ทั้งแคว้นเทียนฉี วรยุทธ์ของซูชีนับว่าอยู่ในอันดับต้นๆ
แต่ก่อนอยู่ในเมืองหลวง อึกทึกครึกโครมยิ่งนัก สถานที่ที่ไปก็ไม่มาก จ้าวเฟยลู่เพียงแค่ดูจากที่ไกลๆ ย่อมไม่ได้ทำให้ตกใจ
แต่ว่าตอนนี้ออกจากเมืองหลวง ในวันหนึ่งซูชีเดินทางหลายร้อยลี้ เขาก็ต้องเดินทางหลายร้อยลี้ในวันหนึ่งเช่นกัน ซูชีค้างแรมในทุ่งกว้าง เขาก็ต้องค้างแรมในทุ่งกว้างเช่นเดียวกัน
แล้วจะไม่ถูกค้นพบได้อย่างไร
ซูชีคิดอยากจะจับตัวคนผู้นั้นออกมาหลายครั้ง จากนั้นก็ถามเขาว่า ติดตามเขามาหลายวันเช่นนี้มันเพื่ออันใดกันแน่!
แต่ทว่า เดิมเขามีนิสัยแหกคอก ตอนนี้ได้ปลดปล่อยทุกสิ่ง จึงกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
เมื่อคิดดูอีกที มีคนอยู่เป็นเพื่อน คลายความเบื่อหน่าย ให้เขาได้หยอกเล่น แล้วเหตุใดจึงไม่ยินดีเล่า?
เช่นนั้นแหละ ซูชีแทบจะเดินทางเป็นลักษณะวงกลม ถนนสายหนึ่งต้องเดินสามสี่รอบ มีวันหนึ่ง เขาถึงขั้นที่ไปๆ กลับๆ รอบแล้วรอบเล่าในตำบลแห่งหนึ่งเป็นเวลาหลายชั่วยาม…
ลักษณะนี้เหมือนกับพวกไม่รู้จักทิศทางอย่างไรอย่างนั้น!
จ้าวเฟยลู่เกือบจะถูกซูชีทำให้สับสน ความอึดอัดนั่น ความเวียนหัวนั้น ทำให้คนอยากจะกระอักเลือดจริงๆ
แต่ว่ารำคาญก็ส่วนรำคาญ คนไม่อาจไม่ติดตาม เพราะเขารับเงินของผู้ว่าจ้างมาแล้ว ไม่สามารถกระทำผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพได้
เพียงแต่ขอสาบานเลยว่า ทำครบปีนี้แล้ว เขาจะไม่ทำงานสายนี้อีกแล้ว
แต่ว่าเมื่อติดตามไป จ้าวเฟยลู่ก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว! เห็นได้ชัดว่าคุณชายเจ็ดตระกูลซูผู้นี้ค้นพบเขาแล้ว ทั้งยังแกล้งหยอกเขาเล่นด้วย!
หากไม่ได้รู้ว่าวรยุทธ์ของคุณชายเจ็ดตระกูลซูสูงส่ง หากไม่เคยได้ยินว่าซูชีไร้ความปรานีต่อศัตรู
เขาจะต้องกระโดดออกไป ประมือชี้เป็นชี้ตายกับซูชีสักครั้งแล้ว!
แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้า…เขาทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น
ซูชีเที่ยวเตร่อีกวันหนึ่ง เหลือบมองดูป่าไผ่เอนไหวด้านหลังที่อยู่ไม่ไกลจากตนเองนักแล้ว ก็โค้งริมฝีปากยิ้มบางๆ
บางครั้ง เพิ่งนั่งลงในร้านเล็กๆ ร้านหนึ่ง จ้าวเฟยลู่นึกว่าเขาจะกินอาหาร จึงคิดจะนำอาหารแห้งออกมากินด้วย แต่เมื่อเหลือบตาขึ้นมอง เงาร่างของซูชีกลับหายไปแล้ว
หลังจากนั้น รอเขาตามไปพบ เจ้าหมอนั่นถึงกับมีท่าทางสงบนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรง ราวกับกำลังรอเขาโดยเฉพาะ
ไม่ต้องกล่าวว่าไม่มีเวลาจะกินอาหาร กระทั่งโอกาสที่จะเข้าห้องน้ำ ก็ไม่ให้เขาสักนิด จ้าวเฟยลู่โอดครวญไม่หยุด
จนถึงพลบค่ำ ซูชีถึงจะหยุด เข้าไปในห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่อาจ้าวจัดเตรียมให้เขาพักผ่อนเรียบร้อยแต่เนิ่นๆ
จ้าวเฟยลู่ถึงได้ถอนหายใจ ถึงอย่างไรก็ถูกค้นพบแล้ว ดังนั้นจึงจองห้องหนึ่งด้วย เป็นห้องที่อยู่ข้างๆ ห้องซูชี
หากต้องอยู่ภายใต้สภาพจิตใจที่ตึงเครียดเช่นนี้ต่อไป เขาไม่เป็นบ้าก็ต้องระเบิดออกมาเสียก่อน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าห้องข้างๆ ไม่มีความเคลื่อนไหว จ้าวเฟยลู่ก็บิดขี้เกียจด้วยความเกียจคร้าน และกำลังจะพักผ่อน ปรับสภาพร่างกาย
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นก็มีนกพิราบสองตัวบินเข้ามาจากด้านนอก เขาได้รับจดหมายสองฉบับพร้อมกัน
หลังจากอ่านเนื้อหาในจดหมายจบ จ้าวเฟยลู่ก็ตะลึง
“ถึงกับมีสตรีแบบนี้บนโลกใบนี้ด้วยหรือ ฮ่าๆๆ…”
เขาหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ เพียงเพราะวาจาที่ถูกเอ่ยในจดหมายเหล่านั้น ทำให้เขารู้สึกตลกขบขันเกินไปแล้วจริงๆ!
เป็นถึงท่านหญิงแห่งแคว้น หนีออกจากจวนตามบุรุษผู้หนึ่งไปราวกับสตรีบ้าผู้ชาย อีกทั้งไม่พกเงินออกจากจวนด้วย จนตกอยู่ในสภาพ…ตกอยู่ในสภาพ…
จ้าวเฟยลู่หัวเราะแล้วก็นั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงรอบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับคุณชายเจ็ดตระกูลซูที่อยู่ห้องข้างๆ
เขาเพียงแค่รับเงินมาแล้วช่วยผู้อื่นทำงานเท่านั้น ที่ต้องทำก็แค่เฝ้าติดตามทุกความเคลื่อนไหว และทุกการกระทำของซูชีอย่างใกล้ชิดเท่านั้น เดิมเขาไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องอื่นๆ
แต่ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจที่ไม่เคยมีความรู้สึกสงสารมานานกลับรู้สึกขึ้นมาในเสี้ยววินาทีนี้เสียได้
บางที อาจเป็นเพราะสตรีที่มีนามว่าท่านหญิงซูซูผู้นี้ลุ่มหลงในความรักมากเกินไป และน่าสงสารมากเกินไปก็ได้
อืม! จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน!
เขาไม่มีทางยอมรับว่า ตนเองเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น และรีบร้อนอยากจะไปดูเรื่องสนุก เพราะไม่เคยได้ยินว่ามีสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานคนไหนกล้าติดตามบุรุษผู้หนึ่ง หนีออกจากบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า
เขายิ่งไม่มีทางยอมรับว่า เงื่อนไขที่จิ่่งซื่อจื่อเสนอมานั้นล่อใจคนเหลือเกิน
เงื่อนไขที่จิ่่งซื่อจื่อเสนอมาในครั้งนี้ไม่ใช่เงินทอง…เพียงแค่เขาตามหาท่านหญิงพบ ปกป้องนางให้ปลอดภัย แล้วปล่อยให้นางทำตามใจชอบภายในหนึ่งปี…เขาก็จะได้ในสิ่งที่ถวิลหาแม้ในความฝัน…
จ้าวเฟยลู่ตัดสินใจแล้วก็หยิบพู่กันขึ้นมาสะบัดอย่างกระฉับกระเฉงและทรงพลัง จากนั้นก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์มา มอบเงินให้เล็กน้อย หลังจากมอบหมายให้เขานำจดหมายไปมอบให้ซูชีที่อยู่ห้องข้างๆ แล้ว ก็ลุกขึ้นจากไป
แม้ว่าในจดหมายของจิ่่งซื่อจื่อจะไม่ได้บอกชัดเจนว่าท่านหญิงที่น่าขบขันนั้นอยู่ที่ใด แต่กลับระบุตำแหน่งทิศทางหนึ่งมาให้
หลายวันก่อน ท่านหญิงซูซูจำนำทรัพย์สินของตนเองจนหมดในตำบลแห่งหนึ่งใกล้ๆ ไหลหยาง รวมถึงเสื้อผ้าบนตัวด้วย…
ท่านหญิงผู้หนึ่งสามารถอยู่ร่วมปะปนได้จนถึงขั้นนี้ ไม่อาจไม่กล่าวว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
เขาต้องรีบไปติดต่อผู้เป็นนาย แล้วรีบตามหาท่านหญิงที่โชคชะตาชีวิตรันทดผู้นั้นให้พบค่อยว่ากัน
รับผลประโยชน์จากผู้อื่น ต้องช่วยผู้อื่นกระทำเรื่องต่างๆ!
เสี่ยวเอ้อร์เก็บเงินไว้ตรงหน้าอกด้วยความยินดี เสียงเคาะประตูห้องซูชีดัง “ก๊อกๆๆ!”
ซูชีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ปรับสมดุลร่างกาย
สงครามกับหนานหลิงในครั้งที่แล้ว เขาปะทะกับหลูเจิ้งหยาง รอบด้านมีพวกคนชั่วหลายคนคอยช่วย เขาไม่ระวังโดนลอบเล่นงาน จนถึงตอนนี้ ร่างกายยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง
“ใคร!” ซูชีเก็บกำลังภายในกลับมา มองไปทางประตูอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่กลัวเรื่องวุ่นวาย ตอนนี้ยิ่งไม่กลัว จะกลัวก็แค่ไม่มีเรื่องให้เขาฆ่าเวลา
“คารวะคุณลูกค้าขอรับ! ข้าน้อยได้รับการฝากฝังจากคุณชายท่านหนึ่งที่ห้องข้างๆ ให้มาส่งจดหมายฉบับหนึ่งกับท่าน!” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยอย่างไม่รีบร้อน
ส่งจดหมายให้ตนเอง แววตาซูชียังคงไม่แยแสเช่นเคย ทว่านัยน์ตากลับหดวูบเล็กน้อยจนไม่อาจเห็นได้
มีเพียงแต่คนคุ้นเคยกับเขาเท่านั้นถึงจะรู้ว่าตอนนี้เขาระแวดระวังอยู่
การออกจากตระกูลซู ออกจากเมืองหลวงในครั้งนี้ของเขา ไม่ได้จากมาอย่างเอิกเกริก! ผู้ที่รู้ว่าตนเองออกจากจวน และรู้ว่าตนเองพักอยู่ที่นี่ มีเพียงแค่…
คุณชายที่อยู่ห้องข้างๆ? คาดว่าจะมีคนติดตามอยู่ด้านหลังตนเอง
หลายวันมานี้เขาหยอกล้ออยู่หลายครั้ง ก็ไม่อาจกระตุ้นให้คนผู้นั้นปรากฏตัวออกมาได้ ตอนนี้กลับส่งจดหมายในตนเองอย่างไม่มีเหตุผล?
ซูชีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู
พัดเล่มเล็กโบกไปมาเบาๆ อาภรณ์สีม่วงพร่างพราว บุคลิกยอดเยี่ยมหาผู้ใดเทียบเทียมมิได้แห่งยุค ท่าทางสงบนิ่งสุขุม
เสี่ยวเอ้อร์ในร้านนี้ไม่เคยเห็นคุณชายที่เรียบร้อยและสูงศักดิ์เช่นนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงค้าง
ซูชีไม่สนใจที่ความไร้มารยาทของเขา เพียงแค่ดึงจดหมายในมือเขาไป แล้วคลำหาเงินพวงหนึ่งบริเวณช่วงเอว
หลังจากยื่นให้เสี่ยวเอ้อร์แล้ว ก็ถือโอกาสปิดประตูไปด้วยเลย
เสี่ยวเอ้อร์ถึงได้สติกลับคืนมา เขาลูบจมูกที่ถูกประตูกระแทกมาของตนเอง มองเงินในมือ แล้วยิ้มตาหยี พลางคาดหวังให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นทุกวัน แค่ส่งจดหมาย ก็ได้รางวัลสองครั้ง ได้เงินมากกว่าในเดือนหนึ่งเสียอีก...
หลังจากซูชีปิดประตูห้อง ก็ก้มหน้าพิจารณาจดหมายในมือ
กระดาษเรียบง่ายแผ่นหนึ่ง ไม่เหมือนกับเรื่องน่ารังเกียจที่พวกคนจิตใจลึกล้ำเหล่านั้นจะทำ แต่นี่ก็ทำให้ซูชีอยากรู้ว่า ใครเขียนจดหมายให้ตนเอง และเขียนว่าอะไร
เขาคลี่จดหมายอย่างไม่รีบร้อน หลังจากที่อ่านเนื้อหาในนั้น ก็รู้สึกจนปัญญาทันที!