มีบรรดาพี่ชายที่รักและทะนุถนอมนางแบบนี้นั้นดีจริงๆ!
กูอี้เฉินเห็นพี่ใหญ่ไม่โมโห อารมณ์ของน้องเล็กก็สงบนิ่งลงมาก จึงเริ่มอยากรู้เรื่องที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากัน
เขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอกไม่นาน ดังนั้นจึงรู้เรื่องระหว่างซูซูกับซูชีแค่ผิวเผิน
“พี่ใหญ่ เมื่อครู่น้องเล็กเอ่ยถึงเรื่องอันใดหรือ ซูชี? คุณชายเจ็ดของตระกูลซูหรือ เขาเป็นอันใดหรือ เรื่องงานแต่งงานยังไม่ได้กำหนดอีกหรือ”
กูอี้เฉิน เอ่ยถึงตรงนี้ โทสะที่จิ่่งซื่อจื่อระงับเอาไว้ได้อย่างยากเย็น ก็พวยพุ่งขึ้นมาทันควัน!
แต่ก่อน น้องเล็กได้รับความไม่เป็นธรรมจากซูชีผู้นั้น เขาก็อยากจะไปแก้แค้นให้น้องสาว แต่ทุกครั้งกลับต้องพ่ายแพ้ให้กับน้ำตาที่เป็นท่าโจมตี พาลพาโลไร้เหตุผล และการออดอ้อนต่างๆ ของน้องเล็ก!
ตอนนี้น้องรองกลับมาแล้ว เขาพลันรู้สึกหาพันธมิตรได้ในเสี้ยววินาที จึงเอ่ยเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดออกมาเป็นพรวน
ระหว่างนั้นคล้ายกับจะได้ยินเสียงขบกรามของกูอี้เฉินอย่างเลือนราง…
ในใจท่านหญิงซูซูร้อนรน!
พี่ใหญ่! ขอร้องท่านล่ะ ท่านช่วยทำเรื่องที่น่าเชื่อถือได้หน่อยจะได้ไหม จู่ๆ ท่านก็เอ่ยเรื่องพวกนี้กับพี่ร้องขึ้นมา…พวกท่านร่วมมือกันแล้ว จะไม่สามารถถลกหนังซูชีได้หรือ แบบนั้น…ซูชีจะไม่รีบหนีไปเร็วกว่าเดิมได้อย่างไร!
ต้องกล่าวว่าท่านหญิงซูซูผู้นี้ก็เข้าใจนิสัยพี่ชายทั้งสองของนางจริงๆ!
ในใจของจิ่่งซื่อจื่อกับกูอี้เฉินตอนนี้ แทบอยากจะตามจับซูชีมา แล้วถลกหนังเขาเพื่อระบายความแค้นให้กับน้องเล็กของตนเอง!
ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักดีชั่วเกินไปแล้ว!
“พี่ใหญ่…ท่านบอกข้ามาตามตรงเถอะ ซูชีหนีไปอีกแล้วใช่หรือไม่” สิ่งที่ซูซูสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ยังคงเป็นเรื่องนี้!
หากว่าซูชีจากไปแล้วจริงๆ นาง กูเสี่ยวซูขอสาบานเลยว่า ต่อให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว นางก็จะต้องหาซูชีให้พบ! นับแต่นั้นก็จะเกาะติดอยู่ด้านหลังเขา ติดตามเขาไปตลอดชีวิต จนกระทั่งเขาพยักหน้ายอมรับว่าชอบตนเองถึงจะหยุด!
ท่านหญิงซูซูที่มีจิตใจฮึกเหิมเช่นนี้ กลับถูกจิ่่งซื่อจื่อทำลายความคิดเพ้อฝันลงอย่างไร้ความปรานี!
“น้องเล็ก อย่าบอกว่าพี่ใหญ่ไม่สงสารเจ้า! ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่คิดจะบอกความเคลื่อนไหวของซูชีกับเจ้าจริงๆ แต่เมื่อครู่ข้าคิดได้แล้ว! ใต้หล้านี้ไม่ได้มีซูชีที่เป็นบุรุษเพียงคนเดียว! พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาตามติดอยู่ข้างกายเขา! บนโลกนี้มีบุรุษที่ดีอีกมาก! ผ่านปีใหม่ไป เจ้าก็สิบแปดแล้ว พี่ใหญ่รับประกันว่าจะหาบุรุษดีๆ ที่เจ้าพอใจให้เจ้าคนหนึ่ง!”
คราวนี้ จิ่่งซื่อจื่อกลายเป็นคนจับคู่บุรุษสตรี เพื่อที่จะไม่ให้น้องสาวถูกรังแกอีก!
ซูซูอยากจะกระอักเลือด!
พี่ใหญ่อย่ากลับกลอกไปมาเช่นนี้ได้หรือไม่
แต่ทว่า ไม่รอให้ซูซูกระโดดออกมาโต้กลับ พี่รองก็ได้โอกาสอันเหมาะในการกระโดดออกมาก่อกวน
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนดีอะไร คล้อยตามวาจาจิ่่งซื่อจื่อ อ้าปากก็เอ่ยว่า
“ใช่แล้ว น้องสาวของพวกเราฐานะสูงศักดิ์ รูปโฉมก็ยอดเยี่ยม เหตุใดถึงต้องเป็นเขา ซูชีเท่านั้น พี่รองจะช่วยสังเกตให้เจ้าอีกทาง…”
ซูซูมองจิ่่งซื่อจื่อผู้เป็นพี่ใหญ่ของนาง แล้วมองพี่รองกูอี้เฉิน
นางก็เข้าใจแล้ว คิดว่าไม่ว่าตนเองจะถามอย่างไร พวกเขาคงไม่มีทางเปลี่ยนใจมาบอกการเคลื่อนไหวของซูชีกับนางง่ายๆ แน่นอน!
นางทั้งโมโห ทั้งร้อนรน ทั้งเสียใจ จึงเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “พวกท่าน…ข้าไม่สนใจพวกท่านแล้ว!” แล้วก็สะบัดหน้าจากไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก!
ตอนนี้ซูชีคงออกจากเมืองหลวงไปแล้วแน่นอน ตนเองจะต้องรีบ ไม่เช่นนั้นระยะทางที่ห่างจากซูชีจะต้องไกลแน่ๆ จะหาเขาก็เปลืองแรงแล้ว!
ในสายตาของพี่ชายสองคน น้องเล็กแค่เสียใจและน้อยใจเลยงอนพวกเขา
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะสบตากัน แล้วพากันถอนหายใจ
กูอี้เฉินทนเห็นน้องเล็กน้อยใจ และเสียน้ำตาไม่ได้มากที่สุด ขอเพียงแค่น้องเล็กร้องไห้ เขาก็จะยอมแพ้ทันที!
และในตอนนี้ เขาก็มีท่าทียอมแพ้ คิดจะตามออกไป แต่กลับถูกจิ่่งซื่อจื่อที่ตาเร็วมือไวดึงเอาไว้!
“พี่ใหญ่! ท่านรั้งข้าเอาไว้ทำไม”
พี่ใหญ่ดึงแขนเขาเอาไว้ เขาก็ออกไปไม่ได้ จึงหันไปมองพี่ใหญ่อย่างร้อนรน หวังว่าเขาจนปล่อยตนเอง จากนั้นก็ให้ตนเองไปปลอบน้องเล็ก
แต่ว่าสุดท้ายจิ่่งซื่อจื่อเพียงแค่ส่ายหน้า!
“พี่ใหญ่! หรือว่าท่านไม่สงสารน้องเล็กแล้ว?”
กูอี้เฉินประหลาดใจ!
น้องเล็กเสียใจถึงขนาดนั้นแล้ว พี่ใหญ่กลับไม่สะทกสะท้าน เขากลายเป็นคนเลือดเย็นตั้งแต่เมื่อไรกัน?
จิ่่งซื่อจื่อไม่ต้องคิดก็รู้ว่าตอนนี้น้องรองเห็นเขาเป็นคนแบบไหน!
เขาข่มกลั้นความหุนหันพลันแล่นที่จะสะบัดฝ่ามือใส่น้องรองอย่างรุนแรงเอาไว้
“เจ้านึกว่าข้าไม่สงสารน้องเล็กหรือ แต่ถ้าไปปลอบใจนางตอนนี้ เช่นนั้นก็จำเป็นต้องบอกที่อยู่ของซูชีออกไป! หรือเจ้าแค่ไม่อยากให้น้องเล็กเสียใจ จึงบอกนางว่าซูชีอยู่ที่ใด แล้วให้นางไปตาม ไปหา จากนั้นก็ให้นางถูกบุรุษผู้นั้นรังแกอยู่ข้างนอกนั่นอีก?”
จิ่่งซื่อจื่อเห็นสีหน้าท่าทางเหลอหลาของน้องรองแล้ว จึงคลายมือที่จับแขนเขาเอาไว้ออก
เขาเชื่อว่า ตอนนี้น้องรองไม่มีทางบุ่มบ่ามวิ่งออกไปหาน้องเล็กแล้ว!
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย กูอี้เฉินเพียงแค่ยืนนิ่งใคร่ครวญวาจาของจิ่่งซื่อจื่ออยู่ตรงนั้น
สุดท้าย…
“พี่ใหญ่ ท่านกล่าวได้ถูกต้อง! แม้ว่าตอนนี้น้องเล็กจะน้อยใจและเสียใจเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าไปรองรับอารมณ์ของซูชีผู้นั้นข้างนอก!”
น้องเล็กน้อยใจอยู่ในจวน ก็ยังมีพวกเขาอยู่ที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่ทำให้น้องเล็กเสียใจ แต่ก็ดีกว่าไปรองรับอารมณ์โมโห ถูกรังแก แล้วไม่มีใครปลอบประโลมหลังจากไปหาซูชี แล้วอยู่ข้างกายเขากว่ามาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าที่ทำไปนั้นมีเหตุผล กูอี้เฉินจึงตัดสินใจนั่งลงจิบชาไปคำหนึ่ง
“อืม! พวกเราไม่ไป! ให้ซูซูไตร่ตรองด้วยตนเอง นางต้องเข้าใจได้แน่ว่าพวกเราทำแบบนี้ ก็เพื่อนาง”
ดูท่าทางคล้ายกับว่าสบายๆ
แต่กล่าวตามตรง ในใจสองพี่น้องล้วนรู้สึกแย่ อย่างไรเสีย น้องเล็กที่ถูกประคบประหงมตั้งแต่ยังเล็กเสียใจ พวกเขาที่เป็นพี่ชายกลับนั่งดูเรื่องสนุกอยู่ตรงนี้ นี่มันไม่ถูกต้องยิ่งนัก!
แต่…พวกเขาทำเช่นนี้ ก็เพื่อซูซูเช่นกัน!
น้องเล็ก…ขอโทษนะ เจ้าเสียใจไปคนเดียวสักพักนะ
พวกเขานึกว่าคราวนี้ซูซูจะต้องหลบอยู่ในห้อง ร้องไห้เสียใจ! แต่พวกเขากลับคิดผิด!
“ท่านหญิง นี่ท่านจะ…”
ปี้เอ๋อร์เฝ้าอยู่ในเรือนตลอด จู่ๆ ก็เห็นท่านหญิงทะยานกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับลมหอบหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปในห้องโถง โดยไม่กล่าววาจาใด
ผู้เป็นนายจากไปและกลับมาราวกับสายลม ทำให้สาวใช้อึ้งเล็กน้อย
เวลาชั่วครู่หนึ่ง ในห้องส่วนตัวของท่านหญิงซูซูก็มีเสียงดังตึงตังลอยออกมา ทำให้ปี้เอ๋อร์ที่ตะลึงค้างอยู่ได้สติกลับคืนมา รอนางรู้สึกได้ว่าผิดปกติ เข้าไปดูก็มึนงงทันที!
ภายในห้องถูกปล้นหรือ เหตุใดถึงได้เละเทะเช่นนี้
ยังมี…นี่ท่านหญิงของพวกนางกำลังทำอันใด ห่อผ้าเล็กใหญ่ นี่เตรียมตัวจะไปที่ใดกัน?
ตอนนี้ซูซูกำลังเก็บสัมภาระของตนเองก่อนเตรียมตัวจะจากไป
ชีวิตนี้ยังไม่เคยออกจากจวนคนเดียวอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะไปเที่ยวเล่นสถานที่อื่นในบางครั้ง ก็ล้วนพาสาวใช้ไปด้วย มีสาวใช้จัดเตรียมให้เรียบร้อย ตอนนี้ต้องการจะจากไป จึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องนำสิ่งใดไปบ้าง!