อย่างไรหลี่ป้าอ๋องก็ยังเด็ก เขาจะรู้วิธีรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงร้องไห้ออกมาเสียงดังตามปกติของเขา เขาต้องการช่วยองค์ชายใหญ่ และน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้อยากทำร้ายไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขอรับ เขาควรจะหลบมันได้ด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่ข้าจะรู้ตัว มันก็โดนศีรษะของเขาแตกแล้ว! ท่านพ่อ! ฮือๆๆ! ท่านไม่เห็นสีหน้าราวกับฆาตกรของเขาหรือขอรับ เขาตั้งใจจะฆ่าข้า! ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ข้านะขอรับ!”
เขาร้องไห้เช่นนี้เพราะทุกครั้งที่เขาทำ เขาจะได้ในทุกสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอ
ดังนั้นหลี่ป้าอ๋องจึงไม่กระดากใจกับการร้องไห้คร่ำครวญแต่อย่างใด
แต่เสียงร้องไห้ของเขากลับไม่สามารถบรรเทาสถานการณ์ในเวลานี้ได้ มันกลับทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
องค์ชายใหญ่ส่งสัญญาณให้กับแม่ทัพหลี่อย่างสิ้นหวัง เขาพยายามบอกให้อีกฝ่ายสั่งให้หลี่อวี้เงียบ
สีหน้าของแม่ทัพหลี่เปลี่ยนไปทันที สีสันบนใบหน้าของเขาราวกับถูกดูดหายไป เขารีบใช้มือปิดปากบุตรชายทันที
หลี่ป้าอ๋องไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมท่านพ่อของเขาถึงได้มีปฏิกิริยาเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงพยายามดิ้นให้หลุดจากผู้เป็นบิดา
ฮ่องเต้ยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนมาก “ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรือ โอ้ หลี่อวี้ตัวน้อย เจ้าควรเรียกเขาชื่อเขาตรงๆ ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรือ”
แม่ทัพหลี่ตัวสั่นทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เขากระชากร่างของบุตรชายให้คุกเข่าลงพร้อมกัน “ฝ่าบาท บุตรชายของกระหม่อมยังเด็กและไม่รู้ความพ่ะย่ะค่ะ เขาไม่รู้กฎของวังหลวง ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้ไม่ได้สั่งให้แม่ทัพหลี่ลุกขึ้นทันที แต่เขากลับหันไปมองทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแทน “เจ้าสาม เจ้าเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าต้องการจัดการกับเรื่องนี้เช่นใด”
“ประหาร” คำพูดสองคำนั้นสมกับเป็นเขายิ่งนัก
แน่นอนว่าฮ่องเต้ย่อมไม่ได้ทำตามการตัดสินใจของเขา เขาเพียงทดสอบดูว่าเหตุการณ์นี้จริงแท้แน่นอนเพียงใด และยิ่งไป๋หลี่เจียเจวี๋ยต้องการสังหารคนพวกนี้มากเท่าใด ก็ย่อมหมายความว่าเขาพูดจริงมากเท่านั้น
“เจ้ายังเป็นเช่นเดิมไม่เปลี่ยน โหดเหี้ยมเกินไป” ฮ่องเต้เอ่ยเบาๆ แต่เขาก็ได้ประโยชน์จากท่าทางเช่นนั้นขององค์ชายสาม หากไม่ใช่เพราะจุดอ่อนนั้นในอุปนิสัยขององค์ชายสามแล้วละก็ เขาคงเป็นภัยต่อฮ่องเต้อย่างแน่นอน
องค์ชายผู้โหดเหี้ยมย่อมไปได้ไม่ไกลนักแม้ว่าเขาจะมีความสามารถเพียงใด ดังนั้นฮ่องเต้จึงไม่เป็นกังวลเรื่องบุตรชายผู้นี้แม้แต่นิดเดียว
แต่บุตรชายอีกคนหนึ่งของเขาต่างหากที่สมควรได้รับบทเรียน!
ฮ่องเต้เคลื่อนสายตาขึ้นมององค์ชายใหญ่ “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าเห็นว่าอย่างไร”
องค์ชายใหญ่รู้สึกตื่นตระหนก เขากลัวว่าฮ่องเต้จะตัดสินใจอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตระกูลหลี่ ดังนั้นเขาจึงรีบร้องขอชีวิตให้กับพวกเขาทันที “เรื่องนี้เป็นความผิดของหลี่อวี้ก็จริง แต่แม่ทัพหลี่ก็รับใช้พวกเรามาหลายปี หลี่อวี้เป็นบุตรชายคนเดียวของเขา ดังนั้นการที่เขาตามใจบุตรชายจึงนับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้พ่ะย่ะค่ะ แต่การเลี้ยงดูของเขาก็ทำให้เขากลายเป็นเด็กไม่รู้จักโต จนทำให้เขาทำร้ายองค์ชายสามด้วยความสิ้นหวัง การทะเลาะวิวาทย่อมเกิดขึ้นเพราะคนสองคน ข้าบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ในเมื่อหลี่อวี้ทำร้ายคน เขาก็ต้องได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ กักบริเวณเขาครึ่งเดือน ให้เขาได้สำนึกในความผิดที่เขากระทำลงไป การทำเช่นนี้น่าจะช่วยให้เขาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้าง!”
องค์ชายใหญ่คิดว่าคำพูดของเขาจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการตัดสินใจของฮ่องเต้ได้ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคำขอร้องของเขาจะทำให้ฮ่องเต้ตัดสินใจสังหารพวกเขา
ฮ่องเต้แทบจะมั่นใจแล้วว่าคนที่ตระกูลหลี่รับใช้นั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นองค์ชายใหญ่ต่างหาก
แม่ทัพผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือตั้งพรรคพวกเพื่อประโยชน์ส่วนตน ฮ่องเต้ขี้ระแวงจะเก็บแม่ทัพเช่นเขาไว้ทำไม
แต่เขาก็ยังเป็นห่วงอยู่เรื่องหนึ่ง อย่างไรเสียตระกูลหลี่ก็เป็นตระกูลขุนนาง
ฮ่องเต้หลับตาลงพร้อมกับหมุนแหวนที่นิ้วหัวแม่มืออย่างลังเล…
“องค์ชาย ศีรษะของท่าน…” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระซิบเสียงเบา “ศีรษะของท่านกระแทกกับอิฐ แต่โชคยังดีที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นวังหลวงคงได้เสียองค์ชายไปพระองค์หนึ่งอย่างไม่มีเหตุผลแน่ ใครจะรู้เล่าว่ารายต่อไปจะเป็นใคร…”
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ยังคงลังเลอยู่ แต่คำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความลังเลของเขาพังทลายลง
ฮ่องเต้รู้ว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในวันนี้ ในอดีตนั้นเขาไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงเรื่องระหว่างองค์ชาย อีกทั้งการปล่อยให้พวกเขาสู้กันเองก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ยิ่งกว่านั้นคนที่ถูกรังแกก็ยังเป็นองค์ชายสาม บุตรชายที่เขาโปรดปรานน้อยที่สุด
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
ฟังจากคำพูดของเขา เห็นได้ชัดว่าหลี่อวี้ไม่ได้เคารพฮ่องเต้แต่อย่างใด
เขาเป็นเพียงแค่บุตรชายจากตระกูลขุนนาง เขากล้าพูดจาชั่วร้ายเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังคิดฆาตกรรมองค์ชายอีกด้วย
ชายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้จะต้องหมายตาบัลลังก์ฮ่องเต้และกำลังวางแผนที่จะขึ้นมาแทนที่เขา!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฮ่องเต้ก็หรี่ตาลงแล้วกล่าวว่า “คนผู้นั้นทำร้ายองค์ชายแต่กลับยังทำเหมือนตัวเองถูกใส่ร้าย อีกอย่างข้าไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่นี่มีแม่ทัพที่มีอำนาจเหนือข้าอยู่ด้วย! ทหาร พาพ่อลูกตระกูลหลี่ออกไป นำตัวทุกคนที่ทำงานอยู่ภายใต้ตระกูลหลี่ไปที่กรมขุนนางภายใน เก็บพวกเขาไว้ถ้าพวกเขายังซื่อสัตย์ต่อข้า แต่ถ้าพวกเขาไร้ความเคารพต่อข้าเฉกเช่นเดียวกันกับหลี่อวี้ ก็จงตัดหัวพวกเขาซะ!”
นั่นคือธรรมชาติที่แท้จริงของฮ่องเต้ เขายอมสังหารคนนับพันโดยไม่ได้ตั้งใจดีกว่าปล่อยให้มีหนึ่งคนบังเอิญรอดชีวิตไป
ในเมื่อเขาต้องการกวาดล้างคนพวกนี้ เขาก็ควรที่จะขุดรากถอนโคนพวกมันให้หมดเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต!
แม่ทัพหลี่นึกไม่ถึงว่าการทะเลาะวิวาทกันระหว่างเด็กสองคนจะทำให้เขาพบกับจุดจบเช่นนี้ ใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะหมดเรี่ยวแรงทรุดลงกับพื้นในทันที
แม่ทัพหลี่สู้ศึกสงครามมาหลายปีแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้ลิ้มรสชาติของความพ่ายแพ้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา
เขามักจะตามใจบุตรชายมาโดยตลอด เขาแสร้งทำเป็นปิดตาไว้ข้างหนึ่งทุกครั้งที่บุตรชายต้องการรังแกใคร
เขารู้เรื่องแผนการขององค์ชายใหญ่ มันควรจะเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ
แต่บทสรุปของมันกลับกลายเป็นความสูญเสียของตระกูลหลี่
มันผิดพลาดตรงไหนกัน
เป็นเพราะนางกำนัลคนนั้นปากสว่าง หรือเป็นเพราะองค์ชายสามที่ไม่มีใครสนใจกันแน่
หลี่อวี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นบิดา แต่เขาก็ดิ้นจนหลุดและรีบฉวยโอกาสเอ่ยค้านขึ้นว่า “ฝ่าบาท ทำไมท่านถึงจับกุมพวกเราล่ะพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อของกระหม่อมเป็นถึงท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิจ้านหลงเชียวนะ เขาเป็นแม่ทัพที่ต่อสู้เพื่อท่านนะพ่ะย่ะค่ะ! ท่านไม่ควรจับพวกเรา!”
“ตบปาก” ประโยคนั้นดังมาจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ใบหน้าของเขายังคงสูงส่งและสง่างามเหมือนปกติ
องครักษ์ที่จับหลี่อวี้อยู่ตบเขาทันที!
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือฟาดลงบนแก้มของหลี่อวี้
ใบหน้าของหลี่อวี้บวมเป่งไปทั้งหน้า เขากระทืบเท้าเล็กๆ ของตัวเองด้วยความโกรธ “กล้าดีอย่างไรถึงสั่งให้พวกเขาตบข้า!”
โดยปกติแล้วคนที่รังแกคนอื่นคือเขา เขาไม่เคยต้องเจ็บตัวมาก่อน ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปตะโกนใส่องค์ชายใหญ่ว่า “ญาติผู้พี่เฟิง ฆ่าเขา ช่วยข้าฆ่าเขาซะ!”
เด็กมักจะพูดทุกสิ่งออกมาเมื่อโมโห
ฮ่องเต้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเตะหลี่อวี้จนทรุดลงกับพื้นทันที!
ลูกเตะนั้นรุนแรงอย่างมาก หลี่อวี้ปลิวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะร่วงลงบนพื้น จมูกของเขามีเลือดกำเดาไหลออกมาจนเปรอะไปทั่วบริเวณ
สีหน้าของฮ่องเต้เปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม “เจ้ากล้าพูดว่าจะฆ่าคนต่อหน้าข้าเชียวหรือ ตระกูลหลี่ช่างโอหังเสียจริง ลากตัวพวกเขาออกไป!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าองครักษ์ต่างตกตะลึง แต่เด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับกระตุกริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย
นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น