื่อ​อวี​้​แสร้งทำ​เป็น​ถอนหายใจ​อย่าง​หมดปัญญา​ ​“​เป็น​เพราะ​ท่าน​ย่า​คนเดียว​เลย​!​”

​จิ​่น​เกอ​เม้มปาก​ลอบ​หัวเราะ

​ทุกคน​เห็น​เช่นนั้น​ก็​พากั​นระ​เบิด​เสียงหัวเราะ

​มี​เพียง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​ถาม​สวี​ซื่อ​จุน​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ตกลง​ส้ม​นั้น​เปรี้ยว​หรือไม่​เปรี้ยว​กัน​แน่​ ​ทำไม​พี่​สอง​ไม่เห็น​ขมวดคิ้ว​เลย​”

​“​เพราะว่า​พี่​สอง​กำลัง​หลอก​น้อง​หก​อยู่​น่ะ​สิ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​จะ​หลอก​คน​ ​ก็​ย่อม​ต้อง​แสร้งทำ​ให้​เหมือน​จริง​หน่อย​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพ​ยัก​หน้า​ ​“​ข้า​ก็​ว่า​อยู่​ ​ส้ม​ผล​เดียวกัน​ ​เหตุใด​กลีบ​หนึ่ง​เปรี้ยว​แต่​กลีบ​หนึ่ง​กลับ​ไม่​เปรี้ยว​!​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​พี่​สอง​จะ​ไม่​เปรี้ยว​เข็ดฟัน​ไป​หมด​แล้ว​หรือ​”

​สวี​ซื่อ​จุน​พูด​อย่าง​ลังเล​ว่า​ ​“​ก็​คงจะ​เป็น​เช่นนั้น​ ​พี่​สอง​ไม่​กลัว​เปรี้ยว​ ​หวัง​อวิ​่​นก​็​ไม่​กลัว​เผ็ด​!​”

​พวกเขา​คิด​ว่า​ตัวเอง​พูดเสี​ยง​เบา​ ​แต่กลับ​ถูก​ไท่ฮู​หยิน​และ​คนอื่น​ได้ยิน​อย่างชัดเจน​ ​บรรดา​ผู้ใหญ่​อด​หัวเราะ​ขึ้น​มา​ไม่ได้​ ​แม้แต่​สาวใช้​และ​บ่าว​รับใช้​ใน​ห้อง​ต่าง​ก็​พากัน​แอบ​หัวเราะ​เช่นกัน

​ลมหนาว​ของ​ฤดูใบไม้ร่วง​พัดผ่าน​เรือน​หลิงฉ​ยง​ซาน​ด้วย​กลิ่นหอม​ยาม​เย็น​ของ​ดอกไม้​นับ​ร้อย​ชนิด​ ​พัดพา​ความสุข​ไป​ตาม​เส้นทาง​คดเคี้ยว​เลี้ยว​วน​ของป่า​ ​ดอกไม้​ใบ​หญ้า​ต่าง​ก็​พลิ้วไหว​ไปมา​ตาม​แรงลม

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​มอง​วิว​ทิวทัศน์​ตรงหน้า​ ​จิตใจ​ของ​นาง​รู้สึก​สงบสุข

​เพียงแต่ว่า​อารมณ์​ปิติ​เช่นนี้​มักจะ​อยู่​ได้​ไม่นาน

​วัน​ต่อมา​ผล​การ​สอบ​ก็​ออก

​สวี​ซื่อ​อวี​้​สอบ​ไม่​ผ่าน

​ไท่ฮู​หยิน​ท่าทาง​ตกตะลึง​ ​แต่​ไม่นาน​ก็​กลับมา​สงบ​ดังเดิม​ ​“​ชีวิต​ของ​คนเรา​นั้น​ย่อม​มี​ขึ้น​ๆ​ ​ลง​ๆ​ ​อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้​ ​การ​ที่​ได้​พบ​เรื่อง​เช่นนี้​ใน​ตอนที่​ยัง​หนุ่ม​ย่อม​ดีกว่า​ต้อง​พบ​เจอ​เรื่อง​เช่นนี้​ใน​ตอนที่​อายุ​มาก​แล้ว​ที่​เหลือ​เวลา​ไม่​มาก​แล้ว​ ​และ​ไม่รู้​ว่า​จะ​จัดการ​การเปลี่ยนแปลง​อย่างไร​”

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​รู้สึก​ว่าที่​ไท่ฮู​หยิน​พูด​นั้น​มีเหตุผล

​“​เกรง​ว่า​อวี​้​เกอ​จะ​เสียใจ​อยู่​บ้าง​!​”​ ​นาง​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​สหาย​ร่วม​ชั้น​คนสนิท​ของ​เขา​ก็​ดัน​อยู่​ที่​เล่อ​อาน​ทั้งหมด​ ​ท่าน​ว่า​ให้​เขา​ไป​พักผ่อนหย่อนใจ​ที่​เรือน​ซี​ซาน​สัก​ระยะ​หนึ่ง​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

​“​ก็ดี​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจ้า​ก็​จะ​ได้​ใช้​โอกาส​นี้​จัดการ​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​เขา​เสีย​เลย​”

​สือ​อี​เหนียง​รับคำ​ ​ลุกขึ้น​แล้วไป​ที่​เรือน​นอก​

​พอ​ออกจาก​ประตู​ฉุยฮ​วา​ ​กลับ​เห็น​บ่าว​รับใช้​ข้าง​กาย​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

​“ฮู​หยิน​สี่​ ​ท่าน​โหว​ให้​ข้า​น้อย​มารา​ยงาน​ท่าน​ ​ท่าน​โหวกับ​คุณชาย​น้อย​สอง​ไป​ปีน​เขา​ที่​นอกเมือง​กัน​แล้ว​ ​เย็น​นี้​ไม่​กลับมา​ทานอาหาร​เย็น​แล้ว​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ

ดูเหมือนว่า​น้อย​นัก​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​มี​ช่วงเวลา​ที่​อ่อนโยน​เช่นนี้

​นาง​ยิ้ม​พลาง​ให้​บ่าว​รับใช้​ผู้​นั้น​กลับ​ไป​ ​เมื่อ​หันหลัง​กลับ​ก็​เห็นฮู​หยิน​สอง

ฮู​หยิน​สอง​ตกใจ​เล็กน้อย​เมื่อ​เห็น​นาง

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ถามฮู​หยิน​สอง​ ​“​พี่สะใภ้​สอง​กำลังจะ​ไป​เยี่ยม​อวี​้​เกอ​หรือ​ ​ท่าน​โหวกับ​เขา​ออก​ไป​ปีน​เขา​ที่​นอกเมือง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

ฮู​หยิน​สอง​ไม่​สามารถ​ซ่อน​ความประหลาดใจ​เอาไว้​ได้​ ​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​กลับ​เรือน​ใน​พร้อมกับ​สือ​อี​เหนียง

​เมื่อ​เทศกาล​ไหว้พระ​จันทร์​ผ่าน​ไป​ ​จะ​ต้อง​เปลี่ยน​ดอกไม้​พืชพรรณ​ตามฤดูกาล​อย่างเช่น​ดอก​เบญจมาศ​ ​ต้น​เอี้ยน​ไหล​หง​ ​ต้น​เจี​้​ยน​หลาน​ ​จะ​เห็น​ว่า​บรรดา​บ่าว​รับใช้​จะ​พากั​นมา​ย้าย​ดอกไม้​ ​เมื่อ​เห็น​พวก​นาง​เดิน​มา​ ​ก็​พากั​นวา​งงาน​ใน​มือ​ลง​แล้ว​ย่อเข่า​คำนับ​ ​ก้มหน้า​ยืน​ติด​กำแพง

​ทันใดนั้นฮู​หยิน​สอง​ก็​หยุด​ฝีเท้า​ทันที

​หันกลับ​ไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​หลิ่ว​เก๋อ​เหล่า​เข้าร่วม​การ​สอบ​สองครั​้ง​ติดกัน​กว่า​จะ​สอบผ่าน​จู่​เห​ริน​ ​ตอนนั้น​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ไม่ได้​เข้าร่วม​การ​สอบ​ฤดูใบไม้ร่วง​ใน​ปี​ที่สอง​ ​แต่​สอบ​ติด​จู่​เห​ริน​ใน​ปี​ต่อ​ๆ​ ​มา​ ​ส่วน​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​ ​โต้ว​เก๋อ​เหล่า​ก็​ยิ่ง​อ่านหนังสือ​อย่างหนัก​หลังจากที่​สอบ​ติด​จู่​เห​ริน​แล้ว​เป็นเวลา​สิบ​ปีก​ว่า​จะ​สอบผ่าน​จอ​หงวน​”

​พูด​ขึ้น​มา​โดย​ไร้​ต้นสายปลายเหตุ​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​นาง

คง​กำลัง​ปลอบ​ตน​ว่า​ไม่​ให้​สนใจ​กับ​ความพ่ายแพ้​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​มากเกินไป​กระมัง​!

แต่​คำพูด​เช่นนี้​ออกมา​จาก​ปากของ​นาง​ยิ่ง​ทำให้​ฟัง​ดู​…​แข็งกระด้าง​เล็กน้อย​!

