เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 603 บทสรุป (14)

ตอนที่ 603 บทสรุป (14)

มีสาวใช้​ถูก​โยน​ลง​ไป​แล้ว​หลาย​นาง​

เรื่อง​ที่​ควรค่า​แก่​เอ่ยถึง​มาก​ที่สุด​คือ​ ใน​บรรดา​ผู้​ที่​ถูก​โยน​ลง​ไป​ใน​สระ​บัว​ยังมี​ฮูหยิน​สี่ด้วย​คน​หนึ่ง​

แน่นอน​ว่า​นาง​ไม่ได้คิด​จะยั่วยวน​หนิง​เซ่าชิง แค่​คิด​จะฟ้อง​ฮูหยิน​หัวหน้า​ตระกูล​ โดย​อาศัย​นาม​ของ​ฮูหยิน​ผู้ปกครอง​ดูแล​จวน​ ซึ่งวันนั้น​นาง​ไม่ทัน​ระวัง​จริงๆ​ จึงเข้าใกล้​ไป​หน่อย​ แต่กลับ​ถูก​หัวหน้า​ตระกูล​โยน​ลง​สระ​บัว​

ดังนั้น​ จะมีใคร​ที่​ไม่กลัว​ตาย​ กล้า​เข้ามา​ใกล้​อีก​

ดังนั้น​ คน​ที่​กล้า​เข้าใกล้​ฮูหยิน​หัวหน้า​ตระกูล​ นั่น​ก็​คือ​คน​ที่​กลัว​ว่า​ฮูหยิน​หัวหน้า​ตระกูล​มีอัน​ใด​ไม่สบาย​แล้​วจะ​เดือดร้อน​ตนเอง​!

เดือน​หก​คือ​ฤดูฝน​ เดือด​เจ็ด​ก็​คือ​วัน​ที่จะ​เกิด​อุทกภัย​

ตระกูล​ซูให้​คน​ไป​เตรียมการ​พร้อมสรรพ​แต่​เนิ่นๆ​ แล้ว​ โดย​วางรากฐาน​ก่อน​เล็กน้อย​ รอ​ให้​ผ่าน​เหตุการณ์​น้ำท่วม​ไป​ ค่อย​ดำเนินการ​ก่อสร้าง​ครั้ง​ใหญ่​

อีก​อย่าง​ แม้ว่า​น้ำท่วม​ใน​ครั้งนี้​จะยังคง​ท่วม​ที่ดิน​ศักดินา​ แต่กลับ​ระบาย​ได้​เร็ว​มาก​

อากาศ​ร้อน​ ไม่ถึงครึ่ง​เดือน​ก็​แห้ง​หมด​แล้ว​ ทั้ง​ยัง​สามารถ​เร่ง​ปลูก​พืชผล​ทาง​การเกษตร​ได้​ รอ​ถึงตอน​ฤดูใบไม้ผลิ​ ผ่าน​ฤดูหนาว​ก็​เก็บเกี่ยว​ได้​หน่อย​

ได้ยิน​มาว่า​ อ่างเก็บน้ำ​ทั้ง​สี่สร้าง​พร้อมกัน​ และ​สร้าง​ประตูระบายน้ำ​ด้วย​ แม้ว่า​น้ำ​จะยัง​ท่วม​ แต่​ก็​ไม่สามารถ​ท่วม​พื้นที่​ทั้งหมด​ได้​

กองทัพ​ตระกูล​ซูมีจำนวนมาก​ เรื่อง​การ​ขุด​ลอก​คู​คลอง​ เมื่อ​มีภาพ​ที่​มั่ว​เชีย​นเสวี่ย​วางแผน​เอาไว้​ให้​แต่แรก​ จึงขุด​ได้​เร็ว​มาก​

เมื่อ​ถึงเดือน​เก้า​ ตระกูล​ซูกับ​ตระกูล​หนิง​ล้วน​ถอย​ออกจาก​เมืองหลวง​กัน​อย่าง​เป็นความลับ​ สละ​เรือ​เพื่อ​รักษา​ขุน​[1] นอกจาก​คน​ที่​สำคัญ​ อะไร​ก็​ไม่เอา​ไป​

รอ​จน​ฮ่องเต้​ค้นพบ​ ก็​เป็น​สิบ​วัน​หลังจากนั้น​ คน​ตระกูล​ซูกับ​ตระกูล​หนิง​จากไป​ เหลือ​ไว้​เพียงแต่​เรือน​อัน​ว่างเปล่า​

แน่นอน​ว่า​ ไม่ได้​ไม่เหลือ​สัก​คน​ ข้า​รับใช้​ยังอยู่​ ใช้ชีวิต​ทำงาน​ไป​ตามปกติ​เหมือนเดิม​ เพียงแต่​ในเวลาเดียวกัน​นั้น​ ผู้​เป็น​นาย​ที่อยู่​ข้างใน​กลับ​ไม่เห็น​แล้ว​ ฮ่องเต้​บัน​ดาลโทสะ​ ใน​ใจก็​ตื่นตระหนก​อย่างยิ่ง​

ตระกูล​ซูกับ​ตระกูล​หนิง​ไม่เหมือน​ตระกูล​เซี่ย​และ​ตระกูล​หลู​ หากว่า​ไม่มั่นใจ​เต็มที่​ พวกเขา​ทั้งสอง​ตระกูล​ไม่มีทาง​ถอย​ออก​ไป​จาก​เมืองหลวง​ในเวลาเดียวกัน​

หนึ่ง​ปี​มานี้​ เขา​จะไม่รู้​เหตุผล​ที่​ที่ดิน​ศักดินา​ของ​ตระกูล​หนิง​กับ​ตระกูล​ซูมีบรรยากาศ​คึกคัก​และ​เต็มไปด้วย​ความ​กระตือรือร้น​ได้​อย่างไร​

เพียงแต่​หลาย​ปี​มานี้​ ขอ​เพียงแค่​หัวหน้า​ตระกูล​คน​ใหม่​เข้า​รับ​ตำแหน่ง​ ใน​ที่ดิน​ศักดินา​ของ​ทั้งสอง​ตระกูล​ก็​จะทำการ​ก่อสร้าง​เป็นการใหญ่​อย่าง​คึกคัก​ครั้งหนึ่ง​

ดูท่า​ ครั้งนี้​มีความมั่นใจ​ว่า​จะสำเร็จ​ยิ่ง​?

ใน​เมื่อ​ทั้งสอง​ตระกูล​แอบหนี​ออกจาก​เมืองหลวง​เงียบๆ​ ย่อม​ต้อง​มีความต้องการ​ที่จะ​ครอบครอง​และ​ตั้งมั่น​ใน​ที่ดิน​ศักดินา​

ตระกูล​ซูมีกองทัพ​ตระกูล​ซู ตระกูล​หนิง​มีหอ​ลับ​ และ​มีกองทัพ​ที่​เลี้ยง​ไว้​เป็นการ​ส่วนตัว​ ทั้ง​ยังมี​ความสัมพันธ์​กับ​ชายแดน​ตะวันตก​ หาก​เขา​ส่งทัพ​ไป​ตี​เป่ยต้าฮวง​ ชายแดน​ตะวันตก​ย่อม​เคลื่อน​ทัพ​มาสนับสนุน​ ถึงตอนนั้น​เขา​ก็​ถูก​ศัตรู​ขนาบ​ทั้ง​หน้า​และ​หลัง​…

แผนการ​ใน​ตอนนี้​ ทำได้​แค่​ไล่ตาม​สังหาร​

ดังนั้น​คน​ขบวน​แล้ว​ขบวน​เล่า​จึงมุ่งหน้า​ออกจาก​เมืองหลวง​อย่าง​รวดเร็ว​

ไล่ล่า​สังหาร​ตระกูล​ซูกับ​ตระกูล​หนิง​จาก​สอง​ทิศทาง​

ทุกแห่ง​ล้วน​เต็มไปด้วย​การนองเลือด​

ทั่ว​ทั้ง​เทียน​ฉีล้วน​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ภัยอันตราย​

ปลายเดือน​เก้า​ ต้นเดือน​สิบ​ ตระกูล​หนิง​และ​ตระกูล​ซูก็​ทยอย​เดินทาง​ไป​ถึงที่ดิน​ศักดินา​อย่าง​ปลอดภัย​

ฮ่องเต้​ได้รับ​จดหมาย​แล้ว​ ก็​รู้สึก​ไม่ดี​ทันที​

ตอนนี้​คน​ทั้งสอง​ตระกูล​ล้วน​ไป​ถึงที่ดิน​ศักดินา​แล้ว​ ทหาร​ที่​เป็น​ผู้ใต้บังคับบัญชา​ของ​เขา​ก็​ตาย​ไป​เจ็ด​แปด​ส่วน​

แน่นอน​ว่า​องครักษ์​ และ​องครักษ์​ลับ​ของ​ทั้งสอง​ตระกูล​ก็​สูญเสีย​ไป​เจ็ด​แปด​ส่วน​เช่นกัน​

เพียงแต่​แม้ว่า​ทั้งสอง​ตระกูล​จะสูญเสียคน​ไป​ แต่​หัวหน้า​ตระกูล​กลับ​ไป​ถึงที่ดิน​ศักดินา​อย่าง​ปลอดภัย​ ทว่า​คน​ของ​เขา​กลับ​ตาย​เสียเปล่า​

วันนี้​เรื่อง​ดำเนิน​มาถึงขั้น​นี้​ ฮ่องเต้​รู้​แล้ว​ว่า​จะกำจัด​ทั้งสอง​ตระกูล​ให้​สิ้น​นั้น​เป็นเรื่อง​ที่​เป็นไปไม่ได้​แน่นอน​

เมื่อ​ไม่อาจ​ฆ่าล้าง​ตระกูล​ ส่งคน​ไป​สังหาร​อีก​จะมีประโยชน์​อัน​ใด​

เมื่อ​ถึงยาม​ที่​เหลืออดเหลือทน​ คน​ที่​มีเมตตา​และ​สุภาพอ่อนโยน​ก็​กล้า​ที่จะ​สู้ยิบตา​เช่นกัน​!

เมื่อ​วิเคราะห์​ดู​แล้ว​ ฮ่องเต้​ก็​นอนไม่หลับ​ตลอดคืน​ ทรง​พระ​กาสะ​ออกมา​เป็น​โลหิต​หลายครั้ง​!

เมื่อ​ฟ้าสว่าง​ จอน​ผม​สอง​ข้าง​ก็​ขาวโพลน​ สุดท้าย​ฮ่องเต้​ที่​รู้​ว่า​อิทธิพล​อำนาจ​ยิ่งใหญ่​จากไป​แล้วก็​ถอนหายใจ​ ลุกขึ้น​จาก​บัลลังก์​มังกร​ โงนเงน​ไปมา​จน​ขันที​คนสนิท​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ต้อง​รีบ​เข้าไป​ประคอง​

“ฝ่าบาท​ ไม่เช่นนั้น​ก็​มีราชโองการ​ลง​ไป​ตอนนี้​ว่า​ ตระกูล​ซูและ​ตระกูล​หนิง​เมินเฉย​ต่อ​อำนาจ​ราชวงศ์​ ออกจาก​เมือง​โดยพลการ​…แล้ว​ประทาน​ความตาย​ให้​กับ​คน​ที่​รั้ง​อยู่​ใน​จวน​ กำจัด​จงเหล่า​และ​ผู้อาวุโส​ที่​เหลือ​ทิ้ง​ไว้​ใน​เมืองหลวง​ทุกคน​ ค่อย​รวบรวม​ทหาร​กลุ่ม​ใหญ่​ ให้​องครักษ์​วังหลวง​ ทหาร​รักษา​พระองค์​ และ​ทหารราบ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​…”

เพื่อ​สร้าง​ความ​สับสน​ต่อ​พระ​เนตร​ของ​ฮ่องเต้​ ทั้งสอง​ตระกูล​จึงตั้งใจ​ทิ้ง​จงเหล่า​และ​ผู้อาวุโส​หลาย​ท่าน​ไว้​ใน​เมืองหลวง​ และ​พา​ไป​เฉพาะ​บุตรหลาน​ภรรยา​เอก​แต่ละคน​ของ​พวกเขา​ไป​

การ​โยกย้าย​ใน​ครั้งนี้​ต้อง​จ่าย​ค่าตอบแทน​มหาศาล​

คน​ที่อยู่​ต่อ​โอบอุ้ม​จิตใจ​ที่จะ​ต้อง​ตาย​แน่ๆ​ เอาไว้​

ฮ่องเต้​โบก​พระ​หัตถ์​ ตอนนี้​เขา​ไม่เพียงแต่​จะไม่สามารถ​ส่งคน​ไป​ลอบสังหาร​ได้​ แต่​ยัง​ต้อง​ส่งคน​ไป​ปลอบประโลม​บุคคล​ที่​ไม่ค่อย​มีความสำคัญ​ กับ​จงเหล่า​และ​ผู้อาวุโส​ที่​ทั้งสอง​ตระกูล​ทิ้ง​เอาไว้​ใน​จวน​ที่​เมืองหลวง​อีกด้วย​

ฮ่องเต้​ปลอบประโลม​คน​เหล่านั้น​เสร็จ​ ก็​แสดงท่าที​โดย​การ​มีราชโองการ​แต่งตั้ง​ตระกูล​ซูและ​ตระกูล​หนิง​แต่ละ​ตระกูล​ให้​มีตำแหน่ง​เจ้าเมือง​

ใช่แล้ว​ ฮ่องเต้​คิด​แผนการ​พิสดาร​หนึ่ง​ออกมา​

โดย​การ​แต่งตั้ง​หนิง​เซ่าชิงกับ​ซูจิ่นอวี้​ให้​เป็น​อ๋อง​

คน​หนึ่ง​คือ​เป่ย​หนิง​อ๋อง​ คน​หนึ่ง​คือ​ตง​ซูอ๋อง​

ใน​ราชโองการ​ระบุ​ไว้​ว่า​ เมื่อ​อ๋อง​ทั้งสอง​คนรับ​ราชโองการ​แล้ว​ ก็​ให้​ออกเดินทาง​ใน​วันนี้​ทันที​ เพื่อ​เฝ้ารักษาการณ์​ชายแดน​ตะวันออก​กับ​ชายแดน​เหนือ​ให้​กับ​เทียน​ฉี

ดังนั้น​ สิ่งที่​ประชาชน​แคว้น​เทียน​ฉีรู้​นั้น​ ไม่ใช่การ​ที่​ตระกูล​ซูกับ​ตระกูล​หนิง​จากไป​ในเวลาเดียวกัน​ แต่​เป็นการ​ได้รับแต่งตั้ง​ให้​ออกจาก​เมืองหลวง​ไป​ยัง​ที่ดิน​ศักดินา​

ดังนั้น​เรื่อง​ก่อนหน้านี้​ล้วน​กลายเป็น​การสร้าง​ข่าวลือ​ ชีวิต​ผู้คน​มากมาย​ขนาด​นั้น​ล้วน​กลายเป็น​แค่​เรื่องตลก​เรื่อง​หนึ่ง​

เพิ่งจะ​ประกาศ​ราชโองการ​ลง​ไป​ ฮ่องเต้​ก็​รู้สึก​ว่า​ไม่เหมาะสม​ จึงกัดฟัน​ร่าง​ราชโองการ​ให้​กับ​ชายแดน​ตะวันตก​อีก​หนึ่ง​ฉบับ​

กล่าว​ไว้​ว่า​ : เป็น​เพราะ​สอง​ชน​เผ่า​เฮย​มู่รั่ว​สุ่ย​แห่ง​ชายแดน​ตะวันตก​เฝ้ารักษาการณ์​ชายแดน​มาโดยตลอด​ ถึงได้​มีเทียน​ฉีที่​เจริญรุ่งเรือง​เช่นนี้​ เมื่อ​พิจารณา​จาก​คุณงามความดี​แล้ว​ ก็​มอบ​รางวัล​โดย​การ​แต่งตั้ง​ชังมู่แห่ง​ชน​เผ่า​เฮย​มู่เป็น​ซีชังอ๋อง​ นับแต่นี้ไป​ให้​เฝ้ารักษาการณ์​ประจำ​ชายแดน​ตะ​วัก​ตก​เพื่อ​เทียน​ฉี

ในขณะเดียวกัน​ก็​แต่งตั้ง​อ๋อง​ต่าง​แซ่อีก​สามคน​ นี่​เป็นเรื่อง​แปลกประหลาด​ที่สุด​ใน​เทียน​ฉี

อ๋อง​ทั้ง​สามคน​นี้​ มีฐานะ​สูงศักดิ์​กว่า​เว่ย​ฟาน​อ๋อง​ และ​เจิ้น​หนาน​อ๋อง​มาก​

ภายใน​พื้นที่​การปกครอง​ อ๋อง​ก็​คือ​ผู้ปกครอง​ดินแดน​

นี่​เป็น​การถอย​สุดท้าย​ของ​ตระกูล​กู​ และ​เป็น​ท่าที​ที่​เขา​จำเป็นต้อง​แสดง​ออกมา​

ความจริง​จะกล่าว​ให้​ชัดเจน​ก็​คือ​ ตระกูล​ขุนนาง​เก่าแก่​สอง​ตระกูล​ออกจาก​เมืองหลวง​ไป​ยัง​ที่ดิน​ศักดินา​ เจ้าจะแต่งตั้ง​เป็น​อ๋อง​หรือไม่​นั้น​ ผู้อื่น​ก็​เป็น​อ๋อง​ใน​พื้นที่​แห่ง​นั้น​อยู่ดี​

เพียงแต่​เมื่อ​มีราชโองการ​ ก็​จะเหมาะสม​และ​มีเหตุผล​ ทั้งสอง​ตระกูล​รับ​น้ำใจ​อัน​ยิ่งใหญ่​นี้​แล้ว​ จะต้อง​ไม่มีทาง​มีใจคิด​กบฏ​อีก​แน่นอน​

ที่​สำคัญ​ยิ่งกว่านั้น​ก็​คือ​ ในที่สุด​เขา​ก็​สามารถ​กำ​จัดลำดับ​ศักดิ์​ของ​ขุนนาง​ตระกูล​เก่าแก่​ใน​ดินแดน​เทียน​ฉีทิ้ง​ไป​ได้​ โดย​อาศัย​ลำดับ​ศักดิ์​ของ​อ๋อง​

นับ​ตั้งแต่นี้ไป​ ราชสำนัก​เทียน​ฉีจะไม่มีตระกูล​ขุนนาง​เก่าแก่​อีก​

บทส่งท้าย​

คืน​วัน​สิ้นปี​ยัง​ไม่ผ่านพ้น​ ฮ่องเต้​ก็​สวรรคต​จาก​พระ​อา​การประชวร​

ชิงอ๋อง​ที่​เพิ่งจะ​พระ​ชนมายุ​สิบห้า​ชันษา​เต็ม​ขึ้น​ครองราชย์​ โดย​มีฮองเฮา​คือ​อวี้ฉือ​ซื่อ​

ได้ยิน​มาว่า​ ราชสำนัก​มีตระกูล​อวี้ฉือ​เป็น​ผู้มีอำนาจ​ตัดสินใจ​

วันที่​สิบห้า​เดือน​หนึ่ง​ ณ เป่ยต้าฮวง​ พระราชวัง​ต้าห​ลิง​

ใช่แล้ว​ อ่าน​ไม่ผิด​หรอก​ เป็น​พระราชวัง​ต้าห​ลิง​!

เสียง​ร้องไห้​งอแง​ ต้อนรับ​การ​มาถึงของ​ชีวิต​ใหม่​

“ท่าน​ผู้​ครอง​แคว้น​ พระ​อัครมเหสี​ให้กำเนิด​พระ​โอรส​องค์​หนึ่ง​เพคะ​”

ใช่แล้ว​ หนิง​เซ่าชิงไม่ใช่ท่าน​อ๋อง​ แต่​เป็น​

เป็น​ผู้ปกครอง​แคว้น​ต้าห​ลิง​

หลังจาก​กู​เย่อ​วี้​แต่งตั้ง​ให้​เป็น​อ๋อง​ หนิง​เซ่าชิงก็​หัวเราะ​ออกมา​

หนิง​เซ่าชิงแค่​มอง​ก็​รู้​ถึงความตั้งใจ​ของ​กู​เย่อ​วี้​ เขา​กับ​ซูจิ่นอวี้​คาดการณ์​ได้​แต่แรก​แล้ว​ว่า​ฮ่องเต้​จะใช้วิธีการ​นี้​

เขา​ล้วน​คิด​มาตลอด​ มองเห็น​พวกเขา​เป็น​คนโง่​ตลอด​

หากว่า​ละโมบ​รับ​การ​แต่งตั้ง​ตรงหน้า​นี้​จริงๆ​ ก็​เป็น​อ๋อง​ที่​เขา​แต่งตั้ง​ ใน​ภายภาคหน้า​จะต้อง​ฟังเขา​ พบ​เขา​ก็​ต้อง​กราบ​สามครั้ง​ คำนับ​เก้า​ครั้ง​

นับตั้งแต่​นี้​เป็นต้นไป​ เขา​เป็น​ขุนนาง​ ต้องการ​จะฆ่าจะแกง​ก็​ต้อง​ฟังเขา​

ยังมี​ เขา​แต่งตั้ง​ชน​เผ่า​เฮย​มู่แห่ง​ชายแดน​ตะวันตก​ ก็​เพื่อให้​ชน​เผ่า​เฮย​มู่แตกหัก​กับ​มั่ว​เชีย​นเสวี่ย​

[1] สละ​เรือ​เพื่อ​รักษา​ขุน​ เป็น​สำนวน​ที่​มาจาก​เกม​หมากรุก​ แปล​ว่า​ สละ​ส่วนน้อย​เพื่อ​รักษา​ส่วนใหญ่​

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท