ฉู่ขวงฆ่าหมดไม่สนลูกใครจริงๆ นั่นแหละ!
ราวกับว่าเกล็ดหิมะจากในนิทานโปรยลงมา ดอกไม้เริ่มผลิดอกอีกครั้งหลังจากร่วงโรย แต่งแต้มสีสันลงไปทั้งเรื่องราวของฉู่ขวง!
กระแสของนิทานซึ่งสมาคมวรรณกรรมเป็นผู้จุดขึ้น ก็มาถึงจุดสูงสุดโดยที่ไม่มีใครคาดคิด!
สิ่งที่ตามมาคือข้อพิสูจน์จากชาวเน็ต ประหนึ่งโปรยกลีบดอกไม้เฉลิมฉลองต่อหน้าผู้คนนับไม่ถ้วน
‘สมบูรณ์แบบจนโศกเศร้า บางทีในใจของผู้หญิงทุกคนอาจมีนางเงือกน้อยอยู่ นี่คือของขวัญที่ฉู่ขวงมอบให้แก่ผู้หญิงทุกคน เป็นของขวัญจากใจ!’
‘โลกใบนี้น่าเกลียดและหนาวเหน็บ ได้รับความงดงามและความอบอุ่นจากหนังสือของฉู่ขวง’
‘นี่เป็นหนังสือรวมนิทานที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา ไม่มีคำว่าหนึ่งใน!’
‘เวลาจะให้ลูกอ่านหนังสือนอกเวลา ฉันเคยชินกับการอ่านเองก่อนหนึ่งรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ปรากฏว่าลูกยังไม่ทันได้เริ่มอ่านเลย ฉันก็กอดหนังสือแดนนิทานเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว’
‘ต่อให้สมาคมวรรณศิลป์จะไม่ออกคำสั่ง ผมก็จะให้ลูกอ่านแดนนิทานอยู่ดี’
‘ตอนแรกลูกชายกินข้าวเสร็จจะออกไปเล่น แต่จนถึงตอนนี้ยังอ่านแดนนิทานจนไม่ยอมออกจากบ้าน เพื่อนๆ มาตามถึงบ้านก็ไม่ไป เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ฉันเห็นเขาตั้งใจอ่านหนังสือนอกเวลาขนาดนี้’
‘ฉันที่อายุยี่สิบอ่านรวดเดียวจบ แต่ก็ยังรู้สึกไม่หนำใจ เป็นเพราะฉันยังไม่โต หรือเป็นเพราะโลกของนิทานช่วยให้ฉันหลีกหนีจากโลกแห่งความจริง’
‘ในฐานะแฟนคลับฉู่ขวง ถึงที่บ้านจะไม่มีเด็ก แต่ก็ซื้อหนังสือแดนนิทานมาหนึ่งเล่มเพื่อเป็นการสนับสนุนไอดอล ปรากฏว่าพออ่านถึงเรื่องเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟเท่านั้นแหละ ฉันทนไม่ไหวร้องไห้เลย เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากในนิทาน’
‘ไม่ได้อ่านนิทานมาหลายปี ขอบคุณฉู่ขวงที่ทำให้ฉันหวนนึกถึงความสุขในวัยเด็กอีกครั้ง’
‘หลายคนบอกว่าภาพประกอบเรื่องแดนนิทานงดงามมาก แต่มีแค่คนที่อ่านจนจบเท่านั้นที่รู้ว่าภาพประกอบเหล่านี้งดงามแค่ไหน’
‘ซื้อแดนนิทานมาเล่มนึง ที่บ้านผมมีลูกสามคน ตอนนี้กำลังเถียงกันอยู่ว่าใครจะอ่านก่อน ผมทำได้แค่ให้พวกเขาผลัดกันอ่าน หลังจากนั้นผมถึงออกไปซื้ออีกสองเล่มกลับมา เดิมทีคิดว่าตอนที่ผมไม่อยู่ ลูกสามคนจะทะเลาะกันไหม กลับมาถึงได้พบว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องนิทานที่เพิ่งอ่านจบ’
‘ภาพประกอบกับเนื้อหาของแดนนิทานเหมาะสมกันที่สุด อิ่งจือเติมเต็มช่องว่างที่เหนือจินตนาการ’
‘…’
ความชื่นชอบของผู้อ่านแตกต่างกัน
นักเขียนน้อยคนนักที่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้
แต่เรื่องราวในแดนนิทานตอบสนองความพึงพอใจได้แทบทุกคน!
สนุกและตื่นตาตื่นใจ!
เปี่ยมความหมายและจินตนาการ!
ผู้ใหญ่หลายคนถึงขั้นหลงใหลด้วยซ้ำ!
แน่นอนว่าเรื่องราวที่ผู้คนส่วนมากชื่นชอบล้วนเป็นเรื่องราวประเภทเงือกน้อยผจญภัยที่เล่าถึงความยิ่งใหญ่ของความรักและจิตวิญญาณแห่งการเสียสละ
หรือเรื่องราวชวนซาบซึ้งใจอย่างเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ
เรื่องราวเหล่านี้หลินเยวียนคัดสรรด้วยความใส่ใจอย่างเต็มเปี่ยมจากเทพนิยายแอนเดอร์เซน
แอนเดอร์เซนได้รับสมญานามว่า ‘ดวงตะวันแห่งวรรณกรรมเด็ก’
และเทพนิยายแอนเดอร์เซนก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นนิทานที่เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดี
หากผู้ใหญ่จะชื่นชอบเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่…
ความปกติในสายตาของหลินเยวียน สำหรับชาวเน็ตกลับเป็นความตกตะลึงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นคำชื่นชมอย่างท่วมท้นของผู้อ่านซึ่งอ่านแดนนิทานจบแล้ว!
นักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิทั้งเก้าคนพยายามอย่างหนักเพื่อทำผลงานของตนให้โดดเด่น!
ทุกคนต่างคิดว่าครั้งนี้ฉู่ขวงต้องจบลงด้วยการคุกเข่าติดต่อกันเก้าครั้ง แม้แต่บรรดาแฟนคลับซึ่งเชื่อมั่นในฉู่ขวงมากที่สุดยังคิดว่าครั้งนี้ฉู่ขวงจะพ่ายแพ้ เนื่องจากครั้งนี้ฉู่ขวงสู้ศึกเก้าด้าน และคู่แข่งทั้งเก้าคนล้วนเป็นถึงนักเขียนนิทานสั้นชื่อดัง แต่กระนั้น ผลลัพธ์กลับพลิกผันอย่างเหลือเชื่อจนทุกคนต้องตกตะลึง!
‘ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร!’
‘เหนือมนุษย์!’
‘ผมคิดว่าฉู่ขวงจะถูกนักเขียนเก้าคนล้อมโจมตีซะแล้ว แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับบอกผมว่าที่จริงแล้วนักเขียนเก้าคนต่างหากที่ถูกฉู่ขวงล้อมโจมตี’
‘เป็นเทพลงมาจุติเพื่อสู้ศึกเก้าด้าน!’
‘แค่คนเดียวก็ไล่ทุบอีกเก้าคนได้ เหลือเชื่อสุดๆ!’
‘ถ้าสมาคมวรรณศิลป์แยกเล่มให้แดนนิทานเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนประถม ฉู่ขวงก็จะกลายเป็นเทพในวงการนิทานเชียวนะ!’
‘จู่ๆ ฉันก็แอบสงสัยว่าฉู่ขวงอาจลืมไปแล้วว่านักเขียนเก้าท่านไหนที่ส่งคำท้ามาให้เขาบ้าง’
‘ไม่งั้นพวกคุณคิดว่าทำไมหนังสือเรื่องนี้ถึงชื่อว่าแดนนิทานล่ะ จริงๆ แล้วแดนที่ว่า หมายถึงแดนประหารของวงการนิทานต่างหาก!’
‘เฮ้อ นี่จะไปซื้อแดนนิทานมาสักเล่ม อยากรำลึกความหลังในวัยเด็กสักหน่อย’
‘พี่ชายคอมเมนต์บน คุณจะไม่เสียใจ’
‘…’
ขณะเดียวกัน
ชาวเน็ตจอมกวนก็ได้แสดงความสามารถในที่สุด คอมเมนต์ตลกขบขันสารพัดประเภทปรากฏขึ้นอีกครั้ง
‘รุมโจมตี?’
‘รุมโจมตีถูกต้องแล้ว แต่ไม่ใช่นักเขียนเก้าคนรุมโจมตีฉู่ขวง แต่เป็นฉู่ขวงคนเดียวรุมโจมตีนักเขียนเก้าคน…’
‘คุกเข่าเก้าครั้งรวด?’
