“เรื่องอะไร” เด็กชายตัวน้อยผละมือออกจากเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างช้าๆ
เงาทมิฬหน้าซีดไปทั้งหน้า เขาดูอับจนวาจา และทำได้เพียงพูดต่อหลังจากชำเลืองมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวย “ฮองเฮามีรับสั่งว่าหลังจากการกักบริเวณองค์ชายใหญ่สิ้นสุดลง พี่เวยจะต้องไปรับใช้เขาที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”
ตุ้บ!
เด็กชายทำของที่อยู่ในมือร่วงลงกับพื้น เขาหันหน้ากลับไป ดวงตาของเขาแดงก่ำ “เจ้าว่าอะไรนะ”
“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่คิดว่าฮองเฮาจะหมายความตามนั้น…” เงาทมิฬพยายามอธิบาย
แต่เด็กชายตัวน้อยกลับเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นงดงามแต่ก็ดูคุกคามในเวลาเดียวกัน เขาขู่ฟ่อเหมือนกับอสรพิษที่โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหันหลังจากซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า “ไปบอกเสด็จแม่ว่าเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่นางจะไม่อยากให้เสด็จพ่อไปหานางอีก!”
“พ่ะย่ะค่ะ” เงาทมิฬไม่เคยเห็นองค์ชายเป็นเช่นนี้มาก่อน ร่างที่มีผ้าพันแผลปิดบังดวงตาข้างหนึ่งเอาไว้ ส่วนตาอีกข้างหนึ่งแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดนั้นดูเย็นชาชั่วร้ายสุดขั้ว เขาดูเหมือนกับปีศาจที่มาจากขุมนรกไม่มีผิด
หน้าอกของเด็กชายกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงขณะที่เขากล่าวว่า “ไปเรียกอวิ๋นปี้ลั่วเข้ามา”
“ฝ่าบาท…” เงาทมิฬหวาดกลัวต่อภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างมาก ใบหน้า… ของนายท่าน...
เด็กชายตัวน้อยดูเหมือนจะรู้สึกตัว น้ำเสียงของเขาค่อยๆ สงบลง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ไปเรียกนางมา”
เงาทมิฬถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาคงคิดไปเองกระมัง บนใบหน้าของฝ่าบาทจะมีเลือดอยู่ได้อย่างไร
เด็กชายตัวน้อยยืนหันหลังให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย ดังนั้นนางจึงไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่นางก็รู้ว่าเรื่องนี้ซับซ้อนเพียงใดจากสีหน้าของเงาทมิฬ นางเดินเข้าไปแล้วคุกเข่าลง ก่อนจะกอดเด็กชายตัวน้อยจากทางด้านหลังแล้วพึมพำว่า “อารมณ์ร้อนเช่นนี้ไม่สมเป็นเจ้าเลย”
“ไม่มีใครเอาของๆ ข้าไปจากข้าได้ โดยเฉพาะ…” เด็กชายตัวน้อยสูดหายใจเข้าลึกๆ
เขาดูเยือกเย็นลงราวกับพยายามสงบสติอารมณ์ และยั้งตัวเองไม่ให้พูดคำว่า ‘เจ้า’ เอาไว้ได้ทัน แต่เด็กชายกลับจิกเล็บเข้าไปในเนื้อด้วยความโกรธจนกระทั่งมีเลือดไหลลงมาจากนิ้วของเขา
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นมัน นางก็จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจูบหน้าผากเขา พร้อมกับเอ่ยเสียงเบาว่า “ใจเย็นๆ อย่าให้อารมณ์ควบคุมเจ้าได้”
ร่างของเด็กชายสั่นน้อยๆ แต่เขาไม่ได้เงยหน้า เขายกแขนขึ้นบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ และพึมพำว่า “ลืมทุกอย่างที่เจ้าเห็นไปซะ”
“ตกลง” เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อย นางรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะสลาย
ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามามากมาย และรู้ว่าเขามีวัยเด็กที่ปราศจากความสุข
แต่เมื่อนางได้มาเห็น นางก็ตระหนักได้ว่าวัยเด็กของเขาไม่ใช่แค่ปราศจากความสุขเพียงอย่างเดียว
ใครๆ ต่างก็พยายามทำร้ายเขาหรือไม่ก็เหยียบย่ำเขากันทั้งสิ้น
ทั้งพ่อและแม่ของเขาต่างก็ไม่ได้เห็นเขาเป็นอะไรไปมากกว่าหมากในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจนี้ ทั้งสองหวาดระแวงเขา แต่ก็ยังใช้เขา
แต่เห็นได้ชัดว่าองค์ชายยังเด็กอยู่
ถึงแม้ว่าเขาจะดูเย็นชาและปากคอเราะร้าย แต่ดวงตาของเขาก็จะเบิกกว้างและเป็นประกายระยิบระยับสวยงามเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ทุกครั้งที่เขาเห็นของอร่อย
แต่วันนี้ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยสีแดงฉาน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่ามันเป็นสัญญาณการฝึกพลังปีศาจของเขา
สรุปว่าวังหลวงบังคับให้เขาต้องเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วนี่เอง
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดได้ดังนี้ นางก็กุมมือเขาแน่น
นึกไม่ถึงว่าเด็กชายตัวน้อยจะเป็นฝ่ายปลอบนางด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกแทน “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปไหนแน่ ต่อให้เจ้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะพาเจ้าไปจากข้าได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : ช่างน่าซาบซึ้งใจยิ่งนัก! เดี๋ยว… เขาบอกว่าใครไม่ค่อยฉลาดนะ!
“ฝ่าบาท” อวิ๋นปี้ลั่วเข้ามาได้ครู่หนึ่งแล้ว แต่นางกลับทำเพียงแค่รอ นางอยากรู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดกว่าที่องค์ชายจะสังเกตเห็นว่านางเข้ามาถึงแล้ว แต่ตลอดเวลานั้นเด็กชายกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองนางเลยสักนิดเดียว
นังแก่นั่นมีดีอะไรนักหนา!
อวิ๋นปี้ลั่วกำมือเข้าหากันแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความคับข้องใจขณะถามว่า “ท่านเรียกหาหม่อมฉันหรือเพคะ”
เด็กชายตัวน้อยใช้ดวงตาเย็นชาของเขามองไปที่นาง แล้วจึงเอ่ยขึ้นโดยไม่มีการเตือนว่า “เก็บข้าวของของเจ้า แล้วกลับไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่งซะ”
อวิ๋นปี้ลั่วแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ดวงตาของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พร้อมกันนั้นนางก็ยื่นมือออกไปคว้าขาของเด็กชายตัวน้อยเอาไว้แล้วร้องว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ไปเพคะ! หม่อมฉันอยู่กับท่านมาสองปีแล้วนะ หม่อมฉันทำอะไรผิดหรือ หม่อมฉันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพคะ เชื่อหม่อมฉันเถิด! อย่าไล่หม่อมฉันไปเลย!”
เด็กชายตัวน้อยมองนางด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าชอบส่งจดหมายไปให้เสด็จแม่มิใช่หรือ เช่นนั้นก็ส่งตัวเองไปแทนเสียจะไม่ดีกว่าหรือ”
“ฝ่าบาท…” อวิ๋นปี้ลั่วอ้าปากค้าง นางตัวสั่นด้วยความตกใจ เขารู้หรือ
“ไปซะ” องค์ชายเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นราบเรียบปราศจากอารมณ์
อวิ๋นปี้ลั่วนอนอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา ผมยาวของนางยุ่งเหยิง สายตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย
คนที่ควรจะถูกส่งตัวออกไปจากที่นี่คือนังแก่นี่มิใช่หรือ ทำไมถึงเป็นข้าแทนล่ะ
มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้!
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้!
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท!” เมื่อถูกเงาทมิฬคว้าร่างไว้ อวิ๋นปี้ลั่วก็ร้องไห้ออกมาด้วยหวังว่ามันจะสามารถทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนลงได้ นางขอร้องทั้งน้ำตาว่า “ได้โปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน…”
แต่สายตาเย็นชาสุดขั้วหัวใจกลับเป็นสิ่งเดียวที่นางได้รับกลับมา
เงาทมิฬใช้ความพยายามอย่างมากในการลากตัวอวิ๋นปี้ลั่วไปที่หน้าประตู เขาก้มหน้ามองอวิ๋นปี้ลั่วที่นั่งอยู่บนพื้นเปื้อนโคลนด้วยสีหน้าถมึงทึง “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้ริอ่านทดสอบความอดทนของฝ่าบาท เขาปกป้องพวกเราได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ เจ้าเองก็รู้ดีว่าฝ่าบาทปฏิบัติกับแม่นางเวยแตกต่างจากคนอื่น แต่เจ้าก็ยังเอาเรื่องนางไปบอกกับฮองเฮา ฝ่าบาทไม่ได้ฆ่าเจ้า แต่ส่งเจ้ากลับไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร อย่าคิดว่าฝ่าบาทยังมีเยื่อใยให้กับความสัมพันธ์เก่าๆ ล่ะ ฝ่าบาทใช้เจ้าเพื่อเตือนฮองเฮาต่างหาก ถ้าหากฮองเฮากล้าแตะต้องแม่นางเวยจริงๆ ละก็ นางจะต้องพบกับชะตากรรมเช่นเดียวกันกับเจ้าอย่างแน่นอน”
อวิ๋นปี้ลั่วตัวแข็งเป็นหินทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น จากนั้นนางก็ส่ายหน้าอย่างรุนแรง และพูดว่า “ไม่มีทาง ฝ่าบาทไม่มีวันคิดเช่นนั้นหรอก เขาจะต้องถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกหลวงอยู่แน่! เงาทมิฬ ปล่อยข้าเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้ ข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกฝ่าบาทด้วยตัวเอง…”
เพี๊ยะ!
จู่ๆ เงาทมิฬก็ตบหน้านาง
“ฝ่าบาทสั่งให้ข้าตบหน้าเจ้ายี่สิบครั้ง เจ้าอยากโดนตบให้ครบ หรือเจ้าจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
อวิ๋นปี้ลั่วขวัญเสียทันทีที่ได้ยินคำพูดของเงาทมิฬ นางยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่ยังเจ็บอยู่ของตัวเองเอาไว้ มือและเท้าของนางเริ่มมีอาการปวดจากความเย็นที่เสียดแทงเข้ามา โดยเฉพาะขาซ้ายของนางที่สั่นไม่หยุดเพราะเคยถูกแช่แข็งมาแล้วครั้งหนึ่ง
นางไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนนั้นทำสำเร็จแน่
ต่อให้นางจะต้องไปจากที่นี่ แต่นางก็จะทำให้มั่นใจว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่ได้อยู่ข้างกายฝ่าบาท!
อวิ๋นปี้ลั่ววางแผนการอันชั่วร้ายกับตัวเอง สองวันจากนี้ หลังจากองค์ชายใหญ่ถูกปล่อยตัวออกมา นางจะต้องถูกเขาเล่นสนุกด้วยจนพังทลาย!
แม้ตระกูลหลี่จะล่มสลายไปแล้ว และองค์ชายใหญ่จะไม่ได้มีอำนาจมากเท่าเมื่อก่อน แต่เขาก็เป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุดเสมอมา ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำความผิดใหญ่โตอันใด ฮ่องเต้ย่อมสามารถยกโทษให้เขาได้ทุกเรื่อง
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่เขาทำก็แค่ขอตัวนางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น ใครจะหยุดเขาได้หรือ
คราวนี้ต่อให้ฝ่าบาทต้องการจะปกป้องผู้หญิงคนนั้นก็เปล่าประโยชน์
วันมะรืนนี้ สิ่งเดียวที่ผู้หญิงคนนั้นทำได้ก็คือการปรนนิบัติรับใช้องค์ชายใหญ่ด้วยความเชื่อฟังเท่านั้น…