บทที่ 598 จักรพรรดินีงามพิลาศ ต่อกรกับแดนมรณาด้วยตัวคนเดียว!
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏดุดันเหลือคณา เผยความไร้เทียมทานออกมา เขามีดาบยาวสัมฤทธิ์ในมือ หน้าตาเย็นชา ทำลายได้ทุกสิ่ง!
“เล่นตลกอยู่หรือ!”
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะ ‘พรืด’ จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏคิดกระไรอยู่ ถึงบังอาจหันคมดาบใส่คุณชาย
ต้องกล้าหาญปานใดเชียว!
หลังได้ยินเสียงหัวเราะของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง สีหน้าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอึมครึมในบัดดล นี่เขาถูกจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงหัวเราะเยาะหรือ
“รนหาที่ตาย!”
เขาลงมือทันที ตวัดดาบยาวสัมฤทธิ์ฟาดฟันลงไป หมายจะกำจัดร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าด้วยดาบเดียว
แคร่ก!
ดาบยาวสัมฤทธิ์ไม่ทันได้ฟันลง ขณะที่เพิ่งถูกชูขึ้นเท่านั้น ก็แหลกเป็นธุลี ซ้ำร้ายเศษดาบยังกระเด็นใส่ใบหน้าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอีกด้วย ใบหน้าของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏถูกบาดจนหยดเลือดไหลริน
“อะ…ไรกัน!?”
ม่านตาจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏหรี่ลง ราวกับได้เห็นเรื่องราวอันสยดสยองที่สุดในใต้หล้า เขาคิดว่าร่างนิมิตหลี่จิ่วเต้ามิได้แกร่งกล้า ด้อยกว่าร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ อยู่มาก ทว่าแท้จริงแล้ว ดูเหมือนร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างนิมิตของ ‘ฮวง’ เสียอีก!
เขาไม่อยากจะเชื่อ!
มั่นใจว่าตัวเองในตอนนี้อยู่ในระดับที่สามารถถูกตั้งฌานจนเป็นร่างนิมิตออกมาได้แล้ว สุดท้ายกลับเสียเปรียบทันทีที่มีการปะทะ ดาบยาวสัมฤทธิ์เพิ่งถูกยกขึ้นก็ระเบิดแหลกลาญ จะให้เขาเชื่อลงได้อย่างไร!?
“เป็นไปไม่ได้!”
เขาคำรามเสียงต่ำ ทั้งร่างเปลี่ยนแปลงไป แสงเจิดจรัสพุ่งทะยานขึ้นนภา ผิวของเขาปริออก อาวุธมากมายปรากฏ ดูอำมหิตยิ่งนัก ปรับเปลี่ยนแม้กระทั่งร่างกายของตน!
แต่เห็นได้ชัดว่าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่ถูกปรับเปลี่ยนสภาพ เขายังมีจิตสำนึกรู้เป็นของตนเอง ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตตนอื่นที่สูญเสียสติสัมปชัญญะ เหลือเพียงสัญชาตญาณการเข่นฆ่า
ปีกโลหะเยียบเย็นงอกออกมาจากแผ่นหลังของเขา เลือดเนื้อช่วงอกถูกเงินกัลป์พิกลบางอย่างแทนที่ แขนสองข้างกลายเป็นดาบยาวสองเล่ม ส่วนศีรษะเปลี่ยนแปลงไปด้วย มีเขาที่หลอมด้วยแร่ทองงอกออกมาหนึ่งแท่ง
คิดจะพ้นขึ้นไปจากขั้นเทียนตี้นั้นหาใช่เรื่องง่าย และเส้นทางปกตินั้นใช้ไม่ได้ เขาได้แต่บุกเบิกเส้นทางใหม่ ก้าวสู่เส้นทางบิดเบี้ยว
บูรพาจารย์ในอาณาจักรแดนต้องห้ามอื่นก็ใช้วิธีเช่นนี้
ทว่าเส้นทางนี้ไปได้ไม่ไกลเท่าใด แม้ว่ายามนี้สามารถอยู่เหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป ได้ครอบครองพลังอันทัดเทียมเซียน กระนั้น ต้องเกิดปัญหาร้ายแรงในภายหลังอย่างแน่นอน
เส้นทางบิดเบี้ยวเช่นนี้มิอาจแทนที่เส้นทางปกติ
“ฆ่า!”
เขาคำราม ดวงตาแดงก่ำ กลายเป็นสุดยอดอาวุธด้วยตัวเองอย่างนี้ เขาไม่เชื่อว่าตนยังไม่สามารถเอาชนะร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้า!
พลังปราณอันน่ากลัวโถมทับออกไปทั่วมิติแห่งเล็กนี้ จนมิติแห่งเล็กสั่นสะเทือนไม่หยุด ราวกับแผ่นดินไหวก็ไม่ปาน ภูเขาถล่ม มหาสมุทรแน่นิ่ง
กระทั่งพระอาทิตย์อาบเลือดบนท้องฟ้ายังระเบิดออกในพริบตา พลังฝีมือทั้งหมดที่จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสำแดงออกมา กลายเป็นภาพการณ์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึง!
“นึกถึง…ข้าบ้างเถิด!”
มังกรกระดูกร่ำไห้ ต้องเป็นผู้ชมของศึกสะท้านโลกันตร์เยี่ยงนี้ มันทุกข์ทรมานเป็นหนักหนา
ก่อนนี้ยังดี มันยังพอรับไหว แต่หลังจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏปะทุพลังทั้งหมด มันไม่อาจต้านทานได้ไหวอีกต่อไป เกิดรอยร้าวใหญ่บนดวงวิญญาณ ตายตกได้ทุกเมื่อ!
อีกด้าน ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เขาสงบจนเกินควร ไม่ว่าจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอาละวาดเพียงใด เขาก็ไม่แสดงทีท่าใด ๆ นิ่งดุจภูผา
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏรีดเร้นพลัง ปล่อยออกไปเต็มที่อย่างเหี้ยมเกรียม ปรี่มาอยู่ตรงหน้าร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าในเสี้ยวพริบตา ดาบยาวที่จำแลงจากแขนทั้งสองข้างฟันลงไปในทันใด หมายจะผ่าร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าออกเป็นสองส่วน
เวลานั้นเอง ร่างนิมิตของชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหว
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ สายตาจดจ้องจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ ไม่ได้มีปรากฏการณ์ผิดเพี้ยนอันใด ดวงตาสองข้างนั้นจ้องมองจ้าวแห่งสังสารวัฏต่อไปอย่างไร้ซึ่งอารมณ์
ทว่าสายตาไร้ซึ่งอารมณ์เช่นนี้ กลับเป็นผลให้จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏสะท้านใจ ความหวาดผวาเหลือล้นคืบคลานเข้ามาในใจ
ตู้ม!
จ้าวแห่งแดนสังสารวัฏยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ก็แหลกไปทั้งร่าง ทั้งแร่ทอง ทั้งเงินกัลป์ที่ว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถูกทำลายลงจนสิ้นในชั่วพริบตา!
ร่างของเขาอันตรธาน หายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวผุยผง วิญญาณของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โลหิตวิญญาณหลั่งริน
“เขาคือคนระดับใดกัน!!!”
เขาตกตะลึงอย่างยิ่งยวด ทั้งยังอยากจะร่ำไห้ให้ความโง่เขลาของตนก่อนหน้านี้ บุคคลระดับนี้ ก่อนหน้าเขาริอ่านคิดต่อสู้ด้วย!
น่าขัน…น่าขันจริง ๆ!
เขาคิดว่าร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าไร้น้ำยา พลังอ่อนด้อยกว่าเขามาก หารู้ไม่ ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าทรงพลังถึงขีดสุด จนอยู่ในระดับที่เขาจินตนาการไม่ถึง!
แค่เพียงมองจ้องเขาอย่างไร้อารมณ์แวบเดียวเท่านั้น ร่างที่หลอมขึ้นโดยแร่ทองนานาชนิด พร้อมทั้งเงินกัลป์ต้องระเบิดหายไปจนสิ้น ถูกทำลายราบคาบ นี่หาใช่ผู้ที่เขาต่อกรด้วยได้!?
หากหลี่จิ่วเต้ามาที่นี่ด้วยตนเอง ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องมาด้วยตนเอง น่ากลัวว่าตั้งจิตเพียงครั้งเดียว ก็สามารถปลิดชีพเขาได้แล้ว!
“โหด…เกินไปแล้ว!”
มังกรกระดูกกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง พับผ่าสิ ต้องมีพลังฝีมือระดับไหนกัน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ทว่าในใจของมันยินดีไม่น้อย
ดีที่การต่อสู้นี้จบลงโดยไว ขืนช้ากว่านี้อีกนิดเดียว มันต้องจบเห่แน่ คงต้องตายลงที่นี่ ไม่เหลือชีวิต!
‘สมัยนี้ ผู้ชมช่างลำบากยิ่งนัก!’
มันเอ่ยเสียงร้องไห้ในใจ
อีกด้าน ร่างนิมิตของหลี่จิ่วเต้าหายกลับไปช้า ๆ จนลับตา ทุกอย่างคืนสู่ความสงบ ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
ขณะที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตื่นตะลึง ก็ยิ่งรู้สึกนับถือเลื่อมใสในตัวคุณชายมากขึ้นไปอีก คุณชายอยู่เหนือทุกสิ่งจริง ๆ!
เขายันตัวขึ้นจากพื้น คลี่กระดานหมากล้อม ปลิดชีพดวงวิญญาณของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏได้โดยง่ายดาย ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย วิญญาณของจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏบาดเจ็บหนักเกินไป อยู่ในสภาพรอมร่ออยู่แล้ว
“นับแต่นี้ไป ข้าคือจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏองค์ใหม่ ปกครองแผ่นดินทั้งปวงแห่งแดนสังสารวัฏ!”
เขาประกาศกร้าว ในที่สุดก็ปิดฉากเรื่องนี้ลงเสียที
“ขอรับ จากนี้ไป ท่านคือจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏองค์ใหม่!”
วิญญาณมังกรกระดูกเร่งรีบเหินเข้ามา ประจบเอาใจจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงยกใหญ่
สังหารจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏ ปกครองแผ่นดินทั้งปวงแห่งแดนสังสารวัฏยังไม่พอ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต้องการให้ระดับสูงในแดนสังสารวัฏยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา เช่นนี้เขาจึงจะได้เป็นจ้าวแห่งแดนสังสารวัฏอย่างแท้จริง
เขาตามหาเหล่ายอดฝีมือตัวระดับสูงจนพบ สลักตาเดินหมากล้อมลงในกายยอดฝีมือระดับสูงเหล่านี้ เพื่อเป็นการป้องกันยอดฝีมือระดับสูงเหล่านี้
หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง เขาถึงถือได้ว่าปกครองแผ่นดินทั้งปวงแห่งแดนสังสารวัฏจริง ๆ
“พวกเจ้าคอยอยู่ที่นี่ ทำตามคำสั่งข้า!”
เขาออกจากแดนสังสารวัฏ ก้าวสู่เส้นทางสังสารวัฏ กลับไปยังอาณาจักรที่คุณชายอยู่
…
ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ดวงดาวเจิดจรัสแยงตาเรียงร้อย สตรีโฉมสะคราญนางหนึ่งเหาะเหินเดินอากาศ พาอ้านมายังระบบดวงดาวที่แดนมรณาตั้งอยู่
นางรุดหน้ามาเพียงลำพัง แบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้ด้วยความอาจหาญ หมายจะเจรจากับแดนมรณา เพื่อเปลี่ยนแผนพวกเขา
เรื่องนี้ต้องเป็นคุณูปการใหญ่หลวงแน่นอน หากผู้คนในใต้หล้าได้ทราบ ย่อมต้องจารึกเข้าพงศาวดาร เป็นที่เล่าขานไปอีกร้อยปี ไม่ว่าสำเร็จหรือไม่ เรื่องนี้ก็ไม่เปลี่ยน
แดนมรณาตั้งใจสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทุกตนให้สิ้นซาก ใช้โลหิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงเพื่อปลุกเหล่าเซียนที่ยังไม่ ‘ตายสนิท’ พฤติกรรมเยี่ยงนี้ จำต้องมีคนออกมาห้ามปราม มิฉะนั้น ทันทีที่แดนมรณาบุกเข้าไป สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งปวงต้องแตกดับกันถ้วนหน้า!
จักรพรรดินีมาถึง นางรู้ดีว่าแดนมรณานั้นสยดสยองปานใด อย่าว่าแต่ความมั่นใจเต็มสิบเลย แค่เจ็ดส่วนยังไม่ถึง การเดินทางนี้ คงต้องจบลงอย่างน่าสังเวช
แต่นางไม่ได้หัวหด ไม่ได้หวาดกลัว อย่างไรก็ต้องมีใครสักคนรับภาระหน้าที่นี้ และนางเลือกแบกรับความรับผิดชอบนี้เอาไว้
อ้านซึ่งอยู่ข้างนางไม่ได้เอ่ยวาจา ทว่าหัวเราะเย็น ๆ อยู่ในใจ
จักรพรรดินีริอ่านบุกไปยังแดนมรณาตามลำพัง นางคิดจะทำอันใด ต่อต้านแดนมรณาด้วยกำลังเพียงหนึ่งรึ?
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนจองหองกันเช่นนี้ทุกตนใช่หรือไม่
เขานึกขัน คราวนี้ จักรพรรดินีย่อมต้องจบชีวิตลงในแดนมรณา!
ดวงดาวมหึมาตั้งอยู่ตรงกลาง ใหญ่เสียยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ พื้นที่ดวงดาวมืดสนิท มีหมอกดำชวนขนลุกปกคลุมอยู่ ที่นั่นคือดวงดาวอันเป็นที่ตั้งของแดนมรณา
“สมเป็นพวกนิสัยเดียวกัน ชั่วช้านัก!”
จักรพรรดินีแค่นเสียงเย็น หลังเห็นดวงดาวที่แดนมรณาตั้งอยู่ โทสะปะทุขึ้นในใจ
อาณาจักรแห่งนั้นในยุคก่อนกาลอเนจอนาถโดยแท้ ภพเซียนนำสสารนิรันดร์ไปด้วยทั้งหมด รวมถึงสสารฝึกฝนระดับสูงอย่างอื่นด้วย เหล่าเซียนในแดนมรณาก็มิได้ไปมือเปล่า นำสสารฝึกฝนและของวิเศษล้ำค่าไปด้วยคณานับเช่นกัน
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในยุคหลัง โอสถจักรพรรดิและโอสถระดับสูงกว่านั้นขาดแคลนอย่างรุนแรง
หลังผ่านการ ‘แบ่งสมบัติ’ ของภพเซียนกับแดนมรณา รากฐานของอาณาจักรนั้นลดทอนลงไปอย่างมาก
“ไป”
จักรพรรดินีพาอ้านก้าวสู่ระบบดวงดาวอันเป็นที่ตั้งแดนมรณา เหินไปยังดวงดาวที่มีแดนมรณาตั้งอยู่
โฮก! โฮก! โฮก!
เสียงอสูรคำรามดังกึกก้องไปทั่วอวกาศ สัตว์อสูรมากมายบุกออกมาจากห้วงมิติ พวกมันแต่ละตนล้วนดุดันเหลือล้น มิใช่อสูรธรรมดา ต่างมีกำลังรบเหนือขั้นเทียนตี้ขึ้นไป
จักรพรรดินีมิได้เอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านั้น นางพลิกมือเรียกทวนยาว บุกตรงไปข้างหน้าพร้อมทวนยาวในมือ
นางไม่มีทางถอย และไม่มีทางยอมจำนน หากยอมถอยหรือยอมจำนนง่าย ๆ เช่นนี้ นางจะเจรจากับแดนมรณาด้วยสิ่งใดเล่า
“ฆ่า!”
นางตวัดทวนยาว ดุดันน่าเกรงขาม ระหว่างที่ทวนยาวสะบัดไปมา อสูรร้ายถูกนางสังหารตัวแล้วตัวเล่า มิมีตนใดหยุดยั้งทวนของนางได้
นางแข็งกร้าวอย่างยิ่งยวด มิได้ออมมือแม้แต่น้อย ต่อมา มีอสูรร้ายตัวอื่นในระดับเดียวกันบุกออกมา ทว่าถูกนางสังหารในทวนเดียวทั้งหมด!
โลหิตอสูรกระจาย นางพาอ้านก้าวข้ามศพอสูร จุติลงไปยังอาณาจักรบนดวงดาวอันเป็นที่ตั้งแดนมรณา
นางช่างองอาจสง่างาม เกรียงไกรไร้ใดเปรียบ สมแล้วที่ถูกขนานนามว่าจักรพรรดินีผู้งามพิลาสแห่งยุค เป็นที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า!
และนางจงใจแสดงความแข็งกร้าวเช่นนี้ออกมา มีเพียงทางนี้ นางถึงจะมีสิทธิ์เจรจากับแดนมรณา มิฉะนั้น แดนมรณาไม่มีทางแยแสนาง และยิ่งไม่มีทางยอมสนทนากับนาง
“กล้าหาญนัก อำมหิตใช้ได้!”
“มาจากภพเซียนหรือ”
ขณะที่จักรพรรดินีพาอ้านจุติลงมา ก็มีร่างมากมายปรากฏอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดินีในบัดดล พวกเขาต่างมีสีหน้าเย็นชา แสงเซียนวนล้อม ดวงตาแต่ละคู่ต่างจับจ้องมาที่จักรพรรดินี
ภาพที่จักรพรรดินีเข่นฆ่าฝ่าฟันมาจนถึงแดนมรณาเมื่อครู่ ล้วนอยู่ในสายตาพวกเขา และพวกเขาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา
“รบกวนพวกเจ้านำทางไปที ข้าต้องการสนทนากับจ้าวมรณาของพวกเจ้า”
จักรพรรดินีกล่าว มิได้เก็บทวนยาวกลับ ปลายทวนยังมีหยดเลือดหลั่งริน ย้อมผืนแผ่นดินเป็นสีแดง
นางยืนตัวตรง สายตาคมกล้าบีบคั้น เผชิญหน้ากับทั้งแดนมรณาด้วยตัวคนเดียว!