หลินเยวียนรู้สึกว้าวุ่นอยู่ในใจ
สองวันหลังจากนั้น เขาไม่ได้เขียนนิทานเรื่องนี้มากนัก แต่เขาอ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับราชาหน้ากากนักร้อง เรื่องนี้ส่งผลต่อความกังวลของเขาโดยตรง และยังเป็นครั้งแรกที่เขาให้ความสำคัญกับข่าวบันเทิงเช่นนี้
‘รายการนี้สุดยอดมาก!’
‘ถึงยังไงก็เป็นทีมโพรดักชันของรายการสะพรั่ง คุณภาพรับประกันได้ เงินลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ต้องมีราชาราชินีเพลงมาเข้าร่วมอย่างแน่นอน ลำพังแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว!’
‘ต้องตบรางวัลให้ทีมวางแผนรายการ!’
‘สี่ทวีปฉินฉีฉู่เยี่ยนผนวกรวม มีเพลงดีๆ เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ถือเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับนักร้องที่ยืนหยัดอยู่บนเวทีนี้ได้จนจบรายการ!’
‘ราชาราชินีเพลงต้องได้แชมป์อย่างแน่นอน’
‘ฉันว่าไม่แน่ นักร้องแถวหน้าก็มีหวังเหมือนกัน พวกคุณลืมเจียงขุยในมหาสงครามเทพเซียนเมื่อปีที่แล้วไปแล้วเหรอ เธอคือนักร้องแถวหน้าที่ก้าวข้ามราชาราชินีเพลงได้ ในวงการประเมินความสามารถในการร้องเพลงของเธอว่าอยู่ในระดับเดียวกับราชาราชินีเพลง สิ่งที่เธอยังขาดมีเพียงชื่อเสียงและสถิติ!’
‘…’
ตามกฎของราชาหน้ากากนักร้อง จะต้องสวมหน้ากากในการร้องเพลง หลังจากสวมหน้ากากแล้วใครจะรู้ว่าคุณเป็นนักร้องแถวหน้าหรือราชาและราชินีเพลง ยกเว้นนักร้องที่มีเอกลักษณ์สูงมาก เสียงนักร้องส่วนใหญ่ซึ่งสวมหน้ากาก จะทำให้ผู้ฟังสับสน!
ยิ่งไปกว่านั้น…
ความสามารถโดยรวมของนักร้องบลูสตาร์แข็งแกร่งมาก ถ้าหากไม่ใช่ผู้ที่เสียงร้องมีเอกลักษณ์จนเสียเรื่อง นักร้องคนอื่นกว่าร้อยละแปดสิบมีความสามารถในการปกปิดเสียงของตนได้ ประชากรในสี่ทวีปมีมากมายถึงเพียงนี้ นักร้องเก่งๆ มีนับไม่ถ้วน!
พวกคุณจะเดาไปถึงไหน
เรื่องนี้แค่คิดก็น่าสนใจมากแล้ว!
ความจริงแล้วไม่เพียงหลินเยวียนที่สนใจรายการนี้ ทั้งวงการเพลงของฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยนล้วนติดตาม นอกจากนั้นคนในวงการยังสามารถยืนยันได้ว่า นักร้องหลายคนสนอกสนใจรายการนี้!
ง่ายมาก!
เรตติงรายการ!
รายการนี้ยังไม่ทันออกอากาศก็โด่งดังเสียแล้ว เพียงแค่เปิดเผยแนวคิดและกฎเกณฑ์ของรายการ ก็ทำให้ชาวเน็ตมากมายเข้ามามุง สุดท้ายเรตติงของรายการก็งดงามทีเดียว ใครบ้างที่ไม่อยากอวดต่อหน้าผู้ชมทั่วทุกมุมโลก
‘นอกจากนั้น’
‘ตามคำบอกเล่าของทีมงานรายการ คณะกรรมการตัดสินมีการเปลี่ยนแปลง โดยพื้นฐานแล้วรับประกันได้ว่าแต่ละตอนจะมีบุคคลระดับพ่อเพลงประจำการ ขณะที่ยังใส่หน้ากาก นักร้องจะได้รับคำวิจารณ์เรื่องการร้องจากพ่อเพลง ’
‘จุ๊ๆ’
‘ได้อารมณ์อยู่นะ’
‘บนเวทีอาจเป็นราชาราชินีเพลง ด้านล่างมีพ่อเพลง ส่วนกรรมการคนอื่นๆ รอให้ผู้ชมคาดเดา ตั้งแต่ความเป็นมืออาชีพสู่ความสนุกให้คะแนนเต็ม ถ้ารายการไม่ดังจะงงมาก!’
‘และอย่าลืมนะว่า!’
‘รายการนี้ไม่ได้มาจากแค่น้ำพักน้ำแรงทีมโพรดักชันรายการสะพรั่ง ยังมีสมาคมวรรณศิลป์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงด้วย ถ้าทำผลงานได้ดีในรายการนี้ ยังสามารถเก็บโปรไฟล์ไว้กับทางสมาคมวรรณศิลป์ด้วย’
‘…’
รายการที่โด่งดังตั้งแต่ก่อนออกอากาศไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่มีรายการไหนที่ยังไม่ทันได้ออกอากาศก็เป็นกระแสได้ระดับนี้ ราชาหน้ากากนักร้องเป็นรายการแรก ทันทีที่มีข่าวที่เกี่ยวข้องออกไป ผู้ชมทั้งสี่มณฑลต่างก็ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ!
……
เป็นเพราะขบคิดปัญหานี้อยู่ตลอด เมื่ออยู่ที่บ้านหลินเยวียนจึงมีท่าทางกังวล พลอยให้คนในครอบครัวแปลกใจ หลินเหยาน้องสาวถึงขั้นหยิบขนมเปี๊ยะไข่แดงป้อนให้ถึงปากหลินเยวียน
“วันนี้ไม่อยากกิน”
น้องสาวเอ่ยอย่างปวดใจ “กินเถอะน่า”
หลินเยวียนรีบกินขนมเปี๊ยะไข่แดงเข้าปากเต็มคำ ก่อนจะลูบศีรษะของน้องสาวอย่างอ่อนโยน พลางเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ “พี่ตัดสินใจว่าเย็นนี้จะเหลือผักให้เธอทั้งหมด เพื่อเป็นการตอบแทน”
“ฝันไปเถอะ”
หลินเหยากลอกตาเดินออกไป
หลินเซวียนอยู่บนโซฟา เปิดโทรทัศน์ ทันใดนั้นก็มีเสียงข่าวดังมา “ราชาหน้ากากนักร้อง รายการเพลงรูปแบบใหม่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่มีข่าวออกมา พ่อเพลงหลายท่านรวมไปถึงอาจารย์หยางจงหมิงต่างประกาศต่อสาธารณะว่าพวกเขาจะปรากฏตัวในรายการในฐานะกรรมการ พวกเขายินดีสนับสนุนการพัฒนาของวงการเพลงบลูสตาร์…”
“รายการนี้ต้องดีแน่ๆ”
หลินเซวียนแสดงความคิดเห็นอย่างมีความสุข “ดูท่าจะมีรายการใหม่ให้ตามแล้ว รายการสะพรั่งยังน่าตื่นเต้นสู้รายการนี้ไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีนักร้องที่ฉันชอบมาเข้าร่วมหรือเปล่า”
ว่าพลาง
จู่ๆ หลินเซวียนก็หันมามองหลินเยวียน “พ่อเพลงตัวน้อยเซี่ยนอวี๋ไม่ได้รับเชิญเหรอ ถ้านายเข้าร่วมราชาหน้ากากนักร้อง พี่ต้องตามรายการอย่างมีความสุขแน่ๆ ยังไม่เคยเห็นน้องชายตัวเองในทีวีเลย!”
