เด็กชายขมวดคิ้ว “ปลาย่างหรือ”
“ปลาย่างชื่อเวยรักเจวี๋ยเพียงคนเดียว” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไร เป็นชื่อที่ดีทีเดียวใช่หรือเปล่าล่ะ”
เด็กชายมองนางแล้วพูดช้าๆ ว่า “ชื่อก็ธรรมดา เจ้าดีใจอะไรหรือ”
“จะธรรมดาได้อย่างไรกัน?!”เฮ่อเหลียนเวยเวยทำตาโตจ้องหน้าเขา “มันเกิดจากการเอาชื่อของข้ากับเจ้ามารวมกันเชียวนะ!”
เด็กชายเลิกคิ้ว “ชื่อของเจ้าหรือ”
“เวยเวย” เฮ่อเหลียนเวยเวยคล้ายกับเพิ่งจะคิดอะไรขึ้นมาได้ นางบอกเขาว่า “อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องจำหน้าและชื่อของข้าเอาไว้ให้ดี เวลาพิธีคัดเลือกพระชายา ก็ช่วยเลือกอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ อย่าได้เลือกคนชื่อเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เชียว เพราะข้าคงต้องมาคอยรับมือกับคู่แข่งพวกนั้นอีก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยพยายามต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเอง แต่อีกฝั่งหนึ่งนั้น เด็กชายที่หน้าบางกว่ากลับเริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
รักเจวี๋ยเพียงคนเดียว… เวยรักเจวี๋ยหรือ?
ผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆ เลย… ข้าไม่เคยพบเจอใครที่ช่างพูดช่างเจรจสเท่านางมาก่อน!
เด็กชายหันหลังกลับ ก่อนจะใช้นิ้วแตะที่กล่องบรรจุอาหารใบนั้น
เมื่อเห็นดังนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงใช้โอกาสนี้แอบดูว่าอาหารในนั้นคืออะไร แต่มันอาจจะดีกว่าหากนางไม่เห็นมัน เพราะทันทีที่นางเห็นสิ่งนั้น เหงื่อเย็นๆ ก็พลันไหลท่วมไปทั่วตัว “นี่คืออาหารทั้งหมดที่นางกำนัลเตรียมให้เจ้ากินในฤดูหนาวหรือ”
ข้าวเย็นชืดกับผัดผักกาด แม้ในนั้นจะมีเนื้อรวมอยู่ด้วย แต่เนื้อพวกนั้นก็มีไขมันมากเกินไปจนแค่เห็นก็ทำให้รู้สึกไม่อยากอาหารแล้ว
“นางหรือ นางยังไม่กล้าพอที่จะทำถึงขนาดนี้หรอก” เด็กชายยิ้ม
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่านางเข้าใจผิดไปหรือไม่ แต่นางรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติอยู่ในรอยยิ้มนั้น
เด็กชายตัวน้อยดูไม่ได้ลำบากใจกับสิ่งนั้น เขาหยิบกล่องอาหารอันนั้นขึ้นมา แล้วนำมันไปป้อนเป็นอาหารให้กับนกกระจอกที่นอกห้อง
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกประหลาดใจ ตอนองค์ชายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาเหมือนกับตู้เย็นเดินได้ที่แผ่บรรยากาศเย็นเฉียบออกมาในทุกที่ที่เขาไป เขาห่างเหินและเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับไม่สนใจเรื่องราวทางโลก ไม่ต้องพูดถึงการป้อนอาหารสัตว์ตัวน้อยเหล่านี้เลย แม้แต่การเข้าใกล้พวกมันก็ยังทำให้เขาต้องล้างมือทั้งวัน เห็นได้ชัดว่าองค์ชายในเวลานี้อ่อนโยนกว่าอีกคน และตราบใดที่เขาได้รับการอบรมที่ดีละก็ ในอนาคตนั้นเขาย่อมไม่มีทางคิดเรื่องจับนางมัดไว้อย่างแน่นอน!
แต่…
“นกพวกนี้ยังไม่ตาย ข้าวพวกนี้กินได้” ใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของเด็กชายตัวน้อยยังคงเย็นชาไม่แยแส แต่เขากลับยิ่งมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน
เฮ่อเหลียนเวยเวย : … สรุปว่าที่เขาป้อนอาหารนกกระจอกเมื่อครู่นี้ก็เพื่อทดสอบดูว่าในอาหารมียาพิษอยู่หรือไม่หรือ? รักสัตว์อะไรกัน… ข้าคิดมากไปเองจริงๆ!
แต่ถ้าเขาจำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้เพื่อตรวจสอบว่าอาหารของตัวเองมียาพิษผสมอยู่หรือไม่ ก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในเวลานี้จะเลวร้ายยิ่งกว่าที่นางคิดเอาไว้
เป็นอย่างที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า นางกำนัลคนนั้นไม่กล้าพอที่จะทำอะไรกับอาหารของเขา
นางเป็นสาวใช้ของฮองเฮา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะได้ทั้งเสื้อผ้าดีๆ และอาหารอร่อยๆ แม้นางจะค่อนข้างละเลยองค์ชายสาม แต่นางก็ไม่กล้าทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับกล่องบรรจุอาหารนี้ตอนที่มันอยู่ในห้องเครื่อง
และคนที่สามารถชักใยคนที่อยู่ในห้องเครื่องได้นั้นอย่างน้อยก็ต้องมีฐานะเป็นสนม
ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็นึกถึงฮองเฮาจากจวนอ๋องมู่หรงขึ้นมา
เมื่อลองคำนวณดูให้ดี ในเวลานี้ว่าที่ฮองเฮาผู้นั้นคงยังเป็นแค่นางสนมอยู่
แม้แต่นางสนมก็ยังสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ มันแสดงให้เห็นว่าฮองเฮาคนปัจจุบันไม่สนใจไยดีไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมากเพียงใด
นอกจากนั้นยังเคยมีข่าวลือว่าองค์ชายใหญ่สิ้นใจไปนานแล้วด้วย…
ตอนนี้องค์ชายใหญ่คนนั้นน่าจะมีอายุได้สิบสี่สิบห้าปีแล้ว
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มันก็ควรจะเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังเพลิดเพลินกับการได้ตกเป็นจุดสนใจ
แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น อดีตฮ่องเต้ที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงกลับโปรดปรานเพียงแค่องค์ชายสามเท่านั้น และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้เปราะบางเลยแม้แต่น้อย
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่ใช่มู่หรงฮองเฮาคนก่อน เช่นนั้นคนที่แอบกลั่นแกล้งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ในเวลานี้ก็คือองค์ชายใหญ่คนนั้นนี่เอง….
คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด ใครเขาอิจฉาเด็กไม่มีทางสู้กันบ้างหรือ
กระทั่งพ่อแม่แท้ๆ ก็ยังไม่เหลียวแลเขา ชีวิตขององค์ชายยังไม่สามารถเอาไปเทียบกับคุณชายจากตระกูลร่ำรวยได้เลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับยังต้องทนเจอคนพวกนี้ที่เอาแต่วางแผนการชั่วร้ายเล่นงานเขา
ยิ่งเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นเท่านั้น สายตาของนางดำทะมึนเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาของนางฉายแววจริงจัง
เหตุผลข้อแรกที่ทำให้องค์ชายต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้นั้นเป็นเพราะเขายังจับกิเลนอัคคีไม่ได้ ดังนั้นพลังปราณของเขาจึงยังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ ข้อที่สอง เขาไม่มีญาติคนอื่นอยู่ข้างนอกนั่น ทำให้ผู้คนปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้เพราะพวกเขาไม่เห็นว่าฐานะปัจจุบันของเขาจะสามารถทำให้เขามีสิทธิ์ในบัลลังก์ได้อย่างไร
ในสายตาของคนอื่น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้สูญเสียคุณสมบัติในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ในสงครามราชสำนักครั้งใหญ่นี้ไปนานแล้ว
แต่เดิมนั้นฮองเฮาเกิดมาพร้อมกับฐานะทางตระกูลที่สูงส่งยิ่งกว่าใคร แต่เพราะความประมาทของนางจึงทำให้นางไม่สามารถเอาชนะใจฮ่องเต้ได้ และทำให้ทุกคนไม่คิดที่จะสนใจองค์ชายผู้นี้ไปด้วย
บรรดาขันทีและนางกำนัล รวมถึงเหล่าแม่ทัพและขุนนางที่อยู่นอกวังล้วนแต่รู้ดีอยู่ในใจว่าองค์ชายที่ไม่สามารถเป็นรัชทายาทได้ย่อมถือว่าเป็นความล้มเลว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขากล้ากลั่นแกล้งองค์ชายอย่างรุนแรง เพื่อที่จะได้มีอำนาจมากขึ้นในอนาคต…
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมือเข้าหากันอย่างช้าๆ คนพวกนี้กำลังดูถูกองค์ชายของนางอยู่หรือ
ก็ดี พวกนางจะตอบโต้เพื่อแสดงให้พวกเขาได้เห็นว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นองค์ชายรัชทายาท!
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัดสินใจแล้วว่าในระหว่างที่นางอยู่ที่นี่ นางจะช่วยเขากำจัดอุปสรรคเหล่านี้ไปทีละน้อย และยกฐานะของเขาให้ขึ้นไปสู่ตำแหน่งนั้นให้ได้!
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ก็มีเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทางพวกนาง
เด็กผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้างดงามอ่อนหวานเหมือนอย่างในฝันของนาง นางสวมชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ห่มทับด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์สีชมพู นางดูน่ารักน่าชังราวกับเป็นเจ้าหญิง และอาจจะเป็นเด็กประเภทที่เด็กผู้ชายทุกคนตกหลุมรักในวัยเด็ก
นางชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวย ดูเหมือนจะค่อนข้างประหลาดใจทีเดียวที่เห็นว่ามีคนรับใช้อยู่ที่นี่ นางมองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย จากนั้นจึงย่อตัวแล้ววางอาหารในมือลง นางกลับหลังหันแล้วรีบวิ่งหนีไปราวกับกลัวว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะชวนนางคุย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงถือกิ่งไม้สำหรับเสียบปลาอยู่ในมือ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ฝ่ามือ เมื่อนางแบมือออกดูจึงเห็นว่ามีเสี้ยนเล็กๆ แทงเข้าไปในฝ่ามือของนางตอนที่นางไม่ทันระวังตัว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถืออาหารไว้ในมือพร้อมกับมองนางอย่างเยือกเย็น
มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกขึ้นแต่มันไม่มีความอบอุ่นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว นางอาจรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่มีนิสัยชอบรับอาหารจากคนแปลกหน้า”
“อาหารที่นางนำมาไม่มียาพิษ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบเสียงเบา ดวงตาของเขายังคงมองตามเด็กผู้หญิงคนนั้นไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา แล้วเอ่ยเบาๆ “นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเชื่อใจใครสักคนมากถึงเพียงนี้ เจ้าชอบเฮ่อเหลียนเวยเวยคนก่อนหน้านี้จริงๆ หรือ”
“อะไรนะ” เด็กชายตัวน้อยมองไปยังหลุมบนผิวทะเลสาบที่จับตัวกันเป็นน้ำแข็ง พร้อมกับคิดว่าเขาน่าจะสามารถใช้เจ้าสิ่งนี้เพื่อฆ่านางกำนัลคนนั้นได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น มิหนำซ้ำเขายังไม่จำเป็นต้องใช้มีดเลยอีกด้วย เขาเพียงแค่ต้องรอให้ถึงตอนกลางคืน แล้วผลักนางลงไปในนั้น…
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาแล้วส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร” เขายังเด็ก ดังนั้นถามเช่นนั้นไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา นางควรคุยเรื่องนี้กับเขาหลังจากนางพาเขากลับไปได้แล้วมากกว่า เพราะตอนนี้ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าการทำให้เขาตื่นขึ้นมา!