บทที่ 587 จักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดตน หลี่จิ่วเต้าไหวหรือ?
ขอยืมประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนอย่างนั้นหรือ!?
มันเรื่องอะไรกัน!
คัมภีร์ฝึกตนนั้นยังพอเข้าใจได้ แต่ขอยืมประสบการณ์ฝึกตนหมายความว่าอย่างไร?
สมาชิกแต่ละคนในตระกูลเฟ่ยต่างพูดไม่ออก และไม่เข้าใจ หรือคนผู้นี้มิได้บำเพ็ญด้วยตนเอง ไฉนถึงขอยืมกระทั่งประสบการณ์ฝึกตน
ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ซ่างกวนอิ๋งมองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
นางคิดไม่ถึงจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าเหตุผลที่คุณชายพานางมายังดินแดนตระกูลเฟ่ยจะเป็นเช่นนี้!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของนางไปมาก พิลึกเกินไปแล้ว!
การถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนที่คุณชายเอ่ยถึง คือมา ‘ขอยืม’ ที่…ตระกูลเฟ่ยหรอกหรือ!
‘เข้าใจแล้ว มิน่า คุณชายถึงเอ่ยว่าไม่ขอสอนสั่งสิ่งใดให้ข้า ขอถ่ายทอดเพียงประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนให้ข้า…’
ซ่างกวนอิ๋งคิดในใจ
ครานั้นนางยังรู้สึกแปลกใจ ก่อนนี้คุณชายเพิ่งเอ่ยว่าจะไม่สอนสิ่งใดให้นาง ต่อมากลับเอ่ยถึงประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตน มิเท่ากับย้อนแย้งหรอกหรือ?
บัดนี้นางถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว วาจานี้หาได้ย้อนแย้งไม่
ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนที่คุณชายมอบให้ หาใช่ของคุณชายไม่…
หลังเข้าใจในข้อนี้ นางผิดหวังลงนิดหน่อย นี่นางไม่เป็นที่พึงใจของคุณชายหรือ คุณชายถึงไม่ถ่ายทอดวิชาของตนให้ กลับพานางมาที่ตระกูลเฟ่ย ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตน
‘เจ้าคิดเพ้อเจ้ออะไร ได้คุณชายช่วยเหลือ ถือเป็นวาสนาสูงสุดของเจ้าแล้ว เจ้ามีความสามารถใดให้คุณชายพึงพอใจกัน!?’
ไม่นานนัก นางก็ตำหนิตัวเองในใจ
ที่มีวันนี้ได้ ถือเป็นความโชคดีอันใหญ่หลวงของนาง นางไฉนเลยจะกล้าวอนขอวิชาของคุณชายเอง
ไม่สมควรอย่างยิ่ง!
‘ขอบคุณคุณชาย! บุญคุณอันใหญ่หลวงของคุณชายนี้ ข้าซ่างกวนอิ๋งขอจดจำไปตลอดชีวิต! ท่านไม่รับข้าเป็นศิษย์ แต่ข้าจะเห็นท่านเป็นอาจารย์เสมอ!’
ซ่างกวนอิ๋งเอ่ยในใจอย่างหนักแน่น ความผิดหวังก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้งทั้งสิ้น
นางขอสาบาน จากนี้ไป ไม่ว่าเกิดเรื่องอันใด คุณชายก็จะเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในใจของนาง นางขอรับใช้คุณชายด้วยชีวิตทั้งหมดที่เหลืออยู่!
ถึงแม้นางหาได้มีความสามารถใดไม่ และคุณชายคงไม่ต้องการตัวละครต่ำต้อยเช่นนาง ทว่าจากนี้ไป นางไม่มีวันเปลี่ยนผัน ขอรับใช้คุณชายไปทั้งชาติ เคารพนับถือคุณชายเสมอ!
และหากคุณชายมีเรื่องต้องใช้นาง นางยิ่งพร้อมทุ่มเททุกอย่าง ปฏิบัติภารกิจของคุณชายด้วยชีวิต!
ผู้นำตระกูลเฟ่ยสีหน้าเย็นยะเยือก หลี่จิ่วเต้าตั้งใจมาท้าทายอย่างเห็นได้ชัด คัมภีร์ถือเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของตระกูล ไฉนเลยจะเปิดเผยต่อผู้อื่นง่าย ๆ
ส่วนประสบการณ์ฝึกตน แม้เขาไม่รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการไปทำการใด แต่เขาไม่มีทางตอบตกลง
ประสบการณ์ฝึกตนนั้นล้ำค่าเช่นเดียวกัน เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่ต้องก้าวผิด และช่วยให้คนรุ่นหลังรู้แจ้งได้ไวขึ้น เข้าใจการฝึกฝนได้มากขึ้น
โดยเฉพาะมหาตระกูลอย่างพวกเขา มูลค่าของประสบการณ์ฝึกตนสูงเกินหยั่ง เขามีหรือจะยอมยกให้หลี่จิ่วเต้าง่าย ๆ!
เป็นไปไม่ได้เลย!
นอกจากนี้ หลี่จิ่วเต้าบุกรุกเข้ามายังตระกูลเฟ่ยของพวกเขา ขืนเขายกประสบการณ์และคัมภีร์ฝึกตนให้หลี่จิ่วเต้าง่าย ๆ ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาจะยังเหลือบารมีอยู่อีกหรือ ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาจะยังมีที่ยืนในภพเซียนอยู่อีกหรือ
หากเป็นเช่นนั้นจริง ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาคงได้กลายเป็นตัวตลก!
ปุถุชนยังรู้ว่า การไขว่คว้ามิใช่เพื่อผลประโยชน์ หากแต่เพื่อศักดิ์ศรี นับประสาอะไรกับพวกเขา!
เขาไม่มีทางตกลงเรื่องใด!
“คิดอะไรอยู่!? เจ้าคิดจริงหรือว่าเจ้าสามารถฝ่าเข้าไปถึงด้านในดินแดนตระกูลเฟ่ยของเรา”
ผู้นำตระกูลเฟ่ยตวาดเสียงเย็น ประกายเซียนส่องสว่างไปทั่วร่าง ขณะเดียวกัน สมาชิกทั้งตระกูลเฟ่ยล้วนมีประกายเซียนเจิดจ้าพวยพุ่งออกจากตัว พวกเขาเตรียมพร้อมรับศึกใหญ่
“ฝ่าเข้าไปหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัวน้อย ๆ “หากข้าอยากเข้าไป ไม่จำเป็นต้องฝ่า”
จากนั้น เขาย่างกรายออกไปหนึ่งก้าว เข้าไปได้อย่างง่ายดายราวกับไม่มีค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเฟ่ยอยู่
ระหว่างนี้ ค่ายกลใหญ่ตระกูลเฟ่ยหาได้มีสิ่งใดผิดแผกไปจากเดิมไม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ คงสภาพราวกับมิมีผู้ใดเข้ามา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลไม่ได้ทำงานอยู่หรือ”
สมาชิกส่วนใหญ่ในตระกูลเฟ่ยตาโตอ้าปากค้าง แทบไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
ดินแดนตระกูลถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของตระกูล ไม่ว่าตระกูลใด ล้วนให้ความสำคัญเป็นหนักหนา มีการทุ่มเทกายใจจัดแจงค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลทรงพลังที่สุด เพื่อคุ้มกันดินแดนตระกูล
อานุภาพของค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลของพวกเขาตระกูลเฟ่ยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้อีกแปดมหาตระกูลที่เหลือยกทัพมายังดินแดนตระกูลเฟ่ยของพวกเขาพร้อมกัน ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเฟ่ยก็สามารถต้านทานไปได้ระยะหนึ่ง
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลกลับมีสภาพเหมือนไม่มีอยู่ หลี่จิ่วเต้าเข้ามาถึงด้านในดินแดนตระกูลโดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร!?
พวกเขาสงสัยอย่างมากว่าค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลมิได้ทำงานอยู่ มิฉะนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่หลี่จิ่วเต้าจะเข้ามาง่ายดายโดยไร้สิ่งกีดขวางใด ๆ!?
“ทำงานอยู่!”
ผู้นำตระกูลเฟ่ยสีหน้ามืดครึ้ม คล้ายว่าฝนจะตกลงมา ริ้วค่ายกลของค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลยังโลดแล่นอยู่ จะมิได้ทำงานได้อย่างไร หลี่จิ่วเต้าสามารถเดินเข้ามาง่ายดายอย่างไร้อุปสรรคขณะที่ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลยังทำงานอยู่!
พลังอะไรกัน
เขาตระหนักได้ทันทีว่า ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาอาจเจอกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้ว!
เป็นผลให้เขาสำนึกเสียใจอย่างมาก
ลงมือกับตระกูลซ่างกวนที่ต่ำต้อยเสียจนแทบไม่นับตัวตน ไฉนถึงผูกความแค้นกับศัตรูตัวฉกาจเสียได้!?
