เฮ่อเหลียนเวยเวยยังรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย แต่นางก็รู้ว่าหนานกงเลี่ยเข้าใจว่านางคือเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกคนหนึ่ง
นางไม่จำเป็นต้องยอมรับหรือปฏิเสธเรื่องนั้น
หากพิจารณาจากคำพูดของหนานกงเลี่ยแล้ว ดูเหมือนว่าการเป็นเฮ่อเหลียนเวยเวยจะทำให้นางสามารถพบกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้โดยง่าย
“แต่มันก็ยังแปลกอยู่ดี ทำไมเจ้าถึงดูเปลี่ยนไปล่ะ” หนานกงเลี่ยมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า “มิหนำซ้ำผิวของเจ้าก็ยังสวยขึ้นเสียด้วย...”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ตอบ อย่างไรเฮ่อเหลียนเวยเวยคนก่อนหน้านี้กับนางก็เป็นคนละคนกัน นอกจากสิ่งที่หนานกงเลี่ยพูดมา นิสัยของนางก็แตกต่างจากอีกคนเช่นกัน นางกลัวว่าถ้านางพูดอะไร มันจะทำให้ความแตกได้…
ทันใดนั้นจู่ๆ หนานกงเลี่ยก็เผยรอยยิ้มออกมา สีหน้าชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ข้าคิดว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้วเสียอีก ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าจะยังเหมือนเดิม ไม่ว่าข้าจะพูดอะไร เจ้าก็เอาแต่ก้มหน้า น่าเบื่อชะมัด แต่ช่างเถอะ ช่วยไม่ได้ อาเจวี๋ยดันชอบที่เจ้าเป็นเช่นนี้ มาสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาเขา ถ้าเขารู้ว่าเจ้าเป็นเนื้อคู่ของเขาละก็ เขาอาจจะมอบองครักษ์ของวังปีศาจให้ข้าสักคนสองคนก็ได้”
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยทอแสงวาบ อาเจวี๋ยชอบข้าหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน
“แต่เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร จู่ๆ เจ้าก็มีปีกงอกขึ้นมาหรือ” หนานกงเลี่ยพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยกับเรื่องนั้นระหว่างที่พานางมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขา เขาแอบตัดสินใจว่าเขาคงต้องเสริมการป้องกันของวิหารบวงสรวงเสียแล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ฟังเขา นางคิดอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และนั่นคือการที่นางจะได้พบหน้าองค์ชายในไม่ช้านี้!
หัวใจของนางเต้นระรัว เฮ่อเหลียนเวยเวยพยายามควบคุมนิ้วที่สั่นระริกของตัวเองเพื่อให้ดูสำรวมมากขึ้น
สงสัยจังว่าตอนนี้เขาจะหน้าตาเป็นอย่างไร
ยิ่งกว่านั้น… ในเมื่อคราวก่อนนางไปจากเขากะทันหันแบบนั้น เขาจะโทษนางหรือเปล่า
ไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกถึงร่างเล็กๆ นั้น หัวใจของนางก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง
“เดี๋ยวก่อน” หนานกงเลี่ยหยุดเดิน “ตอนนี้อาเจวี๋ยยังคงหลับอยู่ เจ้าก็รู้ว่าเขาขี้เซามากทีเดียว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่งเสียงรับอย่างเห็นด้วย
หนานกงเลี่ยมองนางที่ยังไม่พูดไม่จา แล้วหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง แต่เสียงนั้นกลับเจือไปด้วยความเย็นชา “สิ่งที่ข้ากำลังจะพูดอาจฟังดูไม่เหมาะสมนัก แต่เจ้าอย่าใช้วิธีนี้ทำให้อาเจวี๋ยเป็นห่วงได้หรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว และกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง
หนานกงเลี่ยยิ้มแล้วตัดบทนางว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าคงรู้สึกเหมือนกับว่าอาเจวี๋ยไม่ได้ชอบเจ้าถึงเพียงนั้น และไม่ได้ทำให้เจ้ารู้สึกปลอดภัยพอ แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่เจ้าหายตัวไป อาเจวี๋ยจะควานหาตัวเจ้าราวกับคนเสียสติ เขาเป็นองค์ชาย และยังเป็นคนที่มีแนวโน้มว่าจะได้ขึ้นครองราชย์มากที่สุดด้วย ฮองเฮาเพิ่งสิ้นพระชนม์ไปได้ไม่นาน และอาเจวี๋ยก็ต้องคอยดูแลองค์ชายเจ็ด รวมถึงยังต้องคอยระวังสี่ตระกูลใหญ่อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ท่าทางเช่นนี้มีแต่จะสร้างความกังวลให้เขา ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าใช้สมองสักนิด แล้วเลิกหายตัวไปปุบปับเพื่อพิสูจน์ความรักที่เขามีต่อเจ้าเสียที เข้าใจหรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยได้ข้อมูลมากมายมาจากคำพูดของหนานกงเลี่ย
ฮองเฮาเพิ่งสิ้นพระชนม์ไปได้ไม่นาน เช่นนั้นคนที่คุมวังหลังอยู่ในเวลานี้ย่อมเป็นคนจากตระกูลมู่หรง
และเจ้าเจ็ดก็ยังจำเป็นต้องมีคนดูแล…
นั่นหมายความว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยในเวลานี้น่าจะมีอายุประมาณสิบหกปี
แต่ความชอบที่หนานกงเลี่ยกล่าวถึงคืออะไร
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้า ทันใดนั้นความรู้สึกไม่สบายใจอันรุนแรงก็ถาโถมเข้าใส่นาง
มันไม่น่าจะเป็นอย่างที่นางคิด มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่!
“เอาล่ะ เข้าไปสิ อาเจวี๋ยอยู่ข้างใน เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งอาละวาดไปชุดใหญ่เชียว” หนานกงเลี่ยกระตุกยิ้ม “แต่ข้าเดาว่าเขาคงสงบลงทันทีที่เห็นเจ้า”
นี่เป็นเวลาที่นางจะได้พบเขา แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับก้าวขาไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว
นางรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุผลของมันเอง
นางไม่ได้อยู่ที่นั่นในตอนที่เขาต้องการนางมากที่สุด
แต่เด็กผู้หญิงที่มักนำอาหารมาให้เขากลับอยู่ตรงนั้นเพื่อเขาแทนนาง…
นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะได้มาเห็นวันที่ตัวเองถูกแทนที่
แต่พอวันนี้มาถึงเข้าจริงๆ มันก็ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
นางไม่เคยปรานีแม้กระทั่งกับเรื่องงาน
โลกของนางเคยเป็นสีดำสนิทก่อนที่นางจะได้พบกับถังเส่า มันมืดมิดและนางไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ นางทำได้เพียงแค่มองตัวเองจมลึกลงไปในนั้น และไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้
จากนั้น ในที่สุดนางก็ได้ทักษะเหล่านี้มา นางจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้นให้กับผู้เป็นมารดา
ตอนที่นางชิงธุรกิจของตระกูลตัวเองกลับมา บิดาของนางกล่าวว่านางเป็นคนโหดเหี้ยมไร้หัวใจ
นางถึงกับหักซี่โครงหนึ่งในชู้รักของเขาต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ
บางทีนางอาจจะไร้หัวใจจริงๆ แต่แล้วนางก็ได้พบกับใครคนหนึ่งที่ดีกับนางอย่างแท้จริง
เขาเลี้ยงนางเป็นเหยื่อ วิธีการของเขาล้วนแต่โหดร้ายไม่ต่างกัน และเขามักจะมองนางอย่างอวดดีอยู่เสมอ
แต่เวลาที่นางปวดท้อง เขาจะกอดนางเอาไว้เพื่อให้นางไม่หนาว
ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าใด เขาก็มักจะนำอาหารที่นางชอบมาวางไว้ตรงหน้านาง
ถ้าเกิดว่า… คนคนนี้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้วล่ะ นางจะทำอย่างไรดี
ถ้าเกิดว่าคนคนนี้มอบความรักทั้งหมดของเขาให้กับคนอื่นไปแล้ว เช่นนั้นนางจะทำอย่างไรดี
“ทำไมเจ้าถึงไม่ขยับล่ะ” หนานกงเลี่ยขมวดคิ้วใส่นาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมือแน่นแล้วยืนหลังเหยียดตรง “ไม่มีอะไร” ต่อให้ทั้งหมดนั้นจะหายไป นางก็จะพาเขากลับไปกับนางให้ได้
จากนั้นหนานกงเลี่ยก็หัวเราะ เขาเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาระหว่างเดินเข้าไปข้างในว่า “อาเจวี๋ย ดูสิว่าข้าพาใครมา!”
เด็กชายในชุดสีขาวราวงาช้างยืนอยู่ท่ามกลางควันธูป เขามีรูปร่างสูงโปร่ง นางสามารถมองเห็นช่วงขาอันแข็งแรงของเขาได้ รอบคอของเขามีผ้าพันคอขนสัตว์สีขาวหิมะพันอยู่ รอบตัวเขาเต็มไปด้วยบรรยากาศของบัณฑิตผู้สูงส่ง
เขาพลิกราชโองการในมือราวกับไม่ใส่ใจและไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ เขาใช้น้ำเสียงแผ่วเบาและเย็นชาราวกับดาบชั้นดีอันคมกริบเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเจ้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียวละก็ไสหัวออกไปซะ”
“อาเจวี๋ย ทำไมเจ้าต้องเย็นชาถึงเพียงนี้ด้วย หันมาดูก่อนสิว่าใครมา” หนานกงเลี่ยยิ้มเจื่อน พร้อมกับใช้คางพยักเพยิดไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองตามสายตาของเขาไป แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวล “เจ้าหายไปไหนมา ข้าบอกให้เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่มิใช่หรือ ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงหายตัวไปล่ะ หืม”
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้า นางรู้สึกเหมือนสมองกำลังส่งเสียงหึ่งๆ
นางกำมือแน่น และรู้สึกได้ถึงก้อนแข็งๆ ที่อยู่ในลำคอ นางพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
“ทำไมเจ้าไม่ตอบล่ะ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับไร้ซึ่งความอบอุ่น ทั้งที่เป็นเช่นนั้น แต่เขากลับดูอ่อนโยนกว่าปกติ
ทุกคนล้วนแต่ลือกันว่าองค์ชายสามผู้หล่อเหลามีความอ่อนโยนให้เพียงแค่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฮ่อเหลียนเท่านั้น
ในที่สุดหนานกงเลี่ยก็ได้เห็นมันกับตา แต่เขาไม่รู้เลยว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยมีดีอะไรถึงเพียงนั้น นางขี้ขลาด และความสัมพันธ์ที่นางมีกับมู่หรงฉางเฟิงก็ยังไม่ชัดเจนนัก ทำไมอาเจวี๋ยถึงได้สนใจนางถึงเพียงนี้
ตอนนั้นนั่นเองที่เงาทมิฬเข้ามารายงานเขาว่า “ฝ่าบาท พวกเราหาคุณหนูเวยเวยเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
พอพูดจบ เขาก็พาผู้หญิงอีกคนหนึ่งเข้ามา…