อย่างไรอวิ๋นปี้ลั่วก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ดังนั้นคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงทำให้นางเกือบร้องไห้ออกมา “ข้าแค่อยากช่วยฝ่าบาทก็เท่านั้น”
“อยากช่วยเขาหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกโมโหขึ้นมาเมื่อได้ยินอวิ๋นปี้ลั่วเอ่ยถึงเรื่องนี้ นางหัวเราะ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาอันทิ่มแทง “ไหนบอกข้ามาสิ ในเมื่อเจ้าเป็นเด็กที่ได้รับการฝึกฝนมาภายใต้คำสั่งของฮองเฮา มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาในทุกครั้งที่ฮองเฮาทำร้ายองค์ชาย ทำไมเจ้าไม่ช่วยรับโทษนั้นแทนองค์ชายล่ะ อวิ๋นปี้ลั่ว ดูเหมือนว่าความภักดีของเจ้าจะมีจำกัดจริงๆ”
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยหงุดหงิดที่สุดก็คือความจริงที่ว่าอวิ๋นปี้ลั่วอายุมากกว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหลายปี แม้นางจะไม่สามารถขัดขืนฮองเฮาได้เพราะฐานะ แต่อย่างน้อยนางก็สามารถช่วยขัดขวางการลงโทษนั้นด้วยการขอรับโทษจำนวนหนึ่งแทนองค์ชายได้ นั่นก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอวิ๋นปี้ลั่วจะทำเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ทำอะไรตอนอยู่ที่ตำหนักของฮองเฮา
“นางเป็นถึงฮองเฮาเชียวนะ!” อวิ๋นปี้ลั่วไม่ยอมให้อีกฝ่ายชนะ ใบหน้าเล็กๆ ของนางสะบัดขึ้น ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “การขาดความตระหนักเรื่องฐานะที่สูงต่ำของท่านมีแต่จะสร้างปัญหาให้กับฝ่าบาท”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง “เจ้าก็แค่กลัวเท่านั้น อย่าเอาเรื่องที่สูงที่ต่ำมาพูดกับข้าเลย ฟังนะ อวิ๋นปี้ลั่ว ข้าไม่สนใจทั้งนั้นว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เพราะไม่มีใครสามารถทำร้ายสามีของข้าได้!” ไม่แม้แต่ฮ่องเต้! การปฏิบัติอันโหดร้ายทุกรูปแบบสมควรได้รับการตอบโต้ด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม การอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เช่นนี้นี่แหละที่ทำให้เขากลายเป็นปีศาจ และทำให้มือของเขาเปื้อนเลือดเมื่อโตขึ้น
หากมีใครสักคนก้าวออกมาหยุดมัน ป่านนี้องค์ชายคนที่นางรักและคนที่นางอยากมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาก็คงลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่านางแค่กำลังเอาโทสะของตัวเองไปลงกับคนอื่นเท่านั้น แต่เวลานี้นางรู้สึกโกรธยิ่งนัก และความโกรธนั้นก็มีชัยเหนือนาง นางไม่เคยพูดจาโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้มาก่อน ดวงตาวาววับเป็นประกายของนางดูแล้วน่าตกใจทีเดียว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวย นางดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังพองขนด้วยความโกรธไม่มีผิด
นางโกรธด้วยเรื่องของเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันออกจะเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอยู่นิดหน่อย เมื่อมีใครสักคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเรื่องของเขา
แทบทุกคนในวังหลวงต่างรู้ดีว่าผู้เป็นแม่จะทำอะไรเขาหากเขาถูกเรียกตัวไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง
แต่ไม่เคยมีใครรู้สึกเสียใจแทนเขาเพราะเรื่องนี้
ไม่มีใครลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อปกป้องเขาเช่นกัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้ว่าตำหนักแห่งนี้ว่างเปล่า และเป็นสถานที่ที่น่ารังเกียจมาตั้งแต่เขายังเด็ก
การเอาเปรียบนับเป็นขั้นตอนพื้นฐานของความสัมพันธ์ และความจริงใจนั้นก็ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นความจริง
แต่มันก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้เขามากนัก เพราะเขาคุ้นชินกับมันไปเสียแล้ว สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการละเล่นสำหรับเขาหลังจากที่เขาได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดนั้น
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนกับความโกรธของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่มีให้ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา เขาไม่เข้าใจมัน
“ฝ่าบาท…” อวิ๋นปี้ลั่วหันหน้าไปมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ทำหน้าตาสับสนอยู่นั้นพร้อมด้วยหยดน้ำตา “หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยเพคะว่าทำไมพี่สาวถึงได้เริ่มตั้งคำถามกับหม่อมฉันทันทีที่มาถึง สิ่งที่หม่อมฉันทำลงไปนั้นล้วนแต่ทำเพื่อฝ่าบาททั้งนั้นนะเพคะ”
แทนที่จะมองนาง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับออกคำสั่งกับเฮ่อเหลียนเวยเวย “เจ้า มากับข้าเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนสายตาลงมองแผ่นหลังที่อยู่ข้างหน้านาง นางคิดแล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ แต่มันก็ยังทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดีเมื่อนางได้ประสบกับมันด้วยตัวเอง
ถ้าคนที่อยู่ตรงนี้เป็นเขาในร่างผู้ใหญ่ เขาคงสั่งให้อวิ๋นปี้ลั่วออกไปนานแล้ว
แต่ชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่นางหวัง เขายังไม่โต และยังเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น
ที่ที่เขาอยู่ตรงกันข้ามกับวังหลวงอันหรูหรา คำว่าวังเวงคือคำเดียวที่สามารถใช้อธิบายถึงสถานที่แห่งนี้ได้ แม้แต่จะไอก็ยังต้องกลั้นเสียงไอของตัวเองเอาไว้ด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ เขาถึงได้ไว้ใจคนที่อยู่ข้างกายเขาที่นี่อย่างสุดหัวใจ
นี่เป็นสิ่งที่นาง คนที่มาใหม่ไม่สามารถเทียบได้
ความคิดนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย นางจึงก้มศีรษะลงอีกครั้ง
นี่คือภาพที่เงาทมิฬเห็นตอนที่เขาเข้ามา ผู้หญิงที่สูงกว่าฝ่าบาทเกือบสองช่วงตัวนั่งอยู่แทบเท้าเขาอย่างหมดอาลัยตายอยากราวกับว่ากำลังจะถูกพาตัวกลับไปอบรมที่บ้าน…
ในฐานะองครักษ์เงา เขาย่อมไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นนาย แต่แล้วเขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อเห็นรอยยิ้มที่อยู่ตรงมุมปากของอวิ๋นปี้ลั่ว เขาเตือนนางว่า “อย่าหาเรื่องนางชัดเจนนัก ฝ่าบาทคงไม่ชอบให้เจ้าทำเช่นนั้น”
“ข้าหาเรื่องนางหรือ” อวิ๋นปี้ลั่วกะพริบตา น้ำตาเริ่มหยดลงมาขณะที่นางพูด “เจ้าคงไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้นางพูดกับข้าอย่างไรต่อหน้าฝ่าบาท นางบอกว่าข้าไม่ช่วยฝ่าบาทรับโทษถูกตีแทน แต่คนนั้นคือฮองเฮาเชียวนะ ข้าจะหยุดนางได้อย่างไร เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางพยายามทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในหมู่พวกเรา คราวนี้ฝ่าบาทอาจจะสามารถยืนยันได้แล้วกระมังว่านางเป็นสายลับที่องค์ชายใหญ่ส่งมาจริงๆ มันก็เป็นเรื่องดีนี่”
เงาทมิฬหยุดฝีเท้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดของนาง แล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ข้าจะหยุดนาง ถ้าข้าอยู่ที่นั่น”
นั่นคือความจงรักภักดีของเขาในฐานะข้ารับใช้ แม้มันจะหมายถึงความตาย แต่เขาก็จะทำเช่นนั้น
อวิ๋นปี้ลั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางจึงหัวเราะออกมา “พูดง่ายกว่าทำ” หยุดแล้วจะได้อะไรขึ้นมาหรือ ฝ่าบาทเองก็คงไม่ปล่อยให้นางทำเช่นนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้ชักจะตลกเกินไปแล้ว!
แต่…
นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้วไม่ใช่หรือ ฝ่าบาทคิดอะไรอยู่กันแน่
อวิ๋นปี้ลั่วชำเลืองมองประตูห้องที่ปิดอยู่ พร้อมกับกัดริมฝีปากบางของตัวเองอย่างแรง
ในเวลาเดียวกันนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่อยู่ในห้องตวัดสายตามองเฮ่อเหลียนเวยเวยทันทีที่เขาไอออกมาแล้วจากนั้นจึงเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าคิดว่าเจ้าบอกว่าจะช่วยลดไข้ให้ข้ามิใช่หรือ”
หมายความว่าเขาฟังคำพูดของข้า และเลือกที่จะไม่ไปเข้าเฝ้าฮองเฮาหรือ
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับมาเป็นประกายดังเดิม นางหยิบเหล้าและสำลีที่นางเตรียมเอาไว้ออกมา “ไปนอนที่ฟูกก่อน ถอดเสื้อออกด้วย”
“เจ้า…” เด็กชายลังเลที่จะพูด
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “อะไรหรือ”
“ทำไมเจ้าถึงโกรธเพราะเรื่องของข้าล่ะ” ในที่สุดเด็กชายก็สามารถถามออกมาได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยถลึงตาใส่เขาจนตาแทบถลน “ข้าจะไม่โกรธได้หรือ เจ้าทำตัวจองหองอวดดีอยู่แทบจะตลอดเวลา ข้าอยากหยิกเจ้าให้ตาย แต่ข้าก็ยังไม่กล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่นิ้วเดียวเลยด้วยซ้ำ แต่เสด็จแม่ของเจ้า นาง… มีอะไรหรือ” นางรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้องกับสายตาที่เขาใช้มองนาง
“รู้สึกเหมือนอยากหยิกข้าให้ตายหรือ” เด็กชายตัวน้อยโยนเสื้อลงข้างตัวด้วยท่าทางอวดดี “สรุปว่านี่คือสิ่งที่เจ้าคิดอยู่อย่างนั้นสิ หือ”
สายตาของเขาทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยเสียวสันหลังวาบ นางรีบคลี่ริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มทันที “เจ้าไม่เข้าใจหรือ ข้ากำลังสารภาพรักกับเจ้าอยู่นะ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เด็กชายผู้เย็นชาก็หันหน้าไปอีกทางทันที เขาไม่ได้มองเฮ่อเหลียนเวยเวยอีก “เจ้าทำเช่นนี้เสมอหรือ”
“อะไรนะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเริ่มจับจุดอ่อนของเขาได้ ข้าทำไมหรือ
น้ำเสียงของเด็กชายตัวน้อยฟังดูเยือกเย็นขึ้นระหว่างเอ่ยว่า “เจ้าแสดงความรักออกมาแบบนี้เสมอหรือ กับคนอื่นก็ด้วยหรือ”
“ไม่มีทางอยู่แล้ว!” เฮ่อเหลียนเวยเวยกอดเด็กชายตัวน้อย แล้วสัมผัสหน้าผากของเขา จากนั้นนางจึงใช้โอกาสนี้สารภาพกับเขาว่า “ข้าทำแบบนี้กับเจ้าคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นข้าจะบอกให้พวกเขาไปให้พ้นจากสายตาของข้าซะ”
เด็กชายตัวน้อยชะงัก แล้วหันหน้ากลับมามองนาง ดวงตาเรียวรีของเขายังคงเย็นชาราวกับไม่มีแสงสว่างใดจะสามารถสาดส่องลงไปถึงมันได้ น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ “เจ้ากำลังพยายามสื่ออะไรหรือ เจ้าอยากให้ข้าไล่อวิ๋นปี้ลั่วออกไปรึ”