นอกจากนี้ เขาเจ็บใจนัก ตระกูลเฟ่ยของเขาอยู่ในจุดสูงสุดแห่งภพเซียน มิมีผู้ใดล้มล้างได้นับแต่กำเนิดภพเซียน คราวประจันกับมหาตระกูลอื่นก็มิเคยต้องหวาดกลัวสักครั้ง บัดนี้ หลี่จิ่วเต้าเดินทางเข้ามาแต่เพียงผู้เดียว กลับสร้างแรงกดดันและอันตรายต่อตระกูลเฟ่ยได้ยิ่งใหญ่ปานนี้เชียวหรือ!?
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ เก้ามหาตระกูลเห็นพ้องต้องกัน เสมือนเป็นหนึ่งเดียว หากเจ้าคิดล้างแค้นให้ตระกูลซ่างกวน ข้าว่าล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียดีกว่า! นอกเสียจากเจ้าอยากเป็นศัตรูกับทั้งเก้ามหาตระกูลพร้อม ๆ กัน!”
เขาตวาดเสียงเข้ม จงใจอ้างถึงอีกแปดมหาตระกูล หมายจะข่มขวัญหลี่จิ่วเต้าด้วยเรื่องนี้ เตือนมิให้หลี่จิ่วเต้าบุ่มบ่ามทำอันใด
“เก้ามหาตระกูลหรือ”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านี้
เพราะหลังจากนี้ เขาต้องไปเยี่ยมเยียนมหาตระกูลอื่น ๆ สักครา เขาไม่คิด ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตน และคัมภีร์ฝึกตนจากตระกูลเฟ่ยเพียงตระกูลเดียว เขาคิด ‘ขอยืม’ จากตระกูลทั้งหมด
เห็นสีหน้าเช่นนี้ของหลี่จิ่วเต้า หัวใจผู้นำตระกูลเฟ่ยลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารู้ดีกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสียขวัญแม้แต่น้อย
หากหลี่จิ่วเต้าเสียขวัญ คงไม่มีสีหน้าเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้น คงไม่มีอะไรให้พูดกันอีก!”
ผู้นำตระกูลเฟ่ยตวาดเสียงเย็น เขาไม่มีทางยอมจำนนง่าย ๆ หากยอมจำนนทั้งอย่างนี้ มิได้ต่างอันใดจากยกทั้งตระกูลเฟ่ยให้หลี่จิ่วเต้าด้วยสองมือ
มีเสียงดังสนั่นส่งออกมาจากส่วนลึก มีเงาร่างก้าวออกจากส่วนลึกทั้งหมดแปดร่าง
พวกเขาคือบูรพาจารย์โบราณของตระกูลเฟ่ย ก่อนนี้เข้าฌานบำเพ็ญขอบเขตพลังอยู่ตลอด บัดนี้ สัมผัสถึงความผิดปกติในตระกูลเฟ่ย จึงพากันออกฌานจากการฝึกฝน
พวกเขาแข็งแกร่งมาก อยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิเซียนมานานแล้ว ไม่รู้ว่ามิได้ออกโรงมานานเท่าไรแล้ว
อันดับผู้แข็งแกร่งที่สุดในภพเซียนไม่มีชื่อพวกเขา เพราะพวกเขามิได้ออกโรงมานาน ขอบเขตพลังไม่อาจประเมินได้ พวกเขาคือจักรพรรดิเซียนเก่าแก่ หากเข้าร่วมอันดับ อันดับผู้แข็งแกร่งในยุคนี้คงต้องถูกทดแทนออกไปทั้งหมด
หลังบูรพาจารย์โบราณเหล่านี้ก้าวออกมา หัวใจผู้นำตระกูลเฟ่ยถึงมั่นคงขึ้น
จักรพรรดิเซียนเก่าแก่แปดท่าน เขาไม่เชื่อว่าจะจัดการเด็กหนุ่มตัวคนเดียวอย่างหลี่จิ่วเต้าไม่ได้!
นอกจากนี้ ยังมีผู้อาวุโสสูงสุดอีกเก้าคนที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเซียน หากนับดูแล้ว พวกเขามีจักรพรรดิเซียนทั้งสิ้นสิบเจ็ดท่าน!
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เต็มไปด้วยความพิลึกชอบกล จนคาดเดาไม่ออก แต่เขาเชื่อว่า จักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดท่านลงมือพร้อมกัน หลี่จิ่วเต้าต้องถูกกำราบได้แน่!
“ไปเสียตอนนี้ยังทัน ข้าให้โอกาสเจ้า และจะทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!” ผู้นำตระกูลเฟ่ยตะโกนบอก
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนสุขุม ไม่ถึงที่สุด เขาไม่ต้องการต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าลึกลับผู้นี้
ความเสี่ยงสูงเกินไป!