​สือ​อี​เหนียง​กลั้น​หัวเราะ​พลาง​พยักหน้า​ ​“​ขอบคุณ​พี่สะใภ้​สอง​ที่​เป็นห่วง​ ​บรรดา​พี่ชาย​น้องชาย​สกุล​เดิม​ของ​ข้า​ก็​ไม่ได้​ผ่าน​การ​สอบ​อย่างราบรื่น​ใน​ครั้ง​เดียว​เช่นกัน​”

ฮู​หยิน​สอง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​แยกทาง​กับ​นาง

​สือ​อี​เหนียง​มอง​ด้านหลัง​ของ​นาง​แล้ว​อด​ส่ายหน้า​ไม่ได้​ ​ยิ้ม​พลาง​หันหลัง​เดิน​กลับ​ไป​ที่​เรือน​หลัก

​จู๋​เซียง​กำลัง​รอนา​งอยู​่​ที่​ห้อง​ด้านใน

​“ฮู​หยิน​ ​วันนี้​ตอนเช้า​คุณชาย​สกุล​โต้ว​ให้​คน​นำ​เทียบ​เชิญ​มาส​่ง​ให้​คุณชาย​น้อย​สี่​ ​อยาก​จะ​เชิญ​คุณชาย​น้อย​สี่​ไป​ชมด​อก​เบญจมาศ​ที่​จวน​ใน​เทศกาล​วัน​เด็ก​ ​แต่​คุณชาย​น้อย​สี่​อ้างว่า​มี​การบ้าน​เยอะ​จึง​ปฏิเสธ​ไป​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

​ตั้งแต่​วันนั้น​ที่​สวี​ซื่อ​จุน​บอกว่า​โต้​วจิ​้ง​ติดตาม​โต้ว​เก๋อ​เหล่า​ไป​ที่​ซี​ซาน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ให้​จู๋​เซียง​ไป​สังเกต​ความเคลื่อนไหว​ของ​คุณชาย​สกุล​โต้ว

ฝ่า​บาท​ยัง​ไม่ได้​กลับ​เยี​่​ยน​จิง​ ​แต่​เทียบ​เชิญ​ของ​โต้​วจิ​้​งก​ลับ​มาถึง​แล้ว​…

​“​คุณชาย​โต้​วก​ลับ​เยี​่​ยน​จิง​มา​ล่วงหน้า​หรือ​”

​จู๋​เซียง​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​บ่าว​ได้​ขอให้​ผู้ดูแล​จ้าว​ที่อยู่​แผนก​รายงาน​ไป​ช่วย​สืบมา​ให้​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

​สือ​อี​เห​นีง​ตอบ​เพียง​ ​“​อืม​”​ ​แล้วไป​ที่​ห้องโถง​บุปผา

​บรรดา​ผู้ดูแล​หญิง​ที่​กำลัง​กระซิบกระซาบ​กันต​่า​งก​็​หุบ​ยิ้ม​แล้ว​ลุกขึ้น​คำนับ​ทันที

​สือ​อี​เหนียง​ขึ้นไป​นั่ง​บน​เตียง​หลัว​ฮั่น​ใน​ห้องโถง

​สาวใช้​น้อย​นำ​ชามา​วาง​อย่าง​เงียบๆ​

​สือ​อี​เหนียง​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​หนึ่ง​อึก

​ป้า​หลี​ผู้ดูแล​ห้องครัว​ที่​ยืน​อยู่​ด้านล่าง​พูด​อย่างนอบน้อม​ว่า​ ​“​ตาม​รายชื่อ​ที่​แผนก​รายงาน​ให้​มา​ ​บ่าว​ได้​คำนวณ​อย่างละเอียด​แล้ว​ ​ประมาณ​แปดสิบ​โต๊ะ​ต่อมื​้อ​ ​เมื่อถึง​วันฉลอง​อย่างเป็นทางการ​ ​คาด​ว่า​จะ​มี​หนึ่งร้อย​ยี่สิบ​โต๊ะ​เจ้าค่ะ​…​”

​สือ​อี​เหนียง​ตั้งใจฟัง​อย่างละเอียด​ ​ใช้​ความคิด​จดจ่อ​อยู่​กับ​งานแต่ง​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้

​เมื่อ​ออกมา​จาก​ห้องโถง​บุปผา​ ​จู๋​เซียง​ก็​มารา​ยงา​นว​่า​ ​“​คนที​่​โต้ว​เก๋อ​เหล่า​พา​ไป​ด้วย​นั้น​คือ​บุตรชายคนโต​ ​ส่วน​คุณชาย​สกุล​โต้​วที​่​นาม​ว่า​โต้​วจิ​้ง​ไม่ได้​ติดตาม​ไป​ที่​ซี​ซาน​ด้วย​เจ้าค่ะ​”

​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​เงียบ​ไป​นาน​ ​จากนั้น​ก็​ไปหา​สวี​ซื่อ​จุน

​สวี​ซื่อ​จุน​ไม่อยู่​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​ ​แต่​อยู่​ที่​เรือน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

​สอง​พี่น้อง​กำลัง​ทำ​โคมไฟ​อยู่​ที่​ห้องทำงาน

​สวี​ซื่อ​จุน​นั่ง​เท้าคาง​อยู่​บน​โต๊ะ​สี่เหลี่ยม​เล็ก​ๆ​ ​ใน​ห้องทำงาน​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​ทำเป็น​รูป​พระโพธิสัตว์กวนอิม​ดีกว่า​ ​ใน​ห้อง​พระ​ของ​ท่าน​ย่ามี​บูชา​อยู่​หนึ่ง​องค์​ ​แต่​ข้า​ก็​กลัว​ว่าวัน​เด็ก​จะ​เกิด​ลม​พัด​แรง​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​เกรง​ว่า​จะ​พลิกคว่ำ​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนั​่​งอยู​่​ที่​เก้าอี้​เล็ก​ๆ​ ​ข้าง​โต๊ะ​สี่เหลี่ยม​ ​ตรวจดู​ไม้​ไผ่​ที่​เหลา​เป็น​แผ่น​เรียบร้อย​แล้ว​ ​“​ไม่ใช่​เรื่อง​ยาก​เลย​ ​พวกเรา​ก็​แค่นำ​สร้อย​รูป​ประคำ​มาสวม​ไว้​ที่​คอ​ของ​พระโพธิสัตว์กวนอิม​ก็ได้​แล้ว​ ​เช่นนี้​ช่วงตัว​ของ​พระโพธิสัตว์​ก็​จะ​หนัก​เท่ากับ​ฐาน​ดอกบัว​ ​ต่อให้​ลม​พัด​แรง​ก็​ไม่ต้อง​กังวล​”

​“​ใช่​แล้ว​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เหตุใด​ข้า​ถึง​คิดไม่ถึง​”​ ​เขา​ไป​นั่ง​บน​เก้าอี้​ไม้​เล็ก​ๆ​ ​ข้าง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​จะ​เป็น​คน​วาด​สร้อย​ลูกประคำ​ ​ส่วน​เจ้า​ก็​ลอง​ทำ​ดู​…​”

​สือ​อี​เหนียง​เดิน​ออกมา​จาก​เรือน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เบา​ๆ​ ​กำชับ​สี่​เอ๋อร​์​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ให้​พวกเขา​เล่น​กัน​เถิด​!​อย่า​บอกว่า​ข้ามา​ที่นี่​”

​สี่​เอ๋อร​์​ย่อเข่า​คำนับ​ด้วย​ความ​งุนงง​ ​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​ส่ง​นาง​ที่​ประตู

​******

​หลังจาก​ทาน​บะหมี่​อายุ​ยืน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋บ​แล้ว​ ​เมื่อ​อดีต​สหาย​ใน​กรม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หลาย​คน​ได้ยิน​ว่า​บุตรชายคนโต​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลังจะ​แต่งงาน​แล้ว​ ​บ้าง​ก็​มา​แสดงความยินดี​กับ​เขา​ด้วยตัวเอง​ ​บ้าง​ก็​ส่ง​กุนซือ​คนสนิท​ให้​นำ​ของขวัญ​มาม​อบ​ให้​ ​หน้า​จวน​สกุล​สวี​มี​การจราจร​หนาแน่น​ ​ทุกคน​ใน​จวน​ต่าง​ก็​ยุ่ง​จน​เท้า​ไม่​ติด​พื้น

​“​ไม่​จัด​ใหญ่​ไม่ได้​แล้ว​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปวดหัว​เล็กน้อย​ ​“​คงจะ​เลือก​รับ​ของขวัญ​ไม่ได้​หรอก​กระมัง​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​จะ​ทำให้​ทุกคน​ต่าง​ก็​ไม่พอใจ​!​”

​“​เช่นนั้น​ก็​จัด​ให้​ยิ่งใหญ่​ไป​เลย​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ ​เขย่า​แขน​สวี​ลิ่ง​อี๋​เบา​ๆ​ ​“​วันนั้น​ท่าน​โหว​พูด​อะไร​กับ​อวี​้​เกอ​หรือ​เจ้า​คะ​ ​หลังจากที่​อวี​้​เกอ​กลับมา​ก็​ท่าทาง​ดู​มี​กำลังใจ​ ​ข้าว​่า​ดูกระ​ปรี้​กระ​เปร่า​กว่า​ก่อน​สอบ​อยู่​ไม่น้อย​”

[1]​เดินทาง​พัน​ลี้​เพื่อม​อบ​ขน​หงส์ ​เป็น​สำนวน​หมายถึง​ ​แม้​สิ่งของ​ที่​มอบให้​จะ​เป็น​เพียง​สิ่ง​เล็กน้อย​แต่​ก็​เต็มเปี่ยม​ไป​ด้วย​ความตั้งใจ​และ​ความปรารถนาดี​ของ​ผู้​มอบให้

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท