บทที่ 608 หลี่จิ่วเต้า ‘เหตุใดวันนี้เตียงถึงนุ่มปานนี้?’
ปลาหนึ่งตัวกินได้ห้าแบบ!
ลั่วสุ่ยตาค้าง หากรวมกับการกินอีกสามแบบเมื่อคราวก่อน รวมเป็นทั้งหมดแปดแบบแล้ว คุณชายรู้วิธีกินปลากี่แบบกันแน่
คุณชายเก่งกาจยิ่งนัก!
นอกจากนี้ นางรู้สึกมีความอบอุ่นแล่นสู่หัวใจ ซาบซึ้งขึ้นมาเหลือคณา คุณชายใส่ใจกันมากจริง ๆ มิฉะนั้นไยคุณชายต้องปรุงอาหารตั้งหลายอย่างด้วย
ปลาหนึ่งตัวปรุงเป็นอาหารได้ห้ารายการ แต่ละรายการล้วนมีรสชาติแตกต่าง คุณชายดีกับนางมากจริง ๆ!
“อยากดื่มสักหน่อยหรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยถาม ของเลิศรสมากมายเยี่ยงนี้ ไม่ดื่มสักหน่อยคงน่าเสียดายแย่
ทว่าเหมือนเขานึกบางสิ่งขึ้นได้ ก่อนจะรีบเอ่ยต่อท้ายอีกประโยค “ดื่มส่วนดื่ม กลางค่ำกลางคืนห้ามมามุดเตียงข้าอีก!”
ใบหน้าขาวเนียนของลั่วสุ่ยแดงเถือก เรื่องนั้น…เป็นเพราะความเคยชินนี่นา!
“ไม่แล้ว ข้าขอรับประกัน!”
นางเอ่ยด้วยแก้มแดงระเรื่อ ครานี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่มุดเข้าไปอีก
“เช่นนั้นก็ดี”
หลี่จิ่วเต้าลุกไปหยิบสุรามาหนึ่งกาจากห้องครัว รินให้ทั้งเขาและลั่วสุ่ย “เอ้า ดื่มเสีย คุณชายจะย่างปลาให้เจ้า”
เขาชนแก้วกับลั่วสุ่ย ก่อนจะลุกไปย่างปลาต่อ เพราะยังไม่สุกดี
“อยากกินจังเลย อยากกิน…”
ภายในบ่อน้ำ มัจฉาสัตมายาน้ำลายสอ บอกตามตรง นับแต่ได้มาอยู่ในลานเล็ก มันไม่เคยได้กินอาหารฝีมือคุณชายสักคำ
บัดนี้ มันอยากกินแม้ในยามหลับฝัน!
มอ~
ลูกวัวน้อยสะบัดหางวัว ยืนพิงกำแพง มองปลาซึ่งถูกปรุงทั้งห้าแบบ แล้วก้มมองกองหญ้าใต้เท้า ชั่วขณะนั้น พลันรู้สึกว่าหญ้านี่รสชาติมิได้หอมหวานอีกต่อไป
มันหมอบราบกับพื้น ร้องเสียงไร้เรี่ยวแรง มันก็อยากกินเนื้อย่าง อยากได้ลองกินปลาที่ปรุงถึงห้าแบบ!
“ลูกเอ๋ย พวกเราคือสัตว์กินหญ้า เจ้าต้องจำข้อนี้ไว้!”
บิดาลูกวัวน้อยรีบบอก
ทว่ายามมันพูดจายังต้องกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ หอมเกินไปแล้ว! สัตว์กินพืชเวรตะไลเอ๊ย หากว่าเลือกได้ มันไม่ขอเป็นสัตว์กินพืชอีก มันขอเป็นสัตว์กินเนื้อ!
‘นายหญิงของลานเล็กแห่งนี้เชียวนะ!’
‘ขนาดนี้ยังมิใช่ แล้วผู้ใดจะเป็นได้อีก’
ของวิเศษในลานพากันคิดในใจ ยิ่งมั่นใจขึ้นว่าลั่วสุ่ยคือนายหญิงในอนาคต
เริ่มจากปรุงปลาหนึ่งตัวด้วยสามกรรมวิธี ต่อมา ปรุงปลาหนึ่งตัวด้วยห้ากรรมวิธี เปลี่ยนลูกไม้ปรุงปลาให้ลั่วสุ่ยไปเรื่อย ๆ คุณชายใส่ใจลั่วสุ่ยยิ่งนัก ผู้อื่นไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากคุณชาย!
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ดาราพร่างพราวทั่วฟ้า เป็นรัตติกาลอันงดงาม หลี่จิ่วเต้าดื่มอย่างหนำใจ ลั่วสุ่ยก็ดื่มไปไม่น้อย
พวกเขาเมากันทั้งคู่ ลั่วสุ่ยเกิดความสนอกสนใจ ร่ายรำว่อนไหวอยู่ด้านข้าง ส่วนหลี่จิ่วเต้ายกฉินอี๋อินออกมา บรรเลงเคล้าคลอลั่วสุ่ย
เสียงฉินดังขึ้น เริ่มแรกใสกังวานดั่งหยก ประหนึ่งสายน้ำหลั่งไหลแผ่วเบา ต่อมาเริ่มเป็นเสียงครวญ ประหนึ่งมังกรคำราม และคล้ายว่าเชื่อมประสานฟ้าดิน ทะลุผ่านปริภูมิเวลาแสนยาวนาน ถือเป็นลำนำอันน่าทึ่ง เป็นบทเพลงชิ้นเยี่ยม!
ดวงดาราซึ่งประดับประดาบนท้องฟ้าคล้ายว่ามีชีวิตขึ้นมา โลดแล่นตามไปด้วย ซ้ำแสงดาวยังสว่างขึ้นอีกหลายระดับ พากันทาบทับลงบนตัวลั่วสุ่ย ขับให้ลั่วสุ่ยดูสูงส่งไร้มลทินคูณทวี เฉิดฉันพราวเสน่ห์คูณทวี!
นอกจากนี้ ยังมีภาพสะท้อนมากมายฉายลงบนพื้นจากท้องนภา ทั้งหมดล้วนเป็นภาพสะท้อนร่างเซียนอันงดงาม รูปร่างอรชร ร่ายรำตามจังหวะของลั่วสุ่ยอยู่ด้านหลัง เต้นประกอบเป็นฉากหลังเพื่อลั่วสุ่ย!
การร่ายรำของนางสะท้านไปจนถึงดวงดาราเชียวหรือ
แสงดาวทั่วท้องนภาสะท้อนทาบทับบนตัวนางทั้งสิ้น…
งดงามเหลือเกิน!
วันนี้หลี่จิ่วเต้าดื่มมากเป็นพิเศษ จนบัดนี้เริ่มเมามากแล้ว หลังได้เห็นดวงดาราทั่วท้องนภาทาบทับลงบนตัวลั่วสุ่ยทั้งหมด ก็รู้สึกเพียงว่าลั่วสุ่ยมีโฉมสะคราญที่สุดในปฐพี
ส่วนภาพสะท้อนร่างเซียนที่ฉายอยู่เบื้องหลังลั่วสุ่ย หลี่จิ่วเต้ามองไม่เห็นแม้แต่น้อย
“!!!”
ญาณหินโกลาหลต้องตาโตด้วยความทึ่ง คุณชายแค่เพียงไม่ลงมือเท่านั้น หากได้ลงมือเมื่อใด เป็นต้องสะเทือนเลือนลั่น!
มันได้เห็นกระไรกันนี่!?
ภาพสะท้อนร่างเซียนที่จุติลงมานั้น ล้วนมาจากแดนบรรพโกลาหลทั้งสิ้น!
แม้ว่ามันเป็นเพียงก้อนหินเล็ก ๆ ธรรมดาในแดนบรรพโกลาหล กระนั้นมันก็ยังจำได้ว่าเจ้าของภาพสะท้อนร่างเซียนเหล่านี้เป็นของผู้ใด!
นั่นเพราะเจ้าของภาพสะท้อนร่างเซียนเหล่านี้เลื่องชื่ออย่างยิ่งในแดนบรรพโกลาหล!
จ้าวแห่งตงชิว จ้าวแห่งก่วงหลิง จ้าวแห่งฉางเล่อ จ้าวแห่งอี๋หยวน…
สวรรค์ คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลมหาอำนาจในแดนบรรพโกลาหล เป็นสตรีผู้เป็นจ้าวแห่งดินแดน ปกครองควบคุมทุกสิ่ง!
โดยปกติ หากต้องการพบสตรีผู้ทรงอำนาจเหล่านี้ในแดนบรรพโกลาหล ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ หากต้องการพบสตรีผู้ทรงอำนาจเหล่านี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตานั้นยิ่งไม่ต้องคิด ไม่มีทางเป็นจริงได้แน่!
แต่บัดนี้ เหล่าสตรีผู้ทรงอำนาจในแดนบรรพโกลาหลไม่เพียงแต่สะท้อนภาพฉายลงมาด้วยกัน ซ้ำยังร่ายรำประกอบฉากหลังให้ลั่วสุ่ยอีกด้วย!!!
อย่าให้เอ่ยเลยว่าเป็นภาพน่าสะท้านปานใด!
ภาพฉายของเหล่าสตรีผู้ทรงอำนาจแห่งแดนบรรพโกลาหลสะท้อนลงมาด้วยกัน ร่ายรำประกอบฉากหลังให้ลั่วสุ่ย หากมิใช่ว่ามันได้ประจักษ์กับตาตัวเอง ให้ตายมันก็เชื่อไม่ลง!
มันไม่เคลือบแคลงเลยว่า หากภาพนี้รู้ไปถึงแดนบรรพโกลาหล สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลทั้งหมดเป็นต้องอ้าปากจนกรามค้างด้วยความตะลึงแน่!
สตรีผู้ทรงอำนาจทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นบุคคลระดับสูงเกินจินตนาการ ทว่ากลับฉายภาพสะท้อนลงมาเพื่อร่ายรำประกอบเป็นฉากหลังลั่วสุ่ย เรื่องแบบนี้เหมือนฝันเกินไป น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
นี่หรือคือฝีมือของท่านบรรพจารย์เต๋าโกลาหล
ฉกาจเหลือเกิน!
ชั่วขณะนั้น ความเลื่อมใสที่มันมีต่อคุณชายทวีคูณยิ่งขึ้น!
“ฮ่า ๆ หากมิได้คุณชาย ข้าไฉนเลยจะมีโอกาสได้พบสตรีผู้ทรงอำนาจมากมายปานนี้! ซ้ำยังได้เห็นสตรีผู้ทรงอำนาจเหล่านี้ร่ายรำอีกด้วย!”
ญาณหินโกลาหลคิดในใจด้วยความเปรมปรีดิ์
ตอนนี้มันอยากกลับไปที่แดนบรรพโกลาหลเหลือเกิน กลับไปถามสิ่งมีชีวิตตนอื่นในแดนบรรพโกลาหลว่า เจ้าเคยเห็นสตรีผู้ทรงอำนาจร่ายรำหรือไม่ ข้าเคยเห็นแล้ว!
ซ้ำยังมิใช่แค่ท่านเดียวด้วย!
เรื่องนี้พอให้เขาคุยโวไปทั้งชาติ!
หลังจบไปหนึ่งบทเพลง ลั่วสุ่ยหยุดลง ภาพสะท้อนร่างเซียนเหล่านั้นก็อันตรธานหายไป
ส่วนเจ้าของภาพสะท้อนร่างเซียนเหล่านั้น บรรดาสตรีผู้ทรงอำนาจ ล้วนมีสีหน้างุนงง
เกิดอันใดขึ้น?
พวกนางเพียงแต่ได้ยินลำนำฉินบทหนึ่ง จากนั้น ร่างกายพลันร่ายรำออกมาอย่างควบคุมมิได้ จนกระทั่งลำนำฉินหยุดลง พวกนางถึงหยุดได้
นี่มันเรื่องอันใดกัน!
สีหน้าพวกนางเคร่งเครียดกันถ้วนหน้า ด้วยขอบเขตพลังของพวกนาง ไฉนเลยจะพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ได้
เพลงฉินลำนำเดียวก็เป็นผลให้พวกนางต้องร่ายรำตามอย่างควบคุมตนเองมิได้ ไม่อาจหักห้ามร่างกายได้เลย นั่นมันเพลงฉินกระไร!?
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“อย่างที่คิด ก่อนเกิดจลาจล ต้องมีเหตุการณ์เกินควบคุมเกิดขึ้นฉับพลันเช่นนี้!”
สตรีผู้ทรงอำนาจนางหนึ่งถอนหายใจ ดวงหน้างามสะพรั่งไร้ใดเปรียบ นางคือจ้าวแห่งก่วงหลิง ปกครองแดนก่วงหลิง นางมิได้ทอดถอนใจเช่นนี้มาไม่รู้นานเท่าใด ทว่าช่วงนี้นางกลับถอนหายใจอยู่เรื่อย
สาเหตุนั้นมิใช่อื่นใด ล้วนเป็นเพราะช่วงนี้แดนบรรพโกลาหลไม่สงบอย่างยิ่ง ทุกอย่างที่เคยเป็น จักเปลี่ยนผันไปในที่สุด…
นี่มิใช่เรื่องดีอันใด
มิใช่เรื่องดีสำหรับสิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลอย่างพวกเขา และมิใช่เรื่องดีสำหรับสิ่งมีชีวิตนอกแดนบรรพโกลาหลเช่นกัน…
ภยันตรายใกล้เปิดฉากแล้ว!
อีกด้าน หลังจบไปแล้วหนึ่งลำนำ หนึ่งการร่ายรำ หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยดื่มกันอย่างหนำใจต่ออีกหลายจอก วันนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ในอารมณ์ชื่นมื่น จึงดื่มกันมากกว่าปกติ หลี่จิ่วเต้าก็เพิ่งเคยเมามายเยี่ยงนี้เป็นครั้งแรก
“กลับไปนอนเถิด จำไว้ คืนนี้ห้ามมุดเตียงข้าอีก!”
หลี่จิ่วเต้าตัวโอนเอนขณะเอ่ยกับลั่วสุ่ย
“ได้…ได้เจ้าค่ะ คุณชาย!”
ลั่วสุ่ยตอบเสียงขาดห้วง
นอนในห้องตัวเอง นอนในห้องตัวเอง ต้องนอนในห้องตัวเองให้ได้!
ลั่วสุ่ยพร่ำบอกตนเองในใจไม่หยุด เดินตัวเอนไหวกลับมาถึงห้องของตน
หลังกลับมาถึงห้อง นางก็ล้มตัวหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
หลี่จิ่วเต้ามิได้กลับห้องนอนของเขา หากแต่ไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเดินตัวโอนเอนออกมา เตรียมตัวเข้านอน
ทว่าเขากลับเข้าห้องผิด ไปอยู่ในห้องของลั่วสุ่ย!
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียง รู้สึกว่าเหตุใดวันนี้เตียงถึงนุ่มปานนี้?
นุ่มเกินไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนนอนอยู่บนกองฟองน้ำ!
“ยามเมาคงมีอาการเช่นนี้กระมัง…”
เขาพึมพำหนึ่งเสียง พลิกตัวอีกด้าน พลันรู้สึกสบายยิ่งกว่าเดิม ข้างใต้นุ่มนิ่มเสียจนเหมือนเขาจะละลายเข้าไป!
ความรู้สึกเช่นนี้อย่าให้เอ่ยเลยว่าเปรมปรีดิ์ปานใด เขาถึงขั้นคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว