บทที่ 601 หลี่จิ่วเต้า ‘ประเดี๋ยวจะกระแทกพื้นตายเอา!’
ณ ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ท่ามกลางอวกาศ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินท่องชมทิวทัศน์ไปเรื่อย ๆ สีหน้าชื่นมื่นสำราญ ราวกับกำลังเชยชมทัศนียภาพอยู่จริง ๆ
สีหน้าผู้เฒ่าอึมครึม โมโหจนอกแทบระเบิด คนจากภพเซียนสบประมาทแดนมรณาของพวกเขาเกินไปแล้ว
เดินทีหยุดทีเช่นนี้ คิดว่าเดินเล่นในสวนดอกไม้หลังบ้านตนจริง ๆ หรือไร!?
“???”
อีกด้าน จักรพรรดินีมีสีหน้าฉงน ไม่เข้าใจเลยว่าผู้เฒ่ากล่าวถึงเรื่องใด
มีคนหรือ
ผู้อยู่เบื้องหลังนางมาอย่างนั้นหรือ?
เรื่องอันใดกัน!
เบื้องหลังนางมีผู้ใดที่ไหน!?
ที่มาคราวนี้ นางมาตัวคนเดียว หาได้มีผู้อยู่เบื้องหลังไม่!
จักรพรรดินีมองตามสายตาผู้เฒ่าไปด้านหลัง เพียงเสี้ยวพริบตา หัวใจของนางก็ต้องตะลึงจนแทบหยุดเต้น!
‘สวรรค์! ท่านผู้นั้น!’
นางแผดเสียงในใจ นึกเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง นางจำเด็กหนุ่มผู้นั้นได้ในปราดเดียว เพราะสาเหตุเดียว นั่นคือ ความทรงจำของนางเกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้นี้แจ่มชัดจนลืมไม่ลง!
เขาฝ่าตรงเข้าไปในภพเซียนราวกับไร้ซึ่งอุปสรรค พลังสยดสยองที่ปกคลุมอยู่รอบนอกภพเซียนตื่นตระหนกจนถอยหนีกลับไปในเสี้ยวลมหายใจ มิกล้าแผ่พลังออกมาแม้แต่น้อย!
และที่นางรอดมาได้ก็เพราะเด็กหนุ่มผู้นี้ หากมิใช่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ผ่านมาพอดี นางไม่มีทางมีชีวิตอยู่!
‘ท่านผู้นี้มาได้อย่างไร หรือเขามาเพื่อช่วยข้า?’
นางคิดในใจอย่างอดมิได้
ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็บังเอิญเหมาะเจาะเกินไป!
คราวก่อนยามนางพบเจออันตราย ท่านผู้นี้ก็ปรากฏออกมา บัดนี้นางพบเจออันตรายอีกครั้ง ท่านผู้นี้ได้ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่จริงหรือ
‘คิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่!’’
แต่พริบตาต่อมาก็ก่นด่าตัวเองในใจ นางหลงตัวเองเกินไปแล้ว ท่านผู้นี้เป็นตัวตนระดับไหน เป็นไปได้ว่าอาจเป็นบรรพจารย์เซียนท่านหนึ่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิเซียน นางมีดีเช่นไร ถึงเป็นที่ใส่ใจของตัวตนระดับนี้!
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น!
นางหน้าแดงด้วยความอาย ช่างคิดมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะใคร่ครวญอย่างไร นางก็ไม่มีทางเป็นที่สนใจของท่านผู้นั้น ต่อให้ในฝันก็ไม่มีทาง
แตกต่างกันเกินไป แม้ในยามหลับฝัน นางก็ไม่มีทางฝันถึงการดำรงอยู่ระดับนี้ ตัวตนผู้มีพลังบางอย่างคอยคุ้มกัน แค่ฝันถึงยังทำไม่ได้
“พอได้แล้ว!”
ผู้เฒ่าพิโรธ เห็นหลี่จิ่วเต้าไพล่มือทั้งสองไว้ด้านหลัง ชมทิวทัศน์ด้วยสีหน้าผ่อนคลายรื่นรมย์ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป!
“มัวเสแสร้งกระไรอยู่! หวังว่าเจ้ามิได้เปราะบางเหมือนกระดาษ สลายเพียงเพราะฝ่ามือเดียวของข้า!”
นัยน์ตาของเขาเย็นยะเยือก แต่เดิมแดนมรณากับภพเซียนนั้นมิสู้จะถูกกันเท่าใด ซ้ำหลี่จิ่วเต้ายังเสแสร้งวางมาดในแดนมรณาเช่นนี้ โทสะซึ่งอัดอั้นอยู่เต็มอกของเขาลุกโชติ
ใช่แล้ว ผู้ที่ก้าวเดินอยู่ในอวกาศ เชยชมทัศนียภาพไปเรื่อยเปื่อยนี้ก็คือหลี่จิ่วเต้า
ช่วงนี้เขามาท่องชมทัศนียภาพในอวกาศอยู่ตลอด และบัดนี้ เขาได้เดินทางมาถึงที่นี่
“หา?”
หลังได้ยินวาจาผู้เฒ่า จักรพรรดินีก็อึ้งไปในบัดดล
นางหันมองผู้เฒ่าด้วยสายตาประหลาด เอ่ยเสียงอึมครึม “อย่าได้พูดพล่อย ๆ…”
หวังว่ามิได้เปราะบางราวกระดาษอย่างนั้นหรือ คงสลายเพียงเพราะฝ่ามือเดียวอย่างนั้นหรือ!
ตาเฒ่าผู้นี้ช่างปากกล้าเสียนี่กระไร!
คิดอันใดอยู่ ด้วยฝีมือของท่านผู้นั้น จ้าวมรณามาเยือนเองยังต้องพ่าย ไม่สิ จ้าวมรณานับสิบ นับร้อยมาเยือนก็มิพอให้สู้ด้วย!
พลังซึ่งปกคลุมอยู่รอบนอกภพเซียนนั้นน่ากลัวปานใด กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังมิกล้าผลีผลามบุกเข้าไป แต่หลังจากได้พบท่านผู้นั้นเล่า ต่างหวาดกลัวเหมือนพวกปอดแหก!
ท่านผู้นั้นเกินจะจินตนาการถึงอย่างแท้จริง!
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?”
ผู้เฒ่าตวัดสายตามองจักรพรรดินี หมายความว่าอย่างไรที่ว่าอย่าได้พูดพล่อย ๆ นี่ถือเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามเขาโดยไม่ปิดบัง!
“เบิกตาของเจ้าให้กว้างแล้วดูให้ดี ข้าจะไปฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ เดี๋ยวนี้!”
ผู้เฒ่ากระโจนตัวขึ้น ออกห่างจากที่นี่ เหินไปหาหลี่จิ่วเต้า
เขาเป็นถึงยอดเซียนชั้นเลิศ ซ้ำที่นี่ยังเป็นฐานทัพแดนมรณาของพวกเขา เขาหรือต้องกลัว?
เป็นไปได้ที่ไหน!
เหนือจักรวาลอันไพศาลขึ้นไป หลี่จิ่วเต้าเยื้องย่างแช่มช้า ชื่นชมทิวทัศน์หมู่ดาราในระบบดวงดาวแห่งนี้
ที่นี่ต่างจากระบบดวงดาวอื่น เต็มไปด้วยพายุทะมึน นับเป็นทัศนียภาพอีกแบบกระมัง ถือเป็นทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนทิวทัศน์ก่อนหน้าที่หลี่จิ่วเต้าได้เห็น หลี่จิ่วเต้าได้เห็นทัศนียภาพเช่นนี้เป็นคราแรก สนอกสนใจไม่น้อย
‘มิน่า ชาวดาวเคราะห์สีฟ้าถึงชอบการสำรวจอวกาศ ทั้งยังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับจักรวาลมากมาย เพราะทิวทัศน์ในจักรวาลน่าหลงใหลมากจริง ๆ นั่นแหละ!’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ
เมื่ออยู่เบื้องหน้าทัศนียภาพของเอกภพ ภูเขาลำธารเหล่านั้นไม่เหลือความน่าเปรียบเทียบสักนิด ห่างชั้นกันมาก ไม่อาจทัดเทียมได้เลย
ตู้ม!
เวลานั้นเอง ผู้เฒ่าบุกสังหารเข้ามา เขามิได้เอ่ยวาจาให้มากความ ฟาดฝ่ามือใส่หลี่จิ่วเต้าทันที
“เกิดอะไรขึ้น!”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อหันมาพบผู้เฒ่า เหตุใดคนผู้นี้ถึงเหี้ยมโหดเช่นนี้ มาถึงก็ปรี่เข้ามาฆ่าเขาในทันที
เขาโบกมือไปมา ทันใดนั้น พลังทั้งหมดของผู้เฒ่าพลันอันตรธาน ร่างกายร่วงหล่นลงไปอย่างแรง!
ผู้เฒ่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุไฉนถึงน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!
เพียงโบกมือแค่นั้นก็สามารถลบล้างพลังทั้งหมดของเขาได้!
ไม่เพียงแต่พลังอาคมเท่านั้น กระทั่งพลังเนื้อกายของเขายังถูกลบล้างไปด้วย เขากลายเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่ง!
“คงมิใช่ว่าข้าต้องตกกระแทกพื้นตายกระมัง!?”
เขาคิดอย่างอดมิได้ น้ำตาไหลนองบนใบหน้าชรา ร่ำไห้ด้วยความปวดร้าวเหลือแสน!
ความสูงระดับนี้ ด้วยสภาพของเขาในยามนี้ ต้องกระแทกพื้นจนร่างกายแหลกเหลว ตายสนิทแน่!
“ไม่นะ!”
เขาตะโกนร่ำไห้ ถ้าต้องกระแทกพื้นตายเช่นนี้จริง ๆ เขาต้องอับอายอัปยศสักปานใด!
ยอดเซียนชั้นเลิศท่านหนึ่ง สุดท้ายกลับต้องพบจุดจบเพราะกระแทกพื้นตาย…
มียอดเซียนตนใดน่าสังเวชเช่นนี้บ้าง!
หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เขาต้องกลายเป็นตัวตลกในปากผู้อื่นแน่นอน!
ทว่าในตอนนั้นเอง พลังสายหนึ่งรั้งตัวเขาไว้ฉับพลัน ยกร่างเขาขึ้น
“ขออภัย มิได้ยั้งมือ เกือบทำให้ท่านต้องกระแทกพื้นตายเสียแล้ว”
หลี่จิ่วเต้ารีบบอก
เขานึกขึ้นได้กะทันหันเหมือนกันว่า ผู้เฒ่าถูกเขาลบล้างพลังทั้งหมด ขืนกระแทกลงไป ไม่มีทางรอด เขารีบลงมือรั้งร่างผู้เฒ่าขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้เฒ่าหวาดผวาอย่างยิ่งยวด มิกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ให้ตาย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ เขาเป็นเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่ง คนผู้นี้จะจัดแจงหยอกเย้าเขาอย่างไรก็ได้!
“หือ เหตุใดถึงไม่เอ่ยวาจา ตกใจกับประสบการณ์เมื่อครู่หรือ”
หลี่จิ่วเต้ามองจ้องผู้เฒ่า “แต่ท่านโทษข้ามิได้ ผู้ใดใช้ให้ท่านปรี่เข้ามาฆ่าข้ากันเล่า!”
เขาหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “คนเราไม่ควรโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ และยิ่งไม่ควรมีจิตสังหารรุนแรงเช่นนี้ โดยเฉพาะตัวท่านที่อายุปูนนี้แล้ว เหตุไฉนถึงยังไม่ปลงตกอีก! เอาล่ะ ๆ ข้าจะคืนพลังให้ท่าน จากนี้ไป ห้ามมิให้ประพฤติตนเช่นนี้อีก”
จากนั้น เขาโบกมือสองสามครั้ง พลังที่หายไปจากผู้เฒ่าพลันกลับคืนมาในพริบตา
นี่เขา…หมายความว่าอย่างไร!?
ผู้เฒ่ามึนงงไปหมด ไม่เข้าใจวาจาของหลี่จิ่วเต้าสักนิด นี่เขากำลังเตือนตนมิให้หมายหัวสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นหรือ
หรือหลี่จิ่วเต้าและจักรพรรดินีมาเพื่อสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองในอาณาจักรนั้นจริง ๆ!?
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เวลานั้นเอง เสียงระเบิดกึกก้องอันน่ากลัวดังออกมาจากส่วนลึกของแดนมรณา เงาร่างมากมายทะยานขึ้นนภา มาจุติยังสถานที่นี้!
จ้าวมรณามาแล้ว!
เขาจ้องมองหลี่จิ่วเต้า หงุดหงิดใจอย่างยิ่งยวด ภพเซียนตั้งใจเล่นงานพวกเขาให้ล่มสลายไปเลยเชียวหรือ
ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา แดนมรณาของพวกเขาซ่อนตัวอยู่ตลอด มิเคยออกหน้า แม้กระทั่งยามเปิดศึกรุกรานอาณาจักรแห่งนั้น ก็เพียงแต่สั่งให้อาณาจักรเทียนหยวนเป็นฝ่ายลงมือ พวกเขามิเคยออกโรงสักครา
หนนี้เพราะแดนบรรพโกลาหลจุติ เหลือเวลาให้พวกเขาไม่มาก พวกเขาถึงตัดสินใจออกหน้า ทว่าเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงคือ พวกเขาเพิ่งเผยตัวเท่านั้น คนจากภพเซียนก็บุกถล่มมาทันที!
เห็นได้ชัดว่าภพเซียนไม่เคยลืมเลือนพวกเขา เตรียมจัดการพวกเขาอยู่ตลอด!
มิฉะนั้น ไยจึงว่องไวได้ปานนี้!?
พวกเขาเคยถูกภพเซียนละทิ้ง ซ้ำยังถูกภพเซียนไล่ฆ่าอย่างอเนจอนาถ บัดนี้ เวลาผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภพเซียนกลับยังเพ่งเล็งพวกเขาอยู่ สร้างความพิโรธแก่จ้าวมรณาอย่างมาก!
“ภพเซียนของพวกเจ้าคิดจะกำจัดเราให้สิ้นซาก ทว่าแดนมรณาของเราก็มิได้ไร้น้ำยา วันนี้ พวกเราไม่มีทางยอมจำนน ขอรบราฆ่าฟันกับพวกเจ้าให้ถึงที่สุด!”
จ้าวมรณาทอดมองหลี่จิ่วเต้า ดวงตาแดงก่ำ เอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่อย่างไรที่นี่ก็เป็นถิ่นของพวกเราแดนมรณา เจ้าเพียงคนเดียวคิดจะล้มล้างแดนมรณาของเรา นับเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!”
เขาเอ่ยต่อ “วันนี้ขอปลิดชีพเจ้าลงที่นี่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ให้ภพเซียนได้ประจักษ์ถึงความกล้าแกร่งของเรา!”
เป็นดั่งที่เขาว่า ที่นี่คือถิ่นของพวกเขาแดนมรณา เขามั่นใจว่าสามารถฆ่าหลี่จิ่วเต้าลงได้!
และวันนี้ คือช่วงเวลาให้พวกเขาได้หันเขี้ยวคมใส่ภพเซียนแล้ว!