“กำลังคิดอยู่”
หลินเยวียนตอบพึมพำ
หลินเซวียนพยักหน้า เอ่ยถามอีก “หนังสือเรื่องใหม่ของอาจารย์ฉู่ขวงวางแผนจะปล่อยเมื่อไหร่ พี่จะได้เว้นหน้าไว้ล่วงหน้า แต่พี่เตือนนายไว้ก่อน ไม่ต้องไปเร่งอาจารย์ฉู่ขวงเขานะ”
“กำลังเขียนอยู่”
อันที่จริงตั้งแต่เริ่มรู้จักรายการราชาหน้ากากนักร้อง หลินเยวียนก็ไม่ได้ลงมือเขียนหนังสืออีก ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยถามพี่สาว “เมื่อก่อนผมไม่กลัวกล้อง ชอบถ่ายรูปกับพี่ด้วยซ้ำใช่ไหม?”
หลินเซวียนแปลกใจ “กลัวกล้อง?”
หลินเยวียนพยักหน้า “ทุกวันนี้เมื่อไหร่ที่มีกล้องเล็งมา ผมจะรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา จิตใต้สำนึกบอกว่าให้หลบออกไป”
“เป็นไปได้ยังไง”
ใบหน้าของหลินเซวียนเต็มไปด้วยความกังวลขึ้นมาทันที “ก่อนหน้านี้นายก็ถ่ายได้ปกตินี่ แถมความฝันตอนเด็กของนายคือการเป็นนักร้อง ชอบความรู้สึกที่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ เป็นเพราะเสียงนายหรือเปล่า”
หลินเยวียนเงียบ
หลินเซวียนไม่สนใจข่าวอีกต่อไป ลุกขึ้นเดินไปมา “มิน่าล่ะ ครั้งก่อนเหยาเหยาถ่ายตอนถอนฟัน ท่าทางนายอึดอัดมาก พี่คิดว่านายอายตอนถอนฝันซะอีก ที่แท้ก็เพราะกล้องทำให้นายรู้สึกอึดอัด”
“ครั้งนั้นยังนับว่าโอเค”
เหยาเหยาถ่ายวิดีโอตนยังพอรับได้
หลินเซวียนกัดริมฝีปาก “ต้องเป็นปัญหาด้านจิตใจแน่ๆ เดี๋ยวพี่ช่วยหาจิตแพทย์ให้นาย ไม่ต้องรู้สึกหนักใจนะ ถึงยังไงตอนเด็กนายก็ไม่เคยมีปัญหานี้ น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีบางอย่างมากระตุ้น”
“จิตแพทย์เหรอ?”
หลินเยวียนเอ่ย “เดี๋ยวผมไปหาเอง”
หลินเซวียนถอนหายใจ ยังคงรู้สึกกังวล “คนที่นายรู้จักคงต้องหาเก่งกว่าพี่อยู่แล้ว งั้นช่วงนี้อย่าลืมรีบไปหาจิตแพทย์เร็วๆ แล้วกัน ไม่งั้นหลังจากนี้อาจมีปัญหาได้”
“อื้ม”
หลินเยวียนพยักหน้า พูดปลอบพี่สาว “ไม่ได้มีปัญหาอื่น แค่รู้สึกอึดอัดตอนที่อยู่หน้ากล้อง ถ้าไม่มีกล้องผมจะไม่รู้สึกแบบนี้ พี่หยิบโทรศัพท์มาลองถ่ายผมหน่อยสิ”
“ถ่ายนาย?”
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาหยิบหมวกที่หลินเหยาวางไว้บนโซฟาขึ้นมา ก่อนจะหยิบหน้ากากอนามัยชิ้นหนาขึ้นมาปิดหน้า จากนั้นจึงให้พี่สาวใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายตน ปรากฏว่าเขาไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่นิดเดียว สามารถรับมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ปิดหน้าไม่มีปัญหา!
………………………………………………..