“กูเสี่ยวซูผู้นี้! ลืมสมองทิ้งไว้ตอนออกจากจวนหรือไง”
น่ารังเกียจจริงๆ!
มักจะไม่ยอมให้เขาหมดห่วง!
ซูชีโมโหจนออกแรงขยำจดหมายฉบับนั้นให้กลายเป็นเศษกระดาษปลิวว่อน
คล้ายกับยังรู้สึกว่าไม่คลายความแค้น จึงร่ายรำพัดในมือ เศษกระดาษที่ปลิวว่อนไปทั่ว ก็กลายเป็นหิมะที่โปรยปรายลงบนพื้น
ซูชีคิ้วกระตุก เมื่อเห็นเศษกระดาษที่เหมือนกับหิมะเกลื่อนพื้น เขาพึมพำคล้ายว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับตนเอง
“ช่างเถอะ! นางอยากจะทำอะไรก็ทำไป! ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าสักนิด! ให้นางได้รับความลำบากข้างนอกนั่นดีที่สุด! แบบนี้นางจะได้รู้ว่าโลกใบนี้ไม่ใช่ตระกูลกูของนางเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ!”
ซูชีระงับความโมโหแล้วนั่งรักษาอาการบาดเจ็บภายในบนเตียงต่อไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น!
“คุณชายทุกท่าน เหล่านายท่าน โปรดให้อาหารข้าน้อยสักหน่อยเถอะขอรับ พวกท่านล้วนเป็นคนดี…”
“นายท่าน ให้อาหารข้าน้อยกินสักคำเถอะขอรับ…”
“ข้าน้อยโขกศีรษะให้พวกท่านตรงนี้…”
ท่ามกลางฤดูหนาวภายในเมืองไหลหยาง ขอทานกลุ่มหนึ่งคุกเข่าอยู่บนถนนที่คึกคัก กล่าววาจาน่าสงสารด้วยสภาพทุกข์ทรมาน จากนั้นก็โขกศีรษะให้เหล่าคนที่เดินผ่านไปอย่างต่ำต้อย
ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของซูซูที่ไร้คลื่นความรู้สึกใดๆ แล้ว
ห้าวันก่อนหน้านี้ นางขี่ม้ามาถึงที่นี่ แต่กลับค้นพบเรื่องน่าเศร้า นั่นก็คือไม่ได้พกเงินมาสักเฟินเดียว! ไม่ถูกต้อง!
ในเมืองก่อน นางก็ค้นพบแล้วว่าตนเองไม่มีเงิน!
ตอนที่ปี้เอ๋อร์จัดเตรียมเสื้อผ้าให้นาง ไม่ได้ใส่เงินให้นางด้วยซ้ำ! ส่วนตัวนางก็เป็นเพราะรีบร้อนจากมา จึงลืมเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ไป!
แต่ก่อน เมื่อนางต้องการใช้เงินล้วนมีปี้เอ๋อร์เป็นคนจ่าย แม้ว่านางจะเป็นองครักษ์ของซูชีระยะหนึ่ง ก่อนออกจากจวนทุกวัน ปี้เอ๋อร์ก็มักจะนำเหอเปาที่ใส่เงินเอาไว้เรียบร้อยแล้วแขวนไว้ที่เอวของนาง ให้นางติดตัวไว้ใช้
ครั้งที่แล้ว แม้ว่าจะหนีออกจากจวนตามซูชีไปถึงกองทัพ
แต่เป็นเพราะติดสินบนคนไว้ ซ่อนตัวอยู่ในกองทัพ ก็มีให้กินให้ดื่ม ไม่มีเรื่องไหนต้องใช้เงิน ดังนั้นในสมองของนางจึงไม่มีความคิดที่จะพกเงินมาด้วยเลยสักนิด
ท้องหิวโหยจนยากจะทานทน แรกเริ่มซูซูจึงขายม้าไป แลกเงินมาสองตำลึง!
เพียงแต่ม้าล้ำค่าที่วิ่งได้รวดเร็วราวกับสายลมตัวหนึ่งขายได้สองตำลึง นางที่ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัวกลับมีสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังได้เงินมาสองตำลึง นางก็พักในโรงเตี๊ยม กินข้าว เพียงแค่เวลาสองวัน ก็ใช้หมดแล้ว!
สิ่งที่สามารถจำนำได้บนร่าง ล้วนจำนำไปหมดในเมืองก่อนหน้านี้แล้ว! รวมไปถึงเสื้อคลุมหนังสัตว์กันลมตัวนั้นของนางด้วย นางในตอนนี้เรียกได้ว่าโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิงแล้ว!
ดังนั้นเป็นเหมือนเดิม
ไม่มีเงินพักในโรงเตี๊ยม จึงถูกเถ้าแก่ขับไล่ออกมา…ระเหเร่ร่อนอยู่บนถนน ทั้งหนาวทั้งหิว สุดท้ายก็ตกอยู่ในสภาพที่อยู่รวมกับกลุ่มขอทานเช่นนี้
ในใจของท่านหญิงซูซู รู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง!
นางไม่รู้จริงๆ ว่า ทำไมเรื่องราวถึงได้กลายเป็นเช่นนี้
นางไม่เพียงแต่หาซูชีไม่พบ แต่ยังล้างผลาญจนทำให้ตนเองต้องมีสภาพแบบนี้!
หากว่าตอนนี้ซูชีอยู่ตรงหน้านาง หากว่าตนเองไม่เอ่ยอันใด ซูซูเชื่อว่า แม้ซูชีจะจับจ้องนาง ก็จำนางไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็พลันรู้สึกแย่ในใจเล็กน้อย…
หลายปีมานี้ นางเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่ง ไม่เคยร้องไห้เสียน้ำตามาก่อน!
แต่นับตั้งแต่ได้พบกับซูชี นางค้นพบว่า นางร้องไห้ใช้น้ำตาเกือบยี่สิบปีนี้ไปจนหมดแล้ว! ดูเหมือนสมองของนางจะมีปัญหา ถึงได้ทำเรื่องโง่ๆ พวกนี้ลงไป…
ชายชราที่พานางออกมาจากในรังขอทานได้ยินซูซูร้องไห้ ก็เริ่มเกลี้ยกล่อมนาง
“เฮ้อ! แม่นาง อย่าร้องไห้เลย! รีบโขกศีรษะ กล่าววาจาน่าฟังให้กับนายท่านทั้งหลายเหล่านี้เร็วเข้า พวกเขาจะได้ให้เงินกับพวกเรา! แบบนี้พวกเราถึงจะไปซื้อของกินเติมท้องให้อิ่มได้! เจ้าร้องไห้เงียบๆ แบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก”
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับต่ำต้อยที่สุดเฉกเช่นพวกเขานั้นลืมไปแล้วว่าศักดิ์ศรีคืออะไร เกียรติคืออะไร! สามารถแลกข้าวกินได้หรือ
สิ่งที่พวกเขาต้องคิดอย่างแรกสุดก็คือ ทำอย่างไรถึงจะสามารถขอให้เหล่าคนร่ำรวยมอบเงินให้พวกเขาสักเล็กน้อยได้ จากนั้นจะได้ให้พวกเขากินให้อิ่มท้อง ไม่ต้องทนหิว ทนความหนาว
ขอทานต้องคุกเข่า ร้องขอความเมตตา…
สีหน้าซูซูในตอนนี้แย่สุดขีด
แต่ก่อน สำหรับนางแล้ว ทั้งหมดนี้ดูห่างไกลยิ่งนัก!
แต่ว่าตอนนี้ เวลานี้กลับมีคนเกลี้ยกล่อมข้างหูนางไม่หยุด ให้นางคุกเข่าขออาหาร…
นางมีความรู้สึกคล้ายจะเป็นบ้า!
ตลอดชีวิตนี้ของนางเคยคุกเข่าให้แค่เสด็จพ่อ เสด็จแม่ กับฮ่องเต้
แม้ว่าจะเป็นฮองเฮา นางก็แค่ย่อกายทำความเคารพเท่านั้นเอง!
หากต้องคุกเข่าให้กับผู้อื่น เพียงเพื่อเงินจำนวนเล็กน้อย? นางทำไม่ได้!
แม้ว่าจะต้องหิวตาย นางก็ไม่มีทางคุกเข่า และยิ่งไม่มีทางขอร้อง
แต่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ หากเจ้าไม่คุกเข่าให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางให้เงินเจ้า นี่คือชีวิตชั้นสูงของคนที่มีฐานะต่ำต้อยเหล่านี้
ท้องเริ่มร้องจ๊อกๆ ซูซูที่ตลอดช่วงเช้าได้ดื่มเพียงแค่น้ำจากหิมะไปคำหนึ่งถูกความหิวทำให้ปวดกระเพาะเล็กน้อย!
อากาศหนาวเย็นขนาดนี้! อาภรณ์ที่ปี้เอ๋อร์จัดเตรียมให้นาง ไม่มีสักตัวที่บรรเทาความหนาวได้!
และที่น่าเศร้าใจที่สุดก็คือ อาภรณ์พวกนั้นทั้งหมดถูกนางนำไปจำนำหมดแล้ว! กระทั่งเสื้อคลุมต้าฉ่างตัวใหญ่ที่ช่วยบรรเทาความหนาวตัวนอกก็ถูกนางนำไปจำนำเช่นเดียวกัน
หิมะโปรยปรายหมื่นลี้ อากาศหนาวเหน็บ และนางที่สวมอาภรณ์ตัวเดียว
จึงทำได้แค่เลือกมาหลบความหนาวในรังขอทาน…
อาภรณ์บนร่างตัวนี้ ก็สกปรกเละเทะยิ่งนัก!
ไม่เอาไหนเกินไปแล้ว!
ยังดีที่นางไม่ได้ลืมบทเรียนจากเหตุการณ์เรื่องสตรีเจ้าชู้หลายใจ กลัวว่าจะมีคนที่มีเจตนาร้าย ก่อนมาที่รังขอทาน จึงทำให้ใบหน้าของตนเองสกปรก จนกระทั่งตนเองก็จำไม่ได้
นางต้องทำให้ตนเองมีชีวิตต่อไปให้ได้ก่อน ค่อยหาวิธีที่จะมีชีวิตต่อไป แล้วถึงจะไปตามหาซูชีได้
หากว่าให้ซูชีเห็นสภาพแบบนี้เข้า ต้องหัวเราะงอหงายใส่นางแน่ๆ…
นางไม่มีทางให้ซูชีเห็นสภาพนางในตอนนี้เด็ดขาด!
นางควรจะทำอย่างไรดี
“ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!” ซูซูตัวสั่นจนกอดตนเองเป็นลูกบอลลูกหนึ่ง
“เฮ้อ…” ขอทานชราที่อยู่ข้างๆ เห็นเข้า ก็ถอนหายใจอย่างไม่อาจทนนิ่งเฉยได้
“นังหนูเอ๋ย เจ้าวางศักดิ์ศรีอันน่าสงสารนั่นลงเสียเถอะ! ไม่เช่นนั้นสุดท้ายก็จะเป็นการทรมานเจ้าจนตาย! ตอนนี้เจ้าไม่มีเงินสักเฟินเดียว แม้ว่าอยากจะซื้อซาลาเปาร้อนๆ สักลูกหนึ่ง ก็ทำไม่ได้ไม่ใช่หรือ”
เขามีใจจะช่วยแม่นางน้อยที่น่าสงสารผู้นี้ แต่เขาก็อับจนหนทางเช่นกัน
ตอนนี้ฤดูหนาวมาเยือน บนถนนไม่มีคนออกมาเดิน! เขานั่งคุกเข่าอยู่ข้างนอกตลอดช่วงเช้า ก็ไม่มีใครบริจาคเงินสักเฟินให้พวกเขา! เข่าของเขาก็เหน็บหนาวจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว!
“เฮ้อ…เง็กเซียนผู้โหดร้าย ทำไมถึงทำให้พวกเรากลายเป็นคนจนกัน…”
ขอทานชราเอ่ยอันใดอีก ซูซูได้ยินไม่ชัดเจนแล้ว ทั่วกายนางเย็นยะเยือกผิดปกติ ศีรษะวิงเวียนจนรู้สึกแย่ หน้าอกก็เจ็บ กระเพาะก็ปวด…