รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 593 แดนมรณา น่าชิงชังและเลวร้ายยิ่งกว่า!

บทที่ 593 แดนมรณา น่าชิงชังและเลวร้ายยิ่งกว่า!

บทที่ 593 แดนมรณา น่าชิงชังและเลวร้ายยิ่งกว่า!

ประวัติศาสตร์อันนองเลือดถูกเปิดเผย จักรพรรดินีเข้าใจถึงความเป็นมาของภพเซียนแล้ว

นอกจากนี้ นางยังพอจะทราบแล้วว่าเหตุใดด้านนอกภพเซียนจึงมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมอยู่

นี่อาจเป็นการป้องกันของภพเซียนเพื่อไม่ให้พลังพิศวงนั้นเข้ามาได้!

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากนั้นจึงไร้ร่องรอยของเซียน กลายเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน หลงเหลือแค่ตำนานเล่าขาน…”

จักรพรรดินีรำพึง นางยังได้รู้เรื่องราวเหล่านี้จากอ้าน

สิ่งมีชีวิตในภพเซียนนั้นเลวทรามเสียจริง เมื่อพวกเขาจากไปก็จงใจลบร่องรอยทั้งหมดของเซียน ทำให้ผู้อื่นเข้าใจไปว่าเซียนนั้นไม่อยู่จริง ภพเซียนเองก็ไม่มีตัวตน

สิ่งเหล่านี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นหาหนทางมีชีวิตอยู่ต่อจนเลือกตามหาภพเซียน พวกเขาไม่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาในภพเซียน ไม่ต้องการจะแบ่งปันสสารนิรันดร์

นั่นกลายเป็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ สิ่งมีชีวิตรู้ถึงการดำรงอยู่ของเซียนต่างถูกสังหาร คนจากภพเซียนล้วนทำทุกหนทางเพื่อลบร่องรอยของเซียน

เหล่าเซียนที่ไม่ได้ถูกเลือกให้หนีไปด้วยกันก็ถูกทอดทิ้ง และต้องประสบกับการสังหารหมู่เช่นเดียวกัน แต่ทว่ามีเซียนบางส่วนสามารถหลบหนีไปรวมตัวกัน กลายเป็นแดนมรณาในปัจจุบัน

ในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมา แดนมรณาไม่กล้าแสดงตัวเนื่องจากกลัวจะต้องเผชิญหน้ากับการฆ่าล้างจากภพเซียน

น่าเสียดาย แดนมรณาไม่รับรู้ว่าภพเซียนไม่อาจเข้าออกได้ตามใจชอบ ทุกการเข้าออกกล่าวได้ว่าโอกาสตายเก้าส่วนรอดหนึ่งส่วน โอกาสสำเร็จนับว่าต่ำอย่างยิ่ง

“พลังพิศวงนั่นคืออะไรกัน…”

สีหน้าของจักรพรรดินีจริงจัง ต้องการรู้เกี่ยวกับพลังพิศวงอันน่าหวาดกลัวมากขึ้น

เพื่อป้องกันพลังพิศวง ภพเซียนถึงกับปิดผนึกตนเอง ป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดเข้าและออก จากตรงนี้สามารถเห็นได้ว่าภพเซียนกลัวพลังพิศวงมากเพียงใด

“นี่หรือคือเหตุผลที่พวกเจ้าต้องการจะสังหารชนพื้นเมืองจนหมดสิ้น เพื่อกลั่นเลือดมาหล่อเลี้ยง ปลุกเซียนเหล่านั้นที่ตายไปแล้ว?”

จักรพรรดินีหรี่ตามองไปยังอ้าน นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดแดนมรณาจึงต้องการจะสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมด

เซียนจำนวนไม่น้อยถูกภพเซียนทอดทิ้ง หนำซ้ำยังถูกฆ่าล้าง แดนมรณาต้องการสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมดก็เพื่อใช้เลือดมาปลุกเซียนที่ตายไปแล้วเหล่านั้น

เซียนอย่างไรเสียก็เป็นเซียน หนทางการฝึกตนของคนทั่วไป เซียนนับว่าอยู่เหนือขอบเขตสูงสุด ย่อมไม่อาจสิ้นชีพแต่โดยง่าย เมื่อยามนั้นภพเซียนรีบร้อนจนเกินไป ไม่มีเวลาจะมากำจัดเซียนเหล่านี้ให้สิ้นซาก เป็นผลให้เซียนเหล่านี้ไม่ตายอย่างสมบูรณ์ สิ่งบางสิ่งเหลือรอดเอาไว้

อาณาจักรแห่งนี้เคยเฟื่องฟูรุ่งเรืองถึงขีดสุด สภาพฟ้าดินย่อมเหนือล้ำ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในย่อมได้รับอิทธพล ทำให้สายเลือดต่าง ๆ ล้วนน่าอัศจรรย์ ไม่มีสายเลือดธรรมดาแม้แต่น้อย

แม้เวลาจะล่วงมาเนิ่นนาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย จนพลังสายเลือดของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก อ่อนแอจนไม่อาจเทียบก่อนหน้านี้ได้ แต่ถึงกระนั้นสายเลือดก็ยังคงความพิเศษเอาไว้ หากสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้ได้ เหล่าเซียนที่ยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์ ก็มีโอกาสที่จะถูกปลุกขึ้นมา!

“แดนบรรพโกลาหลใกล้จะปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นี่คือโอกาสของพวกเรา พวกเราย่อมต้องไม่ยอมพลาด!”

อ้านกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “พวกสารเลวจากภพเซียนจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปในครั้งนั้น!”

“เพื่อแก้แค้น พวกเจ้าถึงกับทำเช่นนี้? พวกเจ้าต้องการสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักร พวกเจ้ามันก็สารเลวและน่าชิงชังยิ่งกว่าไอ้พวกคนเหล่านั้นของภพเซียน!”

จักรพรรดินีตวาดเสียงดัง ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดต่อแดนมรณา

มีสิ่งใดให้น่าเห็นใจกัน?

ในตอนแรกสิ่งมีชีวิตของแดนมรณาก็เป็นพวกเดียวกับสิ่งมีชีวิตจากภพเซียน ต่างต้องการจะหนีไปยังภพเซียนเพื่อหลีกเลี้ยงพลังพิศวง

ทว่าภายหลังกลับถูกภพเซียนทอดทิ้ง

พูดได้คำเดียวว่าแดนมรณาได้รับผลเช่นนี้ก็สมควรแล้ว เป็นกรรมตามสนอง ไม่มีสิ่งใดให้เห็นใจ

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่แดนมรณากำลังทำอยู่ในตอนนี้ ยิ่งทำให้น่าชิงชังและขยะแขยงมากขึ้น แดนมรณาต้องการจะสังหารล้างอาณาจักรแห่งนี้ เพื่อเริ่มแผนการแก้แค้น!

เป็นเรื่องจริงไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตของแดนมรณานั้นเลวร้ายและน่าชิงชังเสียยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตของภพเซียน เนื่องจากตั้งแต่แรกสิ่งมีชีวิตของภพเซียนก็ไม่เคยต้องการจะสังหารล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้

“สุดท้ายพวกมันก็ต้องหาย ไม่สามารถหลบหนีได้ ท้ายที่สุดพวกมันก็จะต้องถูกพลังพิศวงกลืนกิน เช่นนั้นไม่สู้ยอมตายเพื่อให้พวกเราแก้แค้นจะดีเสียกว่า!”

อ้านยังกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “กลับกันเสียด้วยซ้ำ พวกเราต่างหากที่ช่วยเหลือพวกมัน ยามที่พวกมันถูกพลังพิศวงกลืนกินจะสูญสิ้นความเป็นตนเอง กลายเป็นสัตว์ประหลาดอะไรก็ไม่รู้ มีชีวิตอยู่ก็ไม่สู้ตาย พวกเราจะปลดปล่อยพวกมันล่วงหน้า พวกมันควรจะต้องขอบคุณพวกเราเสียด้วยซ้ำ!”

หลังจากฟังคำพูดของอ้านแล้ว จักรพรรดินีก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร!

ตรรกะอะไรกัน!?

ต้องการจะฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ ทั้งยังต้องการให้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้รู้สึกขอบคุณด้วย?

“พลังพิศวงอาจมาจากแดนบรรพโกลาหล พวกเจ้าต้องการปลุกเซียนที่ตายไปขึ้นมา จากนั้นก็จะร่วมมือกันเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล เช่นนั้นพวกเจ้าไม่กลัวจะถูกพลังพิศวงกลืนกินอย่างนั้นหรือ!?”

จักรพรรดินีตะโกนเสียงดัง

เดิมทีนางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแดนบรรพโกลาหล แต่ตอนนี้นางได้รู้เรื่องราวจำนวนมากของแดนบรรพโกลาหลจากอ้านแล้ว

แดนมรณาปรากฏตัวขึ้น ก็เพื่อเตรียมพร้อมที่จะปลุกเซียนที่ตายไปแล้วขึ้นมา ทั้งหมดเพื่อการเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล แสวงหาพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากนั้นก็ไปล้างแค้นภพเซียน

หากแดนบรรพโกลาหลไม่ใกล้จะปรากฏขึ้น แดนมรณาก็จะไม่โผล่ออกมา

อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังมีช่องว่างอยู่ ต่อให้เป็นในอดีตพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ประมือของภพเซียน นับประสาอะไรกับในยามนี้

หากไม่มีสสารนิรันดร์แล้ว พวกเขาก็ได้แต่ประคับประคองตนเองให้มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ไม่อาจเทียบสิ่งใดได้กับภพเซียนแม้แต่น้อย

เกรงว่าต่อให้สามารถปลุกเหล่าเซียนที่ตายไปแล้วได้ ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้กับภพเซียน มีแต่จะส่งตัวเองไปสู่ความตาย ไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นเลย

พวกเขาปลุกเซียนที่ตายไปแล้วขึ้นมา จุดประสงค์หลักก็เพื่อร่วมมือกันเดินทางไปยังแดนบรรพโกลาหลเพื่อแสวงหาพลัง

ส่วนเรื่องที่ว่าภพเซียนเองก็วางแผนเกี่ยวกับแดนบรรพโกลาหลและต้องการเข้าไปหรือไม่ พวกเขานั้นไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาต่างก็กระจ่างแจ้งว่าเหตุใดอาณาจักรแห่งนี้จึงเฟื่องฟูและรุ่งเรือง ทั้งหมดล้วนเกี่ยวพันกับการคงอยู่ของแดนบรรพโกลาหลในอาณาจักรแห่งนี้

พวกเขาทั้งหมดล้วนรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของแดนบรรพโกลาหล

เมื่อพลังพิศวงเพิ่งจะปะทุออกมา พวกเขาก็ต่างคาดเดาว่าพลังพิศวงเหล่านี้น่าจะมาจากแดนบรรพโกลาหล

สิ่งมีชีวิตของภพเซียนกลัวตายเป็นอย่างมาก ทั้งยังกลัวที่จะต้องถูกพลังพิศวงกัดกิน ดังนั้นแล้วจะกล้าเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลที่อาจเป็นแหล่งกำเนิดของพลังพิศวงได้อย่างไร?

คิดอะไรอยู่กัน!

เหล่าสิ่งมีชีวิตของแดนเซียนเหล่านั้นจะต้องไม่กล้า

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความกังวล

“พวกเราแตกต่างจากพวกสารเลวภพเซียน พวกมันมีสสารนิรันดร์ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสิ้นอายุขัย ทว่าสสารนิรันดร์ในตัวของพวกเราต่างหมดสิ้นแล้ว หากไม่ทำสิ่งใด พวกเราก็ต้องสิ้นอายุขัยตาย!”

อ้านกล่าวอย่างเย็นชา

แดนบรรพโกลาหลใกล้ปรากฏขึ้นแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา หากพวกเขาไม่ยอมทำสิ่งใด ไม่เพียงแต่จะไม่อาจแก้แค้นได้ ยังจะต้องตายจากไปทั้งอย่างนั้น

แม้ว่าจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ร้ายแรงอย่างมาก พวกเขาก็จะทำ!

“หากพวกเราถูกกัดกินด้วยพลังพิศวงก็ไม่กลัว พวกเราจะเข้าไปยังภพเซียน ดึงพวกคนเหล่านั้นในภพเซียนให้ตายตกไปด้วยกัน!”

เขาพูดออกมาด้วยความเคียดแค้นต่อภพเซียนอย่างถึงที่สุด พวกเขาได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว หากพวกเขาสามารถฝ่าฟันแดนบรรพโกลาหลได้สำเร็จโดยไม่ติดเชื้อจากพลังพิศวง ทั้งยังได้พลังอันแข็งแกร่งมา พวกเขาจะมุ่งหน้าไปสังหารสิ่งมีชีวิตในภพเซียน ปกครองภพเซียนและครอบครองสสารนิรันดร์เอาไว้เอง

หากไม่สำเร็จ พวกเขาเกิดติดเชื้อจากพลังพิศวง พวกเขาก็จะไม่ปล่อยภพเซียนไปแน่นอน จะลากภพเซียนลงไปตายด้วยกัน ทำให้ภพเซียนถูกพลังพิศวงกัดกิน

ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร พวกเขาก็จะต้องแก้แค้นให้ได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท