Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 432 เตรียมการ

ตอนที่ 432 เตรียมการ

“หนังเชิงพาณิชย์”

“แนวซูเปอร์ฮีโร?”

“เซี่ยนอวี๋ชอบสร้างหนังหลากหลายแนวจริงๆ ฉันคิดว่าเขาจะสร้างหนังตลกต่อซะอีก ไม่ทันขาดคำก็หันไปทำหนังสืบสวนระทึกขวัญ​ พอคิดว่าเขาจะเล่นจุดหักมุมให้เต็มที่ เขาก็ดันทำหนังดรามาอีก…”

“คงชอบท้าทายตัวเอง”

“ผมเองก็นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้เซี่ยนอวี๋จะทำหนังเชิงพาณิชย์ คงชอบทำสถิติยอดบ็อกซ์ออฟฟิศที่สูงขึ้นล่ะมั้ง ถึงแนวที่เขาทำก่อนหน้านี้จะทำรายได้ไม่เลว แต่เขาอยากทำเรื่องที่ยากกว่าเดิม”

“…”

เหล่าโจวนำบทภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมนไปยังแผนกภาพยนตร์ หลังจากทุกคนได้อ่านบทภาพยนตร์ในรูปแบบของการประชุมแล้ว ก็พูดคุยกันในทันที บรรยากาศของการประชุมโดยภาพรวมไม่เลว เนื่องจากเซี่ยนอวี๋ประสบความสำเร็จติดต่อกันหลายครั้ง แผนกภาพยนตร์จึงเชื่อมั่นในตัวเซี่ยนอวี๋

“จะว่าไป”

เจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งอยู่ด้านขวามือของเหล่าโจวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ที่จริงแล้วหนังของเซี่ยนอวี๋ก็มีความเป็นเชิงพาณิชย์อยู่ในระดับหนึ่งนะ ถึงแม้เรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูจะไม่ใช่หนังวรรณกรรมตามขนบอะไร แต่ครั้งนี้เขาเดินแนวทางหนังเชิงพาณิชย์บริสุทธิ์​ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง”

“กลับมาที่ตัวหนังกันบ้าง”

เหล่าโจวเคาะโต๊ะ “ผมรู้สึกว่ามีแววอยู่นะ จังหวะของหนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก ฉากช่วยชีวิตและยืนหยัดของคนธรรมดาตอนท้ายเรื่องน่าประทับใจมาก นอกจากนั้นตัวละครยังมีเส้นทางการเติบโตที่เป็นออริจินัล นี่คือจุดที่หนังซูเปอร์ฮีโรหลายเรื่องมองข้ามไป”

“ถึงยังไงก็เป็นเซี่ยนอวี๋”

หัวหน้าซึ่งนั่งอยู่แถวหลังหัวเราะ “อันที่จริงผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าสไปเดอร์แมนเป็นหนังเชิงพาณิชย์บริสุทธิ์​ ต่อให้เซี่ยนอวี๋จะสร้างภาพยนตร์เชิงพาณิชย์​ก็ยังไม่ละทิ้งความลึกซึ้งไปอย่างสิ้นเชิง ประโยคนี้ในหนังโดนใจผมมาก ‘พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ ที่จริงที่เป็นสิ่งที่หนังแนวซูเปอร์ฮีโรเรื่องอื่นไม่เคยเอ่ยถึง”

“เหลือก็แค่เงินทุน…”

“น่ากลัวว่าจะเกินร้อยล้าน…”

“หนังซูเปอร์ฮีโรบางเรื่องใช้เงินทุนไม่ถึงร้อยล้าน ถ้าอยากได้สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ดีๆ ก็ต้องทุ่มเงินสักหน่อยไหม ฉันว่าเงินทุนเกินร้อยล้านเป็นพื้นฐานในความสำเร็จของภาพยนตร์ ถ้าฉากของหนังซูเปอร์ฮีโรไม่ตื่นเต้น บทจะดีแค่ไหนก็สู้ไม่ไหวหรอก”

“…”

เงินทุนทะลุหนึ่งร้อยล้านหยวนเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในตลาดภาพยนตร์บลูสตาร์ นี่คือเหตุผลที่ทำไมทุกคนถึงตกตะลึงกับความสำเร็จของภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋ เหตุใดคนคนนี้ถึงใช้เงินทุนเพียงไม่กี่สิบล้าน ก็ทำรายได้ถึงพันสองพันล้านหยวนในตลาดบ็อกซ์ออฟฟิศได้ทุกครั้ง

การลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมากมันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?

และครั้งนี้ ในที่สุดเซี่ยนอวี๋ก็เลิกเกมง่ายอย่างการลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนมากอีกต่อไป นี่สิถึงจะเป็นวิธีการปกติในการผลิตภาพยนตร์ ถ้าแม้แต่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรยังใช้ลูกเล่นเงินลงทุนไม่กี่สิบล้านหยวนอีก ทุกคนคงไม่วายคลางแคลงใจกันต่อไป ต่อให้เซี่ยนอวี๋จะประสบความสำเร็จมาหลายครั้งแล้วก็ตาม

“แต่ต้องมั่นใจว่าจะทำออกมาได้ดี”

มีคนเอ่ยขึ้น “ตีไว้ว่าต้นทุนสร้างอยู่ที่ร้อยล้านหยวน ถ้ามากกว่านี้จะมีความเสี่ยง เอกลักษณ์ของหนังซูเปอร์ฮีโรแตกต่างกับหนังแนวอื่นมาก ถ้าดังจะทำรายได้หลายพันล้าน แต่ถ้าพังขึ้นมาอย่าคิดว่าจะได้ถอนทุนคืน”

ทุกคนพยักหน้า

หลังจากการประชุมในครั้งนี้ หลายเรื่องบรรลุฉันทามติ ในไม่ช้าเรื่องสไปเดอร์แมนก็จะเข้าสู่ขั้นตอนอนุมัติโครงการ ส่วนเหล่าโจวไปหาหลินเยวียนเพื่อแจ้งผลการประชุมและอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ

……

ตอนนี้หลินเยวียนมีความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับภาพยนตร์​ เมื่อรู้ว่าเงินทุนของเรื่องสไปเดอร์แมนอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยล้านหยวน เขาก็รู้สึกว่าเหมาะสมทีเดียว ถึงแม้เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรด้วยกันเองแล้ว เรื่องนี้จะจัดอยู่ในกลุ่มที่เงินทุนค่อนข้างต่ำก็ตาม

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดความขัดแย้ง

เมื่อเหล่าโจวรู้ว่าหลินเยวียนเตรียมจะใช้นักแสดงหน้าใหม่มาแสดงเป็นสไปเดอร์แมน ก็กล่าวอย่างหนักใจอย่างอดไม่ได้ “บริษัทมีนักแสดงอายุน้อยแถมมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ทำไมนายต้องใช้นักศึกษาที่กำลังจะจบจากสาขาการแสดงด้วยล่ะ”

“เจี่ยนอี้เป็นเพื่อนรักของผม”

หลินเยวียนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เหล่าโจวได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไป ก่อนจะผุดยิ้มขมขื่น คำตอบแบบนี้สมแล้วที่เป็นหลินเยวียน แต่เขากลับทำได้เพียงเอ่ยพลางทอดถอนใจ “ถ้าอย่างนั้นจะต้องลงเวลาลงแรงกับนักแสดงสมทบมากขึ้น อีกอย่างเพื่อนนายต้องเซ็นสัญญากับสตาร์ไลท์”

“ครับ”

หลินเยวียนไม่ได้คัดค้าน

สตาร์ไลท์ไม่มีทางช่วยปั้นศิลปินดาราจากบริษัทอื่นโดยปราศจากผลตอบแทน ภาพยนตร์ซึ่งใช้เงินลงทุนถึงหนึ่งร้อยล้านหยวน หากไม่ใช้นักแสดงนำจากบริษัทตนก็คงจะไม่สมเหตุสมผล ยิ่งไปกว่านั้นเจี่ยนอี้ไม่มีทางปฏิเสธการเข้าสังกัดกับสตาร์ไลท์

“ขอเป็นสัญญาที่ดีหน่อยนะครับ”

หลินเยวียนช่วยเพื่อนเรียกร้องผลประโยชน์

เหล่าโจวพยักหน้า “เรื่องนี้ฉันจะพิจารณาตามความเหมาะสม ในเมื่อนายบอกว่าเป็นเพื่อนรักของนาย ทางแผนกศิลปินคงต้องโอนอ่อนผ่อนตามบ้าง ส่วนเรื่องผู้กำกับกับโปรดิวเซอร์ จะใช้ทีมเดิมของนายก่อนหน้านี้ไหม?”

“ครับ”

กองถ่ายซึ่งมีผู้เขียนบทเป็นแกนหลัก หลินเยวียนคือจิตวิญญาณของภาพยนตร์ หลินเยวียนมีความสุดโต่งกว่าผู้เขียนบทในกองถ่ายรูปแบบนี้คนอื่นๆ เขาออกแบบฉากไว้ล่วงหน้าด้วยซ้ำไป ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ระบบแนบมาพร้อมกับบทภาพยนตร์ กอปรกับฝีมือการวาดภาพอันวิจิตรงดงามของหลินเยวียน เขาสามารถถ่ายทอดฉากต้นฉบับออกมาได้ตามใจ โดยที่ไม่ต้องใช้การอธิบายเป็นคำพูด ผู้กำกับอย่างอี้เฉิงกงอาจไม่ได้มีความคิดที่แปลกใหม่อะไร ไม่สามารถช่วยหลินเยวียนสร้างสรรค์ฉากได้ แต่ฝีมือในการผลิตผลงานตามแบบนั้นนับว่าดีมากทีเดียว

ในแง่หนึ่ง

หลินเยวียนเป็นทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบท

อี้เฉิงกงร่วมงานกับหลินเยวียนมาหลายต่อหลายครั้ง เขาเข้าใจวิธีของหลินเยวียน เขาเพียงแค่ดำเนินการไปตามที่หลินเยวียนต้องการ เขาไม่เคยขัดแย้งกับหลินเยวียนในการสร้างสรรค์ผลงาน นอกเสียจากว่าสมองของเขาเกิดความคิดที่น่าสนใจขึ้นมา

หลังจากส่งเหล่าโจวกลับไป

หลินเยวียนโทรศัพท์หาเจี่ยนอี้ “หนังเรื่องใหม่ได้รับการยืนยันแล้ว นายเป็นพระเอก เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร ฉันจะส่งบทไปให้นายเดี๋ยวนี้แหละ นายเองก็ไปศึกษาดู อีกเรื่องคือนายต้องมาหาฉัน จะได้ไปเซ็นสัญญาศิลปินกับสตาร์ไลท์”

“ฮะ?”

เจี่ยนอี้ซึ่งอยู่ปลายสายชะงักไป “เรื่องเข้าสตาร์ไลท์ฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว แต่เมื่อเย็นวานนายบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่ ทำไมวันนี้มีบทแล้วล่ะ”

“มีแรงบันดาลใจแล้วไง”

“นายนี่มันกวนประสาทจริงๆ”

เจี่ยนอี้ไม่ได้เอ่ยขอบอกขอบใจหลินเยวียน

มิตรภาพระหว่างเขา หลินเยวียน และซย่าฝานนั้นแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เด็ก ในเวลาเช่นนี้ถ้าหากพูดมากเกินไปจะแลดูเสแสร้ง เขาเองก็อยากเป็นพระเอกใช่ไหมล่ะ

ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ!

เพียงแต่เขาไม่มีทางใช้มิตรภาพนี้บีบบังคับให้หลินเยวียนตัดสินใจ และในตอนนี้หลินเยวียนตักอาหารป้อนเข้าปากแล้ว ถ้าเขาพูดให้มากความก็รังแต่จะทำให้หลินเยวียนผิดหวัง วิธีตอบแทนหลินเยวียนที่ดีที่สุดคือพยายามแสดงภาพยนตร์ให้ดี รักษาโอกาสที่หลินเยวียนมอบให้

“ตามนี้ก่อน”

หลินเยวียนวางสาย

เขาเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าอินเทอร์เน็ตเริ่มต้นค้นหาภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร นี่เป็นการบ้านที่เขาจำเป็นต้องทำ ต้องดูว่าคนอื่นถ่ายทำอย่างไร จึงจะได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด

…………………………………………………

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท