ตอนที่ 627 หลินม่ายซื้อหนังสือ
เวลาสี่วันในฮ่องกงผ่านไปภายในชั่วพริบตา หลินม่ายซื้อเครื่องจักรผลิตอาหารและผ่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
ฮ่องกงในยุคสมัยนี้ช่างวุ่นวายจริง ๆ ในการจะผ่านด่านศุลกากรได้จะต้องยื่นอั่งเปาให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วย
รอจนกระทั่งพวกพี่สะใภ้ผ่านด่านศุลกากรออกมาแล้ว ฟางจั๋วเยวี่ยจึงเข้าไปพักที่โรงแรม
ฮ่องกงในเดือนกรกฎาคมค่อนข้างร้อนมาก หากอยู่กลางแดดอาจเสี่ยงโดนย่างได้
ทว่าหลินม่ายต้องการไปที่เกาลูนและเขตดินแดนใหม่
ฟางจั๋วเยวี่ยจึงต้องเสี่ยงชีวิตตามสุภาพสตรีไปด้วย เพราะเห็นแก่ความปลอดภัยของเธอ
ถึงแม้ว่าเกาลูนและเขตดินแดนใหม่จะรุ่งเรืองขึ้นมาในช่วงทศวรรษหนึ่งเก้าแปดศูนย์ แต่หลินม่ายกลับไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรือง และเดินทางไปยังพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาแทน
ฮ่องกงในเวลานี้มีประชากรอยู่ไม่มาก ไม่เหมือนในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าที่พื้นที่ทุกตารางนิ้วมีราคาแพงสูงลิ่ว แต่ในยุคสมัยนี้ยังเหลือพื้นที่รกร้างอยู่บ้าง
ฟางจั๋วเยวี่ยเอ่ยถามด้วยความงงงวย “เธอยอมตากแดดมาเพื่อดูพื้นที่รกร้างสองแห่งนี้งั้นเหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้า “ฉันอยากหาซื้อพื้นที่สักหนึ่งหรือสองผืนมาสร้างบ้านที่ฮ่องกงน่ะ”
“เธอบ้าเหรอ ไม่เห็นโฆษณาขายบ้านทิ้งที่อยู่เต็มถนนหรือไง?”
ฟางจั๋วเยวี่ยอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกน เขาสังเกตเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวตั้งแต่วันแรกที่มาถึงฮ่องกงแล้ว
พี่สะใภ้เป็นคนฉลาด แต่เธอดันอยากจะซื้อที่ดินมาสร้างบ้านอาคารในขณะที่คนอื่นกำลังขายบ้านทิ้ง นี่มันไม่โง่เง่าไปหน่อยเหรอ
เขายังคงบ่นอุบอิบ “เพราะเธอเพิ่งได้ออกมาเที่ยวสนุก ถึงได้ใจร้อนไปหรือไง? หรือว่าตื่นตาตื่นใจจนความคิดบรรเจิดไม่ไหวเลยเผยความติงต๊องออกมา?”
หลินม่ายหรี่ตามองเขา “นายกวนประสาทนักใช่ไหม อยากโดนพี่ชายนายต่อยหรือไง?”
ฟางจั๋วเยวี่ยแตะจมูก “ฉันรู้สึกมันผิดปกติที่จู่ ๆ เธอจะมาซื้อที่ดินสร้างบ้านในตอนนี้”
“ฉันไม่ได้ผิดปกติอะไร นายแค่มองไม่เห็นโอกาสในการทำธุรกิจต่างหาก ถ้าซื้อที่ดินสองผืนตุนไว้ตั้งแต่ตอนนี้ แล้วสร้างอสังหาริมทรัพย์มาขายต่อ จะต้องทำกำไรได้มากแน่ ๆ”
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดกล่อม “แต่ฉันว่าเธอไม่ควรเสี่ยงนะ เธอรู้เหรอว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงจะฟื้นตัวเมื่อไหร่? ถ้าเกิดมันดีขึ้นหลังสิบปีแปดปี เธอไม่ต้องสะสมที่ดินไว้สิบปีแปดปีเลยหรือไง?”
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สักหน่อย” หลินถามพูด
ในชีวิตที่แล้วเธอต้องการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่น่าเสียดายที่นายหน้าในอุตสาหกรรมอย่างคุณหวังไม่ต้องการให้เธอลงมาเล่น เธอจึงยอมพ่ายแพ้ไป
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอสังหาริมทรัพย์ แต่เธอก็ได้ทำการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เข้าใจประวัติศาสตร์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง
อสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงพัฒนาอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษหนึ่งเก้าแปดศูนย์ และพัฒนาถึงจุดสูงสุดในปีหนึ่งเก้าแปดหนึ่ง
ทว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ตามมาจากการเจรจาระหว่างจีนกับอังกฤษในประเด็นของฮ่องกง ทำให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นในหมู่ชาวฮ่องกง
สิ้นปีหนึ่งเก้าแปดสอง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงลดฮวบลงถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ และในปีหนึ่งเก้าแปดสามอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มทรุดตัวลง
จนกระทั่งในเดือนกันยายนปีหนึ่งเก้าแปดสี่ หลังจากการลงนามใน “ปฏิญญาร่วมกันระหว่างจีน-อังกฤษ” ตลาดได้ฟื้นตัวขึ้นและทะยานขึ้นสูง
ตอนนี้เป็นปีหนึ่งเก้าแปดสามแล้ว หากไล่ซื้อที่ดินในเวลานี้จนสร้างอาคารเสร็จสรรพ รอจนถึงปีหนึ่งเก้าแปดสี่ ในตอนนั้นจะสามารถสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
ฟางจั๋วเยวี่ยตกตะลึง “เธอวางแผนจะถือครองมันไว้ถึงแปดปีสิบปีจริงอะ!”
หลินม่ายพยักหน้า
นายหลี่ผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกงเคยซื้อพื้นที่ในแผ่นดินใหญ่เก็บสะสมไว้เป็นเวลาสิบถึงยี่สิบปี
การกักตุนที่ดินในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ฟางจั๋วเยวี่ยที่อยู่ในยุคสมัยนี้กลับไม่เข้าใจ
ทว่าชายผู้ร่ำรวยแซ่หลี่สะสมที่ดินมากมายเพราะมีเจตนาที่ไม่ดี หลินม่ายจึงต่อต้านและรังเกียจมาก
หลี่ผู้ร่ำรวยคนนั้นสะสมที่ดินเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
เขากู้เงินทางรัฐมาซื้อที่ดิน และรอจนกระทั่งที่ดินมีราคาสูงขึ้น จึงเอามาขายเก็งราคากำไร
การทำเช่นนั้นทำให้หลี่ผู้ร่ำรวยไม่ต้องออกเงินแม้แต่หยวนเดียว ไม่ต้องออกแรงใด ๆ อีกทั้งยังแบกรับความเสี่ยงอะไรอีกด้วย เพราะเขาสามารถทำเงินได้มากมาย
แบบอย่างของเขาไม่ได้พัฒนาอาคารใหม่ ไม่ได้เป็นการจัดหางานให้กับคนงานก่อสร้าง และไม่ได้เป็นการพัฒนาเมือง
การจ่ายเงินออกไปยี่สิบล้านล้านหยวนเป็นการสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยตรง นับว่าเป็นชายชาตรีที่อยู่ในกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์
หลินม่ายยึดตามหลักบรรทัดล่างของการทำธุรกิจเสมอ เธอสามารถแสวงหาผลกำไรได้ แต่จะไม่มีทางทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติกับประชาชนเด็ดขาด
กล่าวคือวิญญูชนต้องการทรัพย์สินเงินทอง ต้องได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง หากจะดีกว่านี้ก็ต้องมีเส้นสาย
หลังมองตรวจตราดูที่ดินจนกระทั่งสาย ทั้งสองไปเจอฟางจั๋วหรานเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ขณะที่หลินม่ายไปที่ซื้อที่ดินกับกรมที่ดินฮ่องกงในตอนบ่าย
ผู้อำนวยการบอกว่าเธอว่าที่ดินของทางรัฐบาลฮ่องกงจะถูกขายด้วยการประมูลเท่านั้น
หากเธอต้องการซื้อที่ดิน จะต้องเข้าร่วมการประมูล และผู้ที่เสนอราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ
หลินม่ายสอบถามว่าเมื่อไหร่จะมีการประมูลราคาต่อสาธารณชนอีก
ผู้อำนวยการบอกว่าช่วงนี้อสังหาริมทรัพย์มีราคาตกต่ำเกินกว่าทางรัฐบาลจะทำการขายที่ดินได้
หลินม่ายผิดหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ก่อนที่ผู้อำนวยการจะรับซองอั่งเปาหนาปึกมาจากเธอ
แต่ในเมื่อรับสินบนมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาและแสดงวิธีการให้เธอเห็น
จึงบอกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งกว้านซื้อที่ดินมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงขาลง ไม่ต้องพูดถึงการสร้างอาคาร แม้แต่บริษัทยังจะล้มละลาย
บริษัทเหล่านี้ต้องการโอนที่ดินออกไป หลินม่ายสามารถไปซื้อที่ดินที่ถูกโอนออกได้
หลินม่ายจึงลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์วันนั้นว่าต้องการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว
ก่อนจะเดินออกมาจากสำนักหนังสือพิมพ์ หลินม่ายเดินผ่านร้านหนังสือและเหลือบเห็นคำว่า <ท่วงท่าเริงรักสามสิบหกรูปแบบ> อยู่บนปกหนังสือ เธอจึงหยุดเดิน
ในไม่ช้าเธอจะต้องแต่งงานกับฟางจั๋วหราน แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเลย
เอาแต่คิดว่าตนเองควรจะซื้อหนังสือ <ท่วงท่าเริงรักสามสิบหกรูปแบบ> มาเรียนรู้ดีหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ทำตัวเฉิ่มเชยในคืนวันแต่งงาน
ทว่ามันน่าอายที่จะต้องซื้อหนังสือประเภทนี้ อีกทั้งฟางจั๋วเยวี่ยยังเป็นคนจ่ายเงินให้
หลินม่ายเป่าลมใส่มือ กระแอมไอเบา ๆ และบอกฟางจั๋วเยวี่ยว่า “นายไปซื้อไอติมให้ฉันหน่อยสิ ฉันร้อนมากเลย”
ฟางจั๋วเยวี่ยยืนมือออกมาข้างหน้าเธอ “เงิน”
ผู้ชายคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน ยากจนถึงขนาดไม่มีเงินซื้อไอศกรีมด้วยซ้ำ
หลินม่ายกระตุกมุมปากและส่งเงินให้เขา เฝ้ามองเขาเดินจากไป จากนั้นจึงแอบเข้าไปในร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสื่อลามก หยิบหนังสือ <ท่วงท่าเริงรักสามสิบหกรูปแบบ> ขึ้นมาพลิกดูอย่างรวดเร็ว
แต่ละท่าข้างต้นทำให้ดวงตาของเธอเปิดกว้างและทำให้เธอประหลาดใจ
แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าความยากระดับนี้ไม่ใช่การเล่นกายกรรม?
หลินม่ายไม่กล้าดูหนังสือต่อ เป็นเพราะเธอกลัวว่าฟางจั๋วเยวี่ยที่ซื้อไอศกรีมเสร็จแล้วจะกลับมาเห็นเธออ่านหนังสือแบบนี้ และเธอคงไม่กล้าสู้หน้าเขา!
เธอบอกเถ้าแก่ว่าจะซื้อหนังสือเล่มนี้ด้วยสีหน้าแดงก่ำ
เถ้าแก่ส่งหนังสือให้เธอ และรีบดึงเธอเข้าไปในร้านด้วยความกระตือรือร้น “ร้านหนังสือเล็ก ๆ ของผมไม่ได้ขายแค่หนังสือนา ยังขายเทปวิดีโอด้วย ถ้าคุณอยากเรียนรู้กระบวนท่า ซื้อหนังสืออย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องซื้อเทปวิดีโอไปดูด้วย”
เขาพูดและยื่นเทปวิดีโอหลายรายการส่งให้เธอ
หลินม่ายชำเลืองมองเทปวิดีโออย่างเขินอาย เพราะหน้าปกเทปดูเปิดเผยมาก
เธอประหลาดใจจนดวงตาเบิกกว้าง นึกไม่ถึงว่าประเทศเกาะที่มีความเป็นอยู่ที่ดีจะมีสื่อภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่อยู่ด้วย มันเปิดกว้างมากจริง ๆ
น่าเสียดายที่ตั้งแต่ชาติที่แล้วจนถึงชาตินี้เธอไม่เคยดูวิดีโอหนังผู้ใหญ่เลย ถึงขนาดไม่รู้จักโซระ อาโออิด้วยซ้ำ
หรือ…ซื้อไปทั้งสองแบบดี?
ขณะเดียวกันฟางจั๋วเยวี่ยที่ไปซื้อไอศกรีมกลับมาก็ยื่นมือออกมาคว้าเทปวิดีโอเหล่านั้น
เขาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจทันทีหลังจากมองดูมันเพียงแวบเดียว “พี่สะใภ้ เพิ่งมาฮ่องกงได้แค่ไม่กี่วันก็ทำตัวเถลไถลแล้วเหรอ อยากดูเทปวิดีโอพวกนี้จริง ๆ หรือไง!”
หลินม่ายรีบพูดอธิบายด้วยความตื่นตระหนก “ฉันไม่ได้คิดจะดูวิดีโอเทปพวกนี้สักหน่อย เถ้าแก่แค่แนะนำให้ฉัน”
จากนั้นจึงสุ่มหยิบหนังสือขึ้นมา “ที่จริงฉันอยากจะมาซื้อหนังสือเล่มนี้ต่างหาก”
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ก่อนฟางจั๋วเยวี่ยจะมา เธอเอาหนังสือ <ท่วงท่าเริงรักสามสิบหกรูปแบบ> ยัดใส่ไว้ในกระเป๋าแล้ว
ไม่อย่างนั้นถ้าน้องสามีมาเห็นเข้า เธอคงจะต้องขุดหลุมซ่อนตัวแน่ๆ
ฟางจั๋วเยวี่ยถอนหายใจ ส่งเทปวิดีโอคืนให้เถ้าแก่ หยิบหนังสือในมือเธอขึ้นมาอ่าน ก่อนจะยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
หลินม่ายหยิบไอศกรีมมาจากมือเขา ฉีกซองและค่อย ๆ เลีย เงยหน้ามองปกหนังสือที่ด้านบนถูกเขียนเอาไว้ว่า <วิธีมัดใจชายให้อยู่หมัด>
ใบหน้าเธอแดงก่ำ คิดว่าทำไมร้านหนังสือแห่งนี้ถึงขายหนังสือประเภทนี้เต็มไปหมด?
ฟางจั๋วเยวี่ยค้นชั้นหนังสืออยู่สองรอบ หยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่งและส่งให้หลินม่าย “เล่มนี้เหมาะกับเธอดี”
หลินม่ายหนังสือขึ้นมาดูชื่อ <วิธีเป็นปีศาจน้อยบดขยี้ใจชาย>
หลินม่ายไม่รู้ว่าควรต้องทำสีหน้าอย่างไร รีบซื้อหนังสือและเดินออกไป
และกลับมาหาฟางจั๋วหรานที่โรงแรม ขณะที่ฟางจั๋วเยวี่ยแอบบอกเขาว่าหลินม่ายซื้อหนังสือมาสองเล่ม
เล่มหนึ่งชื่อว่า <วิธีมัดใจชายให้อยู่หมัด> ส่วนอีกเล่มชื่อว่า <วิธีเป็นปีศาจน้อยบดขยี้ใจชาย>
ฟางจั๋วหรานยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินดังนั้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่อสู้ๆ นะ เรียนให้เก่งๆ เลยนะคะ พี่หมอจะได้ประทับใจ
ไหหม่า(海馬)