ตอนที่ 617 ทดสอบกรุ๊ปเลือดอีกครั้ง
การรอผลตรวจกรุ๊ปเลือดต้องใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมง ซึ่งหลินม่ายไม่ต้องการใช้เวลาทั้งเช้าในโรงพยาบาล
แม้ว่าการสอบเข้าวิทยาลัยจะจบลงแล้ว และเธอไม่ต้องยุ่งกับการอ่านหนังสือเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่เธอยังต้องดูแลเรื่องเรียนและธุรกิจ ยังมีหลายสิ่งที่รอให้เธอจัดการ
หลังจากเจาะเลือดแล้ว เธอก็ต้องการออกไป
แม่ไป๋เรียกเธอให้หยุดและพูดอย่างลังเล “ม่ายจื่อ เธอช่วยขอให้เสี่ยวฟางออกมาข้างหน้าและขอให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จากแผนกห้องปฏิบัติการทดสอบกรุ๊ปเลือดของเธอโดยเร็วที่สุดได้ไหม?”
หลินม่ายไม่ต้องการช่วยเรื่องนี้จึงเอ่ยขึ้น “แค่ตรวจกรุ๊ปเลือด หากให้จั๋วหรานรบกวนจังหวะการทำงานของแผนกห้องปฏิบัติการห็รงไม่ใช่เรื่องดีนักนะคะ”
แม่ไป๋ไม่พอใจเล็กน้อยจึงเอ่ย “เสี่ยวฟางเป็นศาสตราจารย์ แค่ให้เขาขอให้เพื่อนในแผนกห้องปฏิบัติการช่วยอะไรนิดหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าแม่ไป๋กำลังสร้างปัญหาให้กับเธอ หลินม่ายก็นึกเคืองเช่นกัน ขณะกำลังจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ฟางจั๋วหรานในเสื้อคลุมสีขาวก็พลันเดินออกมา
จากนั้นเขาก็พูดกับแม่ไป๋ “เมื่อวานผมสัญญาว่าจะจัดการตรวจพิสูจดีเอ็นเอให้กับคุณ และผมก็พาคุณหมออินผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบมาด้วย พวกคุณตามเขาไปที่ห้องแล็บนะครับ แล้วเขาจทำการเจาะเลือดคุณทั้งสองเพื่อตรวจดีเอ็นเอ”
หลังจากพูดจบ เขาก็แนะนำหมออินให้หลินม่ายและคนอื่นๆ ได้รู้จักกันก่อนจะจากไป
แม่ไป๋รีบเอ่ยขึ้น “เสี่ยวฟาง คุณช่วยบอกเพื่อนร่วมงานในแผนกห้องปฏิบัติการให้ตรวจสอบกรุ๊ปเลือดของม่ายจื่อโดยด่วนได้ไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานถามอย่างอธิบายไม่ถูก “เมื่อวานคุณไม่ได้เจาะและตรวจกรุ๊ปเลือดเหรอครับ? ผลลัพธ์ย่าจะออกมาในเช้าวันนี้แล้ว ยังต้องตรวจกรุ๊ปเลือดของคุณอีกครั้งหรือครับ?”
พ่อไป๋กล่าว “ม่ายจื่อบอกว่ากรุ๊ปเลือดผิด ก็เลยต้องตรวจใหม่ คุณไม่จำเป็นต้องคุณน้าไป๋ และคุณไม่จำเป็นต้องรีบตรวจกรุ๊ปเลือดของม่ายจื่อ แค่ทำตามแผนการเดิมก็พอครับ”
ไป๋ลู่และไปเซี่ยพยักหน้าพร้อมกัน และพวกเขาก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาให้ฟางจั๋วหรานในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
หมออินยิ้มและกล่าว “แค่ตรวจกรุ๊ปเลือด ผมเองก็ทำได้เช่นกัน ไปห้องทดลองของผมหงกันเถอะครับ แล้วผมจะตรวจกรุ๊ปเลือดของหลินม่ายโดยด่วน”
ทุกคนยกเว้นฟางจั๋วหรานพากันติดตามหมออินไปที่ห้องทดลองของเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หมออินก็ตรวจกรุ๊ปเลือดของหลินม่ายต่อหน้าแม่ไป๋และคนอื่น ๆ ผลแสดงให้เห็นชัดว่าเธอมีเลือดกรุ๊ปโอ
นอกจากท่าทางลุกลี้ลุกลนของไป๋ซวงแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนในตระกูลไป๋ดูไม่มีความสุข
มีเพียงหลินม่ายเท่านั้นที่ดูเฉยเมย ราวกับว่ากรุ๊ปเลือดที่ถูกหรือผิดไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย
การตรวจดีเอ็นเอจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
เมื่อออกมาจากห้องทดลองของคุณหมออิน พ่อไป๋ก็ถามไป๋ซวงด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “ลูกเปลี่ยนตัวอย่างเลือดแรกของหลินม่ายหรือเปล่า?”
ไป๋ซวงตำหนิและโยนความผิดให้นางพยาบาลที่รับผิดชอบในการเก็บตัวอย่างเลือดและออกผลการทดสอบ
หล่อนอ้างว่าพยาบาลรีบร้อนและทำผิดพลาดจนทำให้ตัวอย่างเลือดของหลินม่ายและคนอื่นสลับกัน
แต่คำพูดนั้นก็ยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก
เพราะบังเอิญอย่างยิ่งที่หล่อนมีเลือดกรุ๊ปบี และตัวอย่างเลือดที่ผิดพลาดของหลินม่ายก็เป็นเลือดกรุ๊ปบีเช่นกัน
หากไม่ใช่คนโง่ก็ต้องคาดเดาได้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของหล่อน
แผนการถูกเปิดเผยแล้ว หากต้องการให้พ่อไป๋และแม่ไปอภัย ก็ต้องแสร้งเป็นคนดี
น้ำตาของไป๋ซวงร่วงหล่นทันที หล่อนร้องไห้หนักจนคนมองรู้สึกสมเพช
หล่อนพูดทั้งน้ำตา “หนูยอมรับก็ได้ค่ะ เป็นเพราะหนูกลัวจริง ๆ ว่าเมื่อม่ายจื่อกลับมาที่บ้าน พ่อแม่และพี่น้องจะไม่รักหนูอีกต่อไป ดังนั้นหนู… หนูเลยแอบแลกเปลี่ยนตัวอย่างเลือดของม่ายจื่อ พ่อคะ แม่คะ หนูรู้ว่าหนูผิด แต่หนูไม่ได้มีเจตนาร้าย หนูแค่กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักหนูเหมือนเดิมอีกต่อไป”
ไป๋เซี่ยเย้ยหยัน “เพื่อที่จะได้อยู่ในบ้านที่ไม่ใช่ของเธอ เพื่อรับความรักที่ไม่ควรได้รับ เธอเลยทำการสลับตัวอย่างเลือดของม่ายจื่อ นี่ยังจะเรียกว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหรอ?”
“ไป๋เซี่ย หุบปากเดี๋ยวนี้!”
แม่ไป๋ดุไป๋เซี่ย พลางกอดไป๋ซวงไว้ในอ้อมแขนของตนอย่างเศร้าใจ และกล่าวอย่างแผ่วเบา “ลูกรัก พ่อและแม่บอกลูกหลายครั้งแล้วว่าเรายังรักลูกเหมือนเดิม ดังนั้นอย่าทำอะไรโง่ ๆ อีกเลยนะ”
หลินม่ายมองไปที่แม่ไป๋ด้วยความประหลาดใจ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไป๋ซวงก็ทำการสลับตัวอย่างเลือดของเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสาวได้เจอกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด นี่คือเจตนาร้ายอย่างชัดเจน
แม่ไป๋กลับยกโทษให้ไป๋ซวงอย่างง่ายดาย และยังปลอบโยนหล่อนอีกด้วย ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
ไป๋เซี่ยหรี่ตามองไป๋ซวง และอดไม่ได้ที่จะพูดอีกครั้ง “ฉันจำได้ว่าเธอเคยบอกว่าหากอีกคนเท้าเหม็น อีกคนจะเท้าหอมได้ยังไง มันก็สมควรกับคนตระกูลหลินอย่างพวกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านั้น พ่อแม่ของเธอสลับตัวเธอกับม่ายจื่ออย่างประสงค์ร้าย และตอนนี้เธอก็เปลี่ยนตัวอย่างเลือดของม่ายจื่อ เชื้อไม่ทิ้งแถวแบบนี้ก็คงชั่วเหมือนกันนั่นแหละ”
ไป๋ซวงนึกเกลียดชังไป๋เซี่ยอย่างมาก แต่ภายนอกยังคงร้องไห้และสารภาพความผิด
แน่นอนว่าเมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดและเสียใจของหล่อน ทุกคนก็อดใจอ่อนไม่ได้!
แม่ไป๋ดุไป๋เซียอย่างไม่พอใจ “น้องสาวของลูกไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นหยุดกล่าวหาน้องสักที ลูกไม่แม้แต่จะปลอบโยนน้อง ให้ความรู้สึกปลอดภัย หรือให้กำลังใจน้องเลย ลูกยังเป็นพี่ชายของน้องอยู่หรือเปล่า?”
ไป๋เซี่ยแค่นเสียงเย็นชาด้วยท่าทางดูถูกต่อแม่ไป๋
หลินม่ายบอกลาพ่อไป๋และแม่ไป๋ก่อนจะขอตัวเดินจากไป
เธอโทรหาแผนกทรัพยากรบุคคลเมื่อวานนี้และนัดประชุมผู้บริการระดับสูงตอนสิบโมงเช้าวันนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องรีบเข้าร่วมการประชุม
แต่ไป๋ซวงกลับคว้าตัวเธอไว้ มองทั้งน้ำตา ก่อนจะถามด้วยเสียงเจือสะอื้น “ม่ายจื่อ เธอปฏิเสธที่จะยกโทษให้ฉันเหรอ ฉัน… ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่กลัวและสับสนมากก็เท่านั้น…”
หลินม่ายตกตะลึง “คุณไม่เคยขอโทษฉันตั้งแต่แรก จะให้ฉันยกโทษให้คุณได้ยังไง?”
ไป๋ซวงรีบพูด “งั้นฉันจะขอโทษเธอตอนนี้ ฉันขอโทษนะม่ายจื่อ!”
หลังจากนั้นหล่อนก็โค้งคำนับหลินม่ายอย่างจริงจัง
หลินม่ายถามอย่างเฉยเมย “ต่อไปฉันต้องยกโทษให้คุณใช่ไหมคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นคนใจร้ายตลอดไป?”
ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ไป๋ซวงก็พูดไม่ออกทันที
ไป๋ซวงพูดตะกุกตะกัก “นะ…นั่นไม่ใช่…”
หลินม่ายกล่าวขึ้นทันทีโดยไม่ให้อีกฝ่ายขัดจังหวะ “หากให้พูดความจริงจากใจละก็ ฉันไม่ยกโทษให้คุณค่ะ”
ทันทีที่กล่าวจบเธอก็เดินจากไป
ไป๋ซวงรอให้เธอจากไปและหลั่งน้ำตาออกมาทันที พูดกับแม่ไป๋ “แม่คะ ม่ายจื่อ… หล่อนไม่ยกโทษให้หนู~”
ไป๋ลู่ทนไม่ได้อีกต่อไป “ทำไมเธอถึงเป็นคนแบบนี้ เธอเป็นคนทำความผิดทุกอย่าง แต่พอม่ายจื่อไม่ให้อภัย เธอกลับมาร้องไห้และใส่ร้ายหล่อนลับหลังกับแม่!”
ไป๋เซี่ยเอ่ยเสียดสี “ทุกคนต้องให้อภัยความผิดทุกอย่างของเธอเพียงเพราะเธอบอกขอโทษเหรอ? คนแบบเธอสมควรไปคุยกับตำรวจมากกว่า!”
แม่ไป๋ตะโกนใส่ลูกทั้งสอง “พวกเธอทั้งคู่เงียบปากไปเลย!”
จากนั้นหล่อนก็ปลอบไป๋ซวง “ซวงเอ๋อร์ อย่าร้องไห้ แม่จะคุยกับม่ายจื่อและขอให้หล่อนยกโทษให้ลูกเอง”
ไป๋ซวงพยักหน้ารับอย่างน่าสงสาร
หลินม่ายกลับไปที่วิลล่าก่อนจะขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไปยังโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า
ห้องประชุมขนาดเล็กเต็มไปด้วยผู้ปฏิบัติงานระดับสูงประมาณสามสิบคน
มีผู้บริหารระดับสูงอย่างเฉินฟางและเจิ้งซวี่ตง ทั้งยังมีผู้บริหารระดับสูงรุ่นใหม่อีกด้วย
หลินม่ายนั่งลงในที่นั่งของเธอ และพนักงานก็วางแก้วน้ำบ๊วยเปรี้ยวเย็นไว้ตรงหน้าเธอทันที
เสิ่นเสี่ยวผิงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังหลินม่ายเห็นดังนั้นก็รีบเปลี่ยนเป็นน้ำบ๊วยเปรี้ยวเย็นเป็นน้ำบ๊วยเปรี้ยวที่อุณหภูมิห้องเงียบๆ
พนักงานคนนั้นรู้สึกงุนงงมากเมื่อเห็น และแอบถามเสิ่นเสี่ยวผิง “วันนี้อากาศร้อน ทำไมคุณให้น้ำบ๊วยเปรี้ยวที่อุณหภูมิห้องกับหัวหน้าหลินละคะ?”
เสิ่นเสี่ยวผิงกระซิบ “นี่มันสิ้นเดือนแล้ว รอบเดือนหล่อนมา”
จู่ ๆ พนักงานหญิงคนนั้นก็นึกขึ้นได้และจดจำไว้ในใจเพื่อไม่ให้ทำผิดซ้ำอีกในอนาคต
ผู้บริหารที่ได้รับคัดเลือกใหม่ล้วนเป็นคนดี แม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องมากมายต้องรายงานคุณหลิน แต่พวกเขาก็ไม่เร่งรีบที่จะพูด รอให้ผู้อาวุโสพูดก่อน
หลินม่ายชื่นชมที่พวกเขายังคงมีวิจารณญาณ
หากไม่มีไหวพริบหรือวิจารณญาณ ก็จะอ่านแผนการของฝ่ายตรงข้ามไม่ออก เช่นนั้นแล้วจะเจรจาธุรกิจหรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างไร?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยิ่งอยู่ยิ่งรำคาญยัยไป๋ซวง จะมาทำเป็นบีบน้ำตาทำเป็นน่าสงสารเพื่อ ม่ายจื่อไม่แย่งตำแหน่งสมาชิกในบ้านหล่อนอยู่แล้วจ้ะ ระดับประธานบริษัทแล้วยังต้องแคร์อะไรด้วยเหรอ
ไหหม่า(海馬)