บทที่ 600 เด็กหนุ่มละอ่อนกำมะลอ หวังว่าจะต้านทานฝ่ามือข้าไหว!
ดูแคลนอย่างผู้เหนือชั้นกว่า เห็นสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองเป็นมดปลวก ไม่สิ ด้อยค่ายิ่งกว่ามดปลวกเสียอีก…
จักรพรรดินียิ่งฟังสีหน้ายิ่งเย็นยะเยือกลง โทสะปะทุในใจ
“พวกเจ้าเกิดมาเป็นเซียนเลยหรืออย่างไร มิใช่ว่าฝึกฝนทีละก้าวจนมาถึงขั้นนี้หรือ ยังมีหน้าพูดจาเยี่ยงนี้อีกหรือ ความละอายถูกสุนัขกัดกินไปหมดแล้วหรือไร”
จักรพรรดินีตวาดเสียงเย็น ต้องมีจิตใจเช่นไร ถึงลืมกำพืดทันทีหลังได้ดี
พรึ่บ!
หลังชิ่งหลง ผู้ถือพัดพับได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดินี ก็มีสีหน้าอึมครึมลงในบัดดล พับปิดพัดของตนในทันที
นัยน์ตาของเขาหนาวเหน็บ บุคลิกสุภาพสง่าอย่างก่อนมลายหายไป เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “เจ้ายืนอยู่บนแผ่นดินแดนมรณา บังอาจเอ่ยวาจาเช่นนี้กับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดไปได้หรือ”
เสียงดังฟึ่บ เขาลงมือทันที เขวี้ยงพัดพับออกไป พัดพับที่ดูธรรมดาสามัญนั้นกลับแฝงไว้ด้วยพลังแกร่งกล้า กระแทกไปยังศีรษะของจักรพรรดินี
นัยน์ตาจักรพรรดินีวาวโรจน์ มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ฟาดฝ่ามือเข้าไปปะทะกับพัดพับ
พลังของนางเหนือชั้นกว่า พัดพับกระเด็นออกไปอีกทาง
ทว่าในตอนนั้นเอง ชิ่งหลงพลันปรากฏตัวขึ้นด้านซ้ายจักรพรรดินี ถีบลูกเตะออกไปอย่างรวดเร็ว โดนเข้ากับช่วงท้องจักรพรรดินีอย่างจัง จักรพรรดินีกระเด็นออกไปทันที สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน นางกระอักเลือดออกมาอย่างอดมิได้ อาภรณ์ช่วงอกถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน
นางรู้สึกคล้ายช่วงท้องระเบิดด้วยลูกเตะนั้น ปวดแสบปวดร้อนไปหมด ร่างกระแทกเข้ากับยอดเขาแห่งหนึ่ง จนยอดเขาหักสะบั้น
“เจ้าตัวตลกเอ๋ย คิดว่าสามารถทำอะไรได้มากมายอย่างนั้นหรือ แท้จริงแล้ว เจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดได้ทั้งนั้น!”
ชิ่งหลงเหยียดยิ้มมุมปาก เด็ดเดี่ยวพร้อมสังหาร พริบตาที่เขาเคลื่อนไหว ก็มาอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดินีอีกครั้ง เหยียบลงไปที่ศีรษะของจักรพรรดินี
เลือดสาดกระเซ็น เรื่องเหนือความคาดหมายคือ ศีรษะจักรพรรดินีหาได้ระเบิดไม่ เท้าที่ชิ่งหลงย่ำลงไปกลับแหลกเหลว ถูกจักรพรรดินีอัดระเบิดในหมัดเดียว
สีหน้าชิ่งหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาทอประกายตกตะลึงอยู่แวบหนึ่ง เขาผู้เป็นถึงยอดเซียน กลับถูกจ้าวแห่งเซียนตนหนึ่งทำร้ายเอาได้อย่างนั้นหรือ
ใช่แล้ว ตัวเขาอยู่ในขอบเขตที่สูงกว่า ก้าวพ้นขั้นจ้าวแห่งเซียน เป็นยอดเซียนอย่างแท้จริง อยู่ในระดับชั้นยอดท่ามกลางจ้าวแห่งเซียน!
โดยปกติ จ้าวแห่งเซียนไม่มีทางทำร้ายเขาได้ ต่อให้เขายืนนิ่งไม่ไหวติงปล่อยให้จ้าวแห่งเซียนโจมตีเขา ก็ไม่มีทางสึกหรอ
ทว่าบัดนี้ เขากลับถูกจักรพรรดินีขั้นจ้าวแห่งเซียนอัดเท้าระเบิด จะมิให้เขาตะลึงงันได้อย่างไร!?
ในฐานะยอดเซียน ถูกอัดขาระเบิดไปหนึ่งข้างหาใช่เรื่องใหญ่ เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วยซ้ำ เขาเพียงแต่รับไม่ได้ที่ต้องถูกจ้าวแห่งเซียนอย่างจักรพรรดินีอัดเท้าระเบิดเท่านั้น!
ตู้ม!
จักรพรรดินีทะยานตัว ลงมืออย่างรวดเร็วดุดัน ยังมีโลหิตรินไหลออกจากมุมปากของนาง แต่นางหาได้สนใจไม่ มือเรียวนวลเนียนสองข้างเปล่งประกายเซียนมหาศาล ฟาดฝ่ามือข้างหนึ่งใส่หัวชิ่งหลง แล้วฟาดฝ่ามืออีกข้างใส่หน้าอกชิ่งหลง
ชิ่งหลงตอบโต้ได้อย่างว่องไว ใช้ข้อศอกสกัดฝ่ามือสองข้างของจักรพรรดินีที่ฟาดเข้ามา นัยน์ตาเปล่งประกายหนาวสะท้าน ออกท่าจู่โจม อ้าปากพ่นลำแสงถล่มจักรพรรดินี
จักรพรรดินียืดระยะห่างออกไป หลบเลี่ยงลำแสง ก่อนจะประสานอินกระบี่โบราณอย่างรวดเร็ว แสงกระบี่เจิดจรัสสูงส่งส่องสะท้อน ฟ้าดินสั่นไหว กระบี่เซียนตวัดออกจากกลางอากาศนับคณา มากมายประหนึ่งน้ำตกฝนกระบี่
“ข้าไว้หน้าเจ้าเกินไปรึ!”
สีหน้าชิ่งหลงเย็นชา โทสะปะทุในใจ เขาไม่อาจกำราบจ้าวแห่งเซียนอย่างจักรพรรดินีได้ในทันทีหรือนี่ ซ้ำยังถูกจ้าวแห่งเซียนอย่างจักรพรรดินีทำร้ายเอา เขาทนมิได้ ปล่อยพลังปะทุเต็มที่ รับศึกจักรพรรดินีด้วยสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด!
ขาที่เคยถูกจักรพรรดินีอัดระเบิดไปก่อนหน้านี้คืนสภาพดังเดิมได้ในพริบตา พลังของเขาพุ่งทะยาน ถาโถมสู่ปฐพี กระบี่เซียนมหาศาลระเบิดแหลกลาญในพริบตา ไม่อาจเข้าใกล้เขาได้เลย!
เขาเผยความเป็นยอดเซียนออกมาเต็มพิกัด ฝ่ามือข้างหนึ่งฟาดลงมา กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ว่ายวนอยู่ในฝ่ามือของเขา มหาวิชาที่จักรพรรดินีใช้ทลายลงทันควัน กระบี่เซียนถูกขจัดทั้งหมด!
ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงคือ มีกระบี่เซียนมหึมาเล่มหนึ่งพุ่งออกไป ตวัดทะลุห้วงอากาศไปฟาดฟันเขาราวกระบี่สวรรค์!
เขาฟาดฝ่ามือปัดป้อง แต่ฝ่ามือข้างนั้นกลับถูกกระบี่เซียนเล่มนี้ตัดจนขาด!
จักรพรรดินีเรียกกระบี่สีขาววาววามดั่งหยกเล่มหนึ่งมาไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะควงกระบี่บุกสังหารเข้ามา แสงกระบี่เจิดจ้าแยงตา เจตจำนงกระบี่สูงส่งปะทุ นางน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก เอาชนะขั้นยอดเซียนได้ด้วยขั้นจ้าวแห่งเซียน ชั่วขณะที่แสงกระบี่กะพริบแวววาว รอยกระบี่ปรากฏบนตัวชิ่งหลงรอยแล้วรอยเล่า โลหิตไหลเป็นทาง!
“นี่มัน…เรื่องอันใดกัน!”
“โหดเหี้ยมถึงปานนี้เชียว!?”
สิ่งมีชีวิตในแดนมรณาตะลึงกันถ้วนหน้า จักรพรรดินีฝืนชะตากรรมได้จริง ๆ หรือ ถึงขั้นเอาชนะผู้เหนือกว่า ต่อสู้ข้ามขั้นได้!
ขั้นเหนือเซียนนั้นสูงส่งวิเศษเกินหยั่ง จะมีการต่อสู้ข้ามขั้นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
หากเป็นขอบเขตใต้เซียนยังพอเป็นไปได้ ทว่า ขอบเขตซึ่งอยู่เหนือเซียนขึ้นไป ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แน่ พวกเขาตกอกตกใจกันหมด จักรพรรดินีเก่งกาจเกินไปแล้ว!
จักรพรรดินีเป็นใหญ่มาแล้วหลายยุคสมัย หลังเข้าไปในภพเซียน จักรพรรดินีต้องต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพันอยู่ตลอด นางหาใช่ผู้ที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปเทียบด้วยได้ แต่โดดเด่นน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง!
หากมิใช่ว่าโดดเด่นน่าทึ่งเพียงนี้ ผู้นำตระกูลเซียวคงไม่ให้ความสำคัญนางปานนั้น
“บัดซบ!”
ชิ่งหลงคำรามเสียงต่ำ สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ เขาเป็นถึงยอดเซียนตนหนึ่ง กลับถูกจ้าวแห่งเซียนถล่มราบคาบเช่นนี้ จะให้เขาทนได้อย่างไร!
เขาสำแดงฝีมืออีกครั้ง ใช้วิชามหาพิฆาตออกไปมากมาย มิได้ออมมือแม้แต่น้อย หมายจะพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายถูกกระทำ ปราบปรามจักรพรรดินีลง
อนิจจา จักรพรรดินีเยี่ยมยอดเกินไป ขณะแสงกระบี่ส่องสะท้อน นางยิ่งเพิ่มทวีความวิเศษสูงส่ง ข่มชิ่งหลงได้อย่างสิ้นเชิง
สุดท้าย นางวาดกระบี่ออกไป ผ่าร่างชิ่งหลงเป็นสองท่อน ชิ่งหลงบาดเจ็บสาหัส พ่ายแพ้ลงโดยสมบูรณ์!
สิ่งมีชีวิตในแดนมรณาต่างจ้องมองจักรพรรดินีด้วยความเคารพยำเกรง คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจักรพรรดินีจะดุดันเพียงนี้ กระทั่งยอดเซียนยังสู้ไม่ไหว ต้องแพ้พ่ายลงย่อยยับ!
“พอได้แล้ว!”
เวลานั้นเอง เสียงตวาดเสียงหนึ่งดังออกจากส่วนลึกของแดนมรณา คลื่นแสงสยดสยองแผ่ขยาย จักรพรรดินีกระเด็นออกไปทันที ร่วงกระแทกจากฟ้าสูง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยร้าว!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มียอดฝีมือชั้นเลิศก้าวออกจากแดนมรณา เป็นตัวตนที่จักรพรรดินีไม่อาจต่อกรด้วยได้ เพียงเสียงตวาดเดียวก็เกือบปลิดชีพจักรพรรดินีลงได้!
จักรพรรดินีกระอักเลือดไม่หยุด รอยร้าวคืบคลานออกไปตามตัวเรื่อย ๆ นางนึกอยากห้ามเลือด ทว่าทำมิได้เลย พลังอันน่ากลัวคลี่แผ่ทั่วกาย จนนางไม่อาจรักษาบาดแผล
“เดินมาได้เท่านี้เองหรือ”
นางหัวเราะเสียงโศกา ที่เคยคิดอยากเจรจากับจ้าวมรณา แต่ยังไม่ทันได้พบจ้าวมรณา ก็จบเห่ลงเสียแล้ว
ทว่านางไม่นึกเสียใจ หากนางเพิกเฉยต่างหาก ถึงจะต้องเสียใจภายหลัง
“มาเยือนแดนมรณาของเราด้วยตัวคนเดียว ว่ามาสิ เจ้ามีจุดประสงค์อันใด!? ผู้ใดอยู่เบื้องหลังของเจ้า!?”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินค้ำไม้เท้าออกมา จ้องมองจักรพรรดินี เขาไม่เชื่อว่าจักรพรรดินีจะกล้ามาเยือนแดนมรณาของพวกเขาตามลำพัง สงสัยว่ามีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังจักรพรรดินี
ส่วนที่ว่ามาเพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองเหล่านั้น เขายิ่งไม่เชื่อ ผู้ใดจะยอมเสียสละตนเองเพื่อมดปลวก?
เป็นไปได้อย่างไร
“ข้าย่อมต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง!”
จักรพรรดินีมองจ้องผู้เฒ่า เดิมอยากบอกว่าเบื้องหลังของนางมีสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองนับร้อยล้าน นางหาได้ต่อสู้ตามลำพังไม่ ต่อให้นางล้มลงที่นี่ สิ่งมีชีวิตนับร้อยล้านนั้นก็ไม่มีทางยอมจำนน ต้องมีสิ่งมีชีวิตตนอื่นลุกขึ้นต่อสู้อีกไม่หยุดหย่อน
ทว่าถ้อยคำหลังจากนั้นนางมิได้เอื้อนเอ่ยออกมา ผู้เฒ่าคนนั้นกลับปริปากขึ้นเสียก่อน
“มีผู้อยู่เบื้องหลังจริงด้วย!”
ผู้เฒ่าทอดมองออกไปไกล ตรงนั้นมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังก้าวเดินอยู่ในอวกาศ คล้ายว่าเดินเดร็ดเตร่ชมทิวทัศน์ มิได้มีความเกรงกลัวสักนิด!
บังอาจนัก!
เห็นแดนมรณาของพวกเขาเป็นสวนดอกไม้หลังบ้าน เดินทอดน่องไปเรื่อยหรืออย่างไร
“นี่หรือผู้อยู่เบื้องหลังเจ้า น่าขันนัก ยังมีหน้ามาแสร้งทำเป็นละอ่อนอยู่อีกหรือ!”
ผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น ไม่เชื่อว่ารูปลักษณ์เด็กหนุ่มคือร่างจริง มั่นใจว่านี่คือร่างละอ่อนที่ปีศาจเฒ่าจำแลงกายมา
“รนหาที่ตาย ริอ่านหลอกลวงกันเช่นนี้! หวังว่าเขาสามารถต้านทานฝ่ามือของข้าได้!” ผู้เฒ่าเอ่ยต่อ