‘คุกเข่าเก้าครั้งรวดถูกต้องแล้ว ไม่ใช่ฉู่ขวงคุกเข่าเก้าครั้ง แต่เป็นนักเขียนเก้าคนคุกเข่าเก้าครั้งรวดต่อหน้าแดนนิทาน…’
‘ฉู่ขวง: พวกคุณเก้าคนถูกผมล้อมไว้แล้ว!’
‘นักเขียนเก้าคน: ทุกคนหนีเร็ว ด้านนอกมีแต่ฉู่ขวงเต็มไปหมด!’
‘ฉู่ขวง: ยังมีใครอีกไหม? ผมอยากเจอสักสิบคน!’
‘เมื่อนักเขียนทั้งเก้าคนพากันแสดงวรยุทธ์เตะสกัดขา ฉู่ขวงจึงค่อยๆ หยิบปืนกลออกมา หลังจากนั้นก็เห็นว่ากรรมการผู้ตัดสินการประลองยุทธ์ในครั้งนี้กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น’
‘ฉู่ขวง: อันที่จริงผมเองก็เขียนนิทานได้แค่นิดเดี๊ยวววว’
ถึงกับมีชาวเน็ตหยิบยกบทพูดจากเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศมาล้อเลียน ‘ทั้งเก้าคนแขวนคอพร้อมกัน น่าทึ่งเสียยิ่งกระไร’
‘…’
ชาวเน็ตยิงมุกกันอย่างสนุกสนาน ก็ใครให้นักเขียนชื่อดังทั้งเก้าคนรีโพสต์มีมของเทียนจี้ไป๋กันล่ะ
และวงการวรรณกรรมขณะนี้ตะลึงงันไม่ต่างกัน
หนึ่งต่อเก้าจริงๆ?
เป็นปีศาจจริงด้วย!
ทันใดนั้นนักเขียนบางคนในวงการวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนนึกถึงเรื่องที่ในตอนนั้นเหลิ่งกวงประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวงขึ้นมา และรู้สึกว่าเจ้าเหลิ่งกวงขี้บ่นคนนั้นยังมีจุดจบไม่อเนจอนาถสักเท่าไหร่
อย่างน้อยเขาก็พ่ายแพ้ในสังเวียนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
ผู้ที่ฟาดเคราะห์ตัวจริง น่าจะเป็นแบบนักเขียนเก้าคนนี้มากกว่า
แม้แต่ชื่อของพวกเขา ทุกคนยังขี้คร้านจะเอ่ยถึง
ตัวอักษรเยอะเกินไป
‘นักเขียนนิทานชื่อดังทั้งเก้า’ กลายเป็นแบ็กดร็อปประกาศชัยชนะหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวง!
และในตอนนั้นเอง
เซี่ยนอวี๋ก็โพสต์ความเคลื่อนไหวใหม่บนปู้ลั่ว ดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ต ‘เพลงซึ่งใช้ชื่อเดียวกับหนังสือแดนนิทานได้ปล่อยออกมาแล้ว หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ’
การร่วมมือ!
ได้เห็นพวกเขาร่วมมือกันอีกแล้ว!
คราวนี้เป็นเพลง!
แถมยังใช้ชื่อเดียวกันอีก!
ชาวเน็ตปลื้มปริ่มขึ้นมาทันที นึกไม่ถึงว่าการต่อสู้หนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ดึงตัวอิ่งจือมาช่วย แต่ยังมีเซี่ยนอวี๋มาเสริมทัพด้วยเช่นกัน!
สามสหาย!
มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน!
ไม่มีอะไรต้องสังเล แทบทันทีที่เซี่ยนอวี๋ประกาศปล่อยเพลงใหม่ ทุกคนก็รีบเข้าไปฟังอย่างไม่รีรอ
ต้องเข้าใจว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่ขวง เซี่ยนอวี๋ และอิ่งจือร่วมมือกันอย่างรอบด้าน เมื่อก่อนพวกเขาอย่างมากก็ร่วมมือกันเพียงสองคน ไม่เคยมีผลงานใดซึ่งร่วมมือกันสามคนพร้อมกัน
สามคนรวมพลัง!
………………………